นับถอยหลังอายุรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะครบเทอม 4 ปี ในเดือนมีนาคม 2566 ที่เหลือเวลาอีกประมาณ 8 เดือน ในส่วนของนักการเมืองแต่ละพรรคก็เริ่มทยอยลงพื้นที่สร้างคะแนนเสียงตุนไว้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ในภาพใหญ่ของรัฐบาลก็ยังคงต้องบริหารประเทศไปจนกว่าสิ้นสุดวาระ งาระงานลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดต่างๆ จึงถูกวางคิวทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
โดยเฉพาะพี่ใหญ่ 3 ป. 'บิ๊กป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ควบทั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องวางคิว วางบทบาทให้ชัดเจนว่างานไหนไปในนามรองนายกรัฐมนตรี งานไหนไปในนามหัวหน้าพรรคการเมือง
ควันหลง ‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวหนองคาย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่าน พร้อมประกาศลั่นอีสานจะไม่แห้งแล้งอีกต่อไป แถมพวงยุทธศาสตร์ใหม่ เตรียมผุดโครงสร้างพื้นฐาน ดันพื้นที่ภาคอีสานเชื่อมเศรษฐกิจโลก ผ่านนโยบายสุดเก๋ ‘ผ้าขาวม้าเชื่อมโลก’
หากใครได้ติดตามการลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นอกจากพล.อ.ประวิตร จะได้ทักทายพี่น้องประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับโชว์ผลงานการบริหารจัดการน้ำ กระทั่งทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาคอีสานแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำแล้งเลย
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ พล.อ.ประวิตร ได้ประกาศจะทำให้ภาคอีสานเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจไปทั่วโลก
โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวในตอนหนึ่งในช่วงปราศรัยว่า ทุกครั้งที่มาภาคอีสาน คนอีสานจะต้อนรับด้วยความอบอุ่น จากการคาดผ้าขาวม้า ทำให้ผู้มาเยือนเกิดความประทับใจทุกครั้ง อยากบอกว่า “ผ้าขาวม้าเชื่อมโลก” เป็นนโยบายที่ต่อไปนี้ภาคอีสานจะเป็นภาคที่เชื่อมโลก พร้อมกับการกระจายสินค้าต่าง ๆ ไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น
ซึ่งความหมาย “ผ้าขาวม้าเชื่อมโลก” ของพล.อ.ประวิตร นั่นก็คือ รัฐบาลจะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางบกและทางอากาศให้สามารถเชื่อมโยงกันอย่างสะดวกมากขึ้น
ทั้งการพัฒนาทางรถไฟ ทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่ ที่จะเชื่อมทุกจังหวัดเข้าด้วยกัน ส่วนทางถนน ในอีกไม่ช้าโครงข่ายทางด่วนพิเศษระหว่างเมือง จากบางปะอิน - นครราชสีมา จะสามารถเปิดใช้งาน จากนั้นจะมีการพัฒนาถนน 4 เลน เชื่อมโยงจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้การเดินทางสัญจรและขนส่งสินค้าทำได้สะดวกมากขึ้น
ขณะที่การขนส่งทางอากาศ จะมีแผนจะพัฒนาให้สนามบินอุดร, ขอนแก่น และอุบลราชธานี เป็นสนามบินนานาชาติ ที่สามารถรองรับการเดินทางได้ทั่วโลก
พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำให้พี่น้องชาวอีสานได้ชื่นใจด้วยว่า ผ้าขาวม้าเชื่อมโลก จะเป็นนโยบายที่รัฐบาลจะเร่งสานต่อให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และจะทำให้สมบูรณ์ต่อไป เพื่อให้คนอีสานเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และสุดท้ายจะทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ดี กินดี ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
ตัดเรื่องการเมืองออกไป หากโฟกัสในภาพการพัฒนานโยบายในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับผลิตภัฒฑ์ท้องถิ่นที่เป็นวิถีชาวบ้านอย่าง'ผ้าขาวม้า'ถือเป้นวิสัยทัศน์ ที่ดึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย และพร้อมต่อยอดประกาศต่อสายตาชาวโลก หากบิ๊กโปรเจคต์โครงสร้างพื้นฐานสำเร็จเป็นรูปร่าง ที่นอกจากจะเชื่อมโยงการเดินทางเปิดประตูภาคอีสาน เชื่อมต่อระบบขนส่ง โลจิสติกส์เป็นโยงใยทั่วประเทศ อำนวยความสะดวกในการเดินทางแล้ว การรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินานาประเทศ ที่เริ่มฟิ้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มดีวันดีคืน กับเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ยังสามารถชู'ผ้าขาวม้าไทย'เป็นสินค้าพื้นฐานที่นักท่องเที่ยงต้องซื้อไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์และความทรงจำที่ประทับใจว่าครั้งหนึ่งเคยมาเยือนประเทศไทย งานนี้'ผ้าขาวม้าไทย'เตรียมโกอินเตอร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี