'สุพจน์ ไข่มุกด์'เผยบันทึกประชุมของกรธ.ไม่ใช่เอกสารลับ เผยแพร่ในห้องสมุดทั่วประเทศไทย รวมถึงห้องสมุดรัฐสภาด้วยส่วนความเห็น 8 ปีนายกฯไม่ใช่มติ กรธ. และตีความได้หลากหลาย ชี้มีบางฝ่ายจับเรื่อง หวังสร้างประเด็น
10 ส.ค.65 นายสุพจน์ ไข่มุกด์ อดีตรองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย "อินไซด์ไทยแลนด์ " ถึงกรณีที่มีเอกสารระบุเป็นบันทึกการประชุม กรธ. เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2561 ซึ่งอ้างถึงความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กมธ. และตนให้ความเห็นต่อประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ว่า เอกสารดังกล่าวเผยแพร่ได้ทั่วไปในห้องสมุด สถาบันการศึกษาไม่ใช่บันทึกลับ ทั้งนี้การอ้างความเห็นตนและนายมีชัยนั้น ไม่ถูกต้อง และต้องการประเด็นบางประการ
"ตามข้อเท็จจริงในการประชุม เป็นการคุยกันร่วม 30 คนไม่ใช่ 2 คน เพราะกรธ. 21 คน ที่ปรึกษาอีก 10 คน การประชุมจึงไม่ใช่ 2 คนคุยกัน แต่เป็นทั้งคณะ ดังนั้น การจับนำความเห็นแค่ 2 คน คงจะไม่ถูกต้อง เพราะเอกสารเป็นบันทึกการประชุม ไม่ใช่มติ ซึ่งบันทึกการประชุมถือว่ามีความหลากหลายมาก ซึ่งถ้าดูตามมาตรา 158 จะบอกทั้งหมด มีหลายวรรค หลายตอน การจะมาเจาะจงเฉาพะตอนใดตอนหนึ่งมันไม่ถูกต้อง” นายสุพจน์ ระบุ
ทั้งนี้ ตามที่ตนให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ขอย้ำว่า กระบวนการได้มาของนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และมาตรา 159 มีขั้นตอนที่ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อว่าที่นายกฯ 3 ชื่อ ให้ประชาชนเลือกพรรค หากพรรคนั้นได้รับเลือกว่าที่นายกฯ จะได้รับการเสนอชื่อให้รัฐสภาเลือก ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มีขั้นตอนและมีประชามติด้วย ครบถ้วนตามกระบวนการ
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่บอกว่าจะนับตอนไหน เห็นชัดอยู่แล้วต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่รัฐสภาฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยเลือก ทั้งนี้ความเห็นของตนไม่ใช่ความนิยมชมชื่นนายกฯ ปัจจุบัน แต่คือการตีความตามกฎหมาย และหลักนิติศาสตร์ ซึ่งการนับวาระนายกฯ ตนมองว่าเริ่มตั้งแต่วันโปรดเกล้าฯ แต่ท้ายสุดต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็น
นายสุพจน์ กล่าวว่า บันทึกการประชุมที่ถูกเปิดเผยซึ่งอ้างความเห็นว่า ให้นับวาระของนายกฯ ที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นวาระของนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยนั้นเป็นความเห็นเริ่มแรก และเป็นความเห็นไม่กี่คน ไม่ใช่มติและกรณีที่ถูกนำมาเผยแพร่คนเขาเลือกเฉพาะเจาะจงที่เลือกความเห็นเฉพาะบางคนออกมา ทั้งนี้ความเห็นของผู้ยกร่างนั้น ไม่ใช่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องดูรายละเอียดความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ 2560 ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับที่มาของนายกฯ
“ความเห็นที่ปรากฏเป็นความเห็นเริ่มแรกและมีความเห็นที่หลากหลาย ขอให้ยึดมติเป็นหลัก เพราะตอนแรกๆ ยังฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด แต่เขาจับเอามากระเดียดทำให้กลายเป็นประเด็น ดังนั้นขอให้ไปพิจารณาในความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตรา และฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” นายสุพจน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี