‘ปกรณ์วุฒิ’อภิปรายตัดงบ ‘ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯเหี้ยน’ อัด ไม่เป็นกลาง – ไร้มาตรฐาน เป็นแค่ตราประทับให้รัฐบาลปิดปากปชช.
เมื่อวันที่19สิงหาคม 2565 เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม เป็นการพิจารณามาตรา 16 งบประมาณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 3.73 พันล้านบาท
โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) อภิปรายถึงงบประมาณของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติ เนื่องจากหลักการสำคัญขององค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงคือความเป็นกลาง ซึ่งสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลยในมาตรฐานสากล คือการอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐ นอกจากนี้ ศูนย์ฯยังไม่มีมาตรฐาน กระบวนการทำงานของศูนย์ฯ ไม่สามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นกระบวนการที่พยายามตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงได้ด้วยซ้ำ เพราะกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเดียวของศูนย์ฯ คือการสอบถามไปที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยที่ไม่มีการตรวจสอบกับผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งความไม่เป็นกลาง และไม่มีมาตรฐาน นำมาซึ่ง 3 ปัญหา คือ 1.ศูนย์ฯดังกล่าวมีไว้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล เพื่อดำเนินคดีปิดปากคนเท่านั้น 2.การเลือกปฏิบัติว่าจะตรวจสอบเรื่องใดหรือจะเงียบในเรื่องใด และ3.การเผยแพร่คำโกหกของหน่วยงานราชการ ทั้งหมดคือการทำงานที่ไม่มีขั้นตอนที่เป็นมาตรฐาน สุดท้ายศูนย์ฯดังกล่าวทำตัวเป็นแค่ตราประทับรับรองให้การทุจริตของภาครัฐเท่านั้น ตนจึงยืนยันว่า ศูนย์ฯไม่ควรดำรงอยู่ และไม่ควรได้รับงบซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชนแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นเหตุผลที่ตนขอตัดงบของศูนย์ฯ จำนวน 86 ล้านบาท
ด้าน น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ตนขอเสนอตัดลดงบประมาณของกระทรวงดีอีเอสลง 50% เพราะยังปล่อยให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงเฟคนิวส์ต่างๆ ซึ่งงบประมาณที่กระทรวงขอมานั้น มีส่วนของโครงการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพช่วยเหลือประชาชนทางด้านคดีออนไลน์ ศูนย์ช่วยเหลือปัญหาออนไลน์ หรือแม้กระทั่งสร้างกิจกรรมเพื่อสนับสนุนภารกิจของคณะกรรมการทางอิเลกทรอนิกส์ ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อองค์กรของท่านเองหรือไม่ การขยายผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสมาร์ทอัพออฟฟิศ เป็นโครงการที่ทำเพื่อหน่วยงานตนเอง ถามว่าได้ทำอะไรเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง เพราะประชาชนยังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมารบกวน และสูญเสียเงินจำนวนมาก ทางกระทรวงทำอะไรได้บ้าง ทั้งที่กระทรวงดีอีเอสควรเป็นหน่วยงานกลางในการรับเรื่องร้องเรียน และควรทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งกระทรวงดีอีเอสไม่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้ประชาชน
“กระทรวงดีอีเอสยังดูแลประชาชนไม่ดีพอ ทำตัววนไปวนมา ไม่ช่วยประชาชนเข้าสู่ดิจิทัลอย่างแท้จริง ในสภาฯมีองครักษ์พิทักนายกฯฉันท์ใด ในกมธ. และอนุกมธ. ก็เกิดองครักษ์พิทักษ์งบประมาณฉันนั้น เจ้ากระทรวงไหนที่ส.ส.เฝ้าอยู่ว่ามีงบประมาณของกระทรวงไหนเข้า แล้วรัฐมนตรีของตนเองเป็นเจ้ากระทรวงอยู่ จะมีผู้เข้าร่วมประชุมมากมาย เพื่อต่อต้านและไม่ให้ตัดงบจนเกิดปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และเศร้าใจ เพราะไม่เกิดความคุ้มค่าประชาชนที่จะได้ประโยชน์สูงสุด” น.ส.นภาพร กล่าว
จากนั้น ที่ประชุมได้ลงมติมาตรา 16 งบกระทรวงดีอีเอส ด้วยคะแนนเห็นด้วย 224 เสียง ไม่เห็นด้วย 106 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนน 4 เสียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี