ตัวแทนกลุ่มนักศึกษา ยื่นฟ้อง ‘บิ๊กตู่-ผบ.ทสส.’ ยกเลิกข้อกำหนดนายกฯฉบับ47-ประกาศของ ผบ.ทสส. ฉบับที่ 15 ชี้ไม่ยุติธรรมลักไก่เพิ่มโทษ กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความประจำศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทน นิสิตและนักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัย นายกองค์การบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) เป็นจำเลย เรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนข้อกำหนดนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 47 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ฉบับที่ 15 มาตรา 9 และขอให้ศาลเปิดไต่สวนเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
กรณีสืบเนื่องจากวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกข้อกำหนดนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 47 กำหนดให้การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นเสรีภาพของประชาชนที่ย่อมกระทําได้ โดยให้นําหลักเกณฑ์การจัดและการแจ้งการชุมนุม รวมทั้งหน้าที่ของผู้จัดและผู้ชุมนุมตามที่กําหนดในกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะมาใช้โดยอนุโลม โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กำหนดมาตรการขึ้นเป็นการเฉพาะ “เพื่อคุ้มครองประชาชน รวมทั้งอำนวยความสะดวกและดูแลการชุมนุม” ซึ่งถือเป็นการกระทบสิทธิประชาชน โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา และนัดสืบพยานวันที่ 18 ต.ค.นี้
นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ตัวแทนประธานนักศึกษาจากหลายๆแห่ง ได้ร่วมกันเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพื่อขอให้เพิกถอน ข้อกำหนดนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 47 และประกาศของ ผบ.ทสส ฉบับที่ 15 เนื้อหาที่ยื่นฟ้องวันนี้คือเนื่องจากเนื้อหาของทั้ง 2 ฉบับนี้ระบุถึง ในสถานการณ์ฉุกเฉินให้นำ พ.ร.บ.การชุมนุมมาบังคับใช้โดยอนุโลม หมายความว่าเปรียบเสมือนเป็นการลักไก่เพิ่มโทษให้การชุมนุมสาธารณะให้มีโทษที่หนักขึ้นเดิมตาม พ.ร.บ. ชุมนุม ถ้าเราไปชุมนุมสาธารณะและมีการแจ้งการชุมนุมโดยไม่ชอบ โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่ถ้าตามข้อกำหนดและประกาศฉบับดังกล่าว จะถูกจำคุก 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท ทั้งที่กลไกการร้องขอให้เลิกการชุมนุมต้องผ่านศาลเท่านั้น คือต้องมาร้องต่อศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดสั่งให้เลิกการชุมนุม แต่ประกาศและข้อกำหนดฉบับดังกล่าวกับระบุให้ ผบ.ทสส. สามารถออกแบบแผนต่างๆในการสั่งให้เลิกการชุมนุมได้โดยไม่ต้องผ่านกลไกของศาล
ดังนั้นจึงเป็น 2 ประเด็นหลักที่วันนี้เรามายื่นฟ้อง และจะขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครองชั่วคราว สั่งไม่ให้บังคับใช้ ข้อกำหนดฉบับนี้ เพราะช่วงวันที่ 23-24 ส.ค.ที่จะถึงนี้ อาจจะมีการชุมนุมสาธารณะเพื่อติดตามกรณีที่ นายกฯจะครบ 8 ปีตามรัฐธรรมนูญ หากมีการปล่อยให้ใช้ข้อกำหนดฉบับดังกล่าว ก็อาจจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ โดยหลัก ก็ควรเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติหรือของสภา พ.ร.บ.การชุมนุมฯกำหนดอัตราโทษที่ต่ำ แต่คราวนี่มีการออกกฎหมายลำดับรอง เป็นแค่ตัวประกาศของ ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปเพิ่มโทษของกฎหมายตามพระราชบัญญัติ เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้และ ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างยิ่ง
เมื่อถามว่าตั้งข้อสังเกตอย่างไรกับการออกกฎข้อกำหนดของ ผบ.ทสส.ในครั้งนี้ นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า ตนมองว่าไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่มีการออกประกาศในลักษณะนี้มาในช่วงที่กำลังมีการจับตาว่าพล.อ.ประยุทธ์ กำลังดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี และจะออกจากตำแหน่งหรือไม่ รวมถึงกำลังจะมีการชุมนุม วันนี้เราจึงมีข้อมูลมายื่นต่อศาล เพื่อขอให้ไต่สวนด้วยว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมกำลังสำหรับการควบคุมการชุมนุมและ อุปกรณ์ควบคุมการชุมนุมไว้แล้ว ซึ่งเราจะนำมาแสดงต่อศาลในวันนี้ด้วย
ด้านน.ส. เจนิสษา แสงอรุณ นายกองค์การบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า ตามพ.ร.บ.การชุมนุมฯและข้อกำหนดดังกล่าวมีความไม่เป็นธรรม ต่อตัวพวกเราเองและประชาชน เพราะเป็นการลักไก่เพิ่มโทษอย่างที่ทางทนายพูด แล้วอ้างว่าการที่ใช้ประกาศรวมทั้งข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค แต่พวกเราก็ตั้งข้อสังเกตว่า จะใช้เพื่อควบคุมโรคหรือควบคุมสิ่งใดกันแน่ หรือจะใช้ควบคุมการชุมนุมที่เป็นสิทธิเสรีภาพของพวกเราประชาชนทั่วไปหรือไม่นี่จึงเป็นสิ่งที่พวกเราต้องมายื่นฟ้องเพื่อที่จะขอเพิกถอนข้อกำหนดในครั้งนี้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี