ศาลยกฟ้องคดี‘พันธมิตรฯ’ก่อการร้ายบุกยึดสนามบินดอนเมือง สั่งปรับ‘ลุงจำลอง-สนธิ’กับพวกรวม 13 คน ผิดบุกรุก-ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คนละ 2 หมื่นบาท ศาลชี้เป็นการชุมนุมภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยสงบ ปราศจากอาวุธ รักษาผลประโยชน์โดยรวม
17 มกราคม 2567 ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่ 2 คดีดำ อ.973/2556 กลุ่มพันธมิตรฯบุกสนามบิน ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา9 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และแนวร่วม เป็นจำเลยในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นกบฏก่อการร้ายฯ”
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม 2551 จำเลยได้ร่วมกันโฆษณาชักชวนให้ประชาชนมาร่วมกันชุมนุมใหญ่ กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ และปิดล้อมอาคารวีไอพี ท่าอากาศยานดอนเมือง แล้วนำจานรับสัญญาณของพวกจำเลยไปติดตั้งใกล้เครื่องรับสัญญาณเรดาร์ของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และปิดกั้นสะพานกลับรถของกรมทางหลวง และได้ชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ด้วย เพื่อกดดันให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ลาออกจากตำแหน่ง คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ โดยศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 66
ในวันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายพิภพ ธงไชย , นายรัชต์ชยุตม์ หรืออมร ศิริโยธิน , นายพิชิต ไชยมงคล , น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก , นายสันธนะ ประยูรรัตน์ และจำเลยคนอื่นๆ เดินทางมายังศาล ส่วน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายเทิดทูน หรือเกิดภูมิไท ใจดี ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล แต่ใช้วิธีวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปที่โรงพยาบาล โดยมีมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจจำเลยด้วย
ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง พิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง2ฝ่ายแล้ว ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลย เป็นการรักษาผลประโยชน์โดยรวม ชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ ภายใต้กฎหมาย และสิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยมีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังแค่ว่าจำเลยที่ 1-5 จำเลย 7-13 และ จำเลยที่ 31 ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จำเลยที่1 ,นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยที่2 , นายพิภพ ธงไชย จำเลยที่3 ,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำเลยที่4 ,นายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่5, นายศิริชัย ไม้งาม จำเลยที่7 ,นายสำราญ รอดเพชร จำเลยที่8 ,นางมาลีรัตน์ แก้วก่า จำเลยที่9 ,นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำเลยที่10 ,นายสันธนะ ประยูรรัตน์ จำเลยที่ 11 ,นายชนะ ผาสุกสกุล จำเลยที่ 12 ,นายรัชต์ชยุตม์ หรืออมรเทพ หรืออมร ศิริโยธินภักดี หรืออมรรัตนานนท์ จำเลยที่13 และ บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย)จำกัด จำเลยที่31 กระทำความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ2548 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักสุดคือความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ2548
พิพากษาให้ลงโทษปรับจำเลย คนละ 20,000 บาท ส่วนข้อหาอื่นพยาน และหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิด และให้ยกฟ้องจำเลยอื่น
ภายหลังนายประพันธ์ คูณมี วุฒิสมาชิก (สว.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขอน้อมรับในคำพิพากษาของศาลและยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนั้นเป็นการชุมนุมโดยสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ และโดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้องหลายข้อหา เช่น ข้อหาบุกรุก ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหาก่อการร้ายชุมนุมโดยก่อการวุ่นวาย ข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงาน ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นต้น ซึ่งตนมองว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลเห็นว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2551 โดยมีจุดมุ่งหมายคือการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะทำให้การทำผิดการคอรัปชั่นของนักการเมืองหายไป ซึ่งการชุมนุมในครั้งนั้นแม้จะเป็นพื้นที่สนามบินดอนเมือง แต่ เป็นการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะไม่เกี่ยวข้องกับการบินที่ไม่กระทบกับประชาชน และไม่มีการทำร้ายผู้โดยสารรวมถึงพนักงาน รวมถึงการชุมนุมดังกล่าวไม่มีการพกอาวุธและก่อจลาจลวุ่นวาย ถึงแม้จะเกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนบ้างก็เป็นเรื่องปกติของการชุมนุม
ศาลจึงมองว่าการชุมนุมโดยรวมทั้งหมด เป็นไปด้วยความสงบปราศจากอาวุธอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นความผิดในฐานก่อการร้ายรวมถึงข้อหาอื่นๆยกเว้นฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ข้อหา ข้อบุกรุก ส่วนข้อหาก่อการร้ายที่ยกฟ้องนั้นเนื่องจากการนั้นไม่มีการใช้อาวุธทำลาย ระบบคมนาคมขนส่งหรืออากาศยาน จึงถือว่าไม่เข้าข่ายความผิด
ในส่วนข้อหาบุกรุกซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีการใช้เป็นการประชุม ครม.เป็นการชั่วคราวของรัฐบาลขณะนั้น ซึ่งช่วงที่พันธมิตรเคลื่อนขบวนเข้าไป ได้มีเข้าไปในห้องประชุมที่ใช้ในการประชุมจริง ศาลจึงมองว่า เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จึงเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้เลื่อนอ่านคำพิพากษามาจากนัดแรก วันที่ 18 ธันวาคม 2566 เนื่องจากว่า พล.ต.จำลอง , นายพิภพ , พล.ต.อ.ประทิน , นายเทิดภูมิ มีอาการป่วย และนายประพันธ์ ต้องไปรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
สำหรับรายชื่อจำเลย ประกอบด้วย
1) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
2) นายสนธิ ลิ้มทองกุล
3) นายพิภพ ธงไชย
4) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
5) นายสุริยะใส กตะศิลา
6) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ (เสียชีวิต)
7) นายศิริชัย ไม้งาม
8) นายสำราญ รอดเพชร
9) นางมาลีรัตน์ แก้วก่า
10) นายสาวิทย์ แก้วหวาน
11) นายสันธนะ ประยูรรัตน์
12) นายชนะ ผาสุกสกุล
13) นายรัชต์ชยุตม์ หรืออมรเทพ หรืออมร ศิริโยธินภักดี หรืออมรรัตนานนท์
14) นายประพันธั คูณมี (วุฒิสมาชิก)
15) นายเทิดภูมิ หรือเกิดภูมิไท ใจดี
16) น.ส.อัญชะลี หรือปอง ไพรีรัก
17) นายพิชิต ไชยมงคล
18) นายบรรจง นะแส
19) นายสุมิตร นวลมณี
20) นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ
21) นายสมบูรณ์ ทองบุราณ
22) นายอธิวัฒน์ บุญชาติ
23) นายจำรูญ ณ ระนอง
24) นายแสงธรรม หรืออาร์ท ชุนชฎาธาร
25) นายไทกร พลสุวรรณ
26) นายสุชาติ ศรีสังข์
27) นายอำนาจ พละมี
28) พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ
29)นายกิตติชัย หรือจอร์ส ใสสะอาด
30)นายเกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา
31)บริษัทเอเอสทีวี (ประเทศไทย)จำกัด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี