งามไส้สภาไทยล่มอีกแล้ว! ถกญัตติด่วนส่งเรื่องให้ครม.จัดทำประชามติ‘แก้รธน.ทั้งฉบับ’ พ่วงกำหนด‘วันเลือกตั้งส.ส.’ ให้ได้ปชต.เต็มใบ สุดท้ายองค์ประชุมมีปัญหา
เมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 15 กันยายน 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาฯ พิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่สภาฯ มีมติในการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งสาเหตุที่ต้องเสนอญัตติด่วนเพราะการสอบถามประชามติไปยังประชาชนเป็นผลประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน และที่ต้องเป็นเรื่องด่วนเพราะขณะนี้สถานการณ์การเมือง จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้ และการจัดทำประชามติ ตาม พ.ร.บ.ประชามติมาตา 9 (4) ยังมีอีกหลายขั้นตอน เมื่อผ่านสภาฯแล้วต้องไปผ่านวุฒิสภา และต้องเสนอ ครม.หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ประชาชนทำประชามติพร้อมกับวันลือกตั้ง จึงเป็นญัติด่วนที่ต้องพิจารณาก่อนปิดสมัยประชุม
ทำให้ นายอรรถยากร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขาวิปรัฐบาล ลุกขึ้นค้าน โดยขอให้นำวาระรับทราบที่อยู่ในวาระแล้วขึ้นมาพิจารณาก่อน จำนวน 3 - 4 เรื่อง และให้ใช้เวลาแต่ละเรื่องไม่นาน เพราะมีหน่วยงานรอชี้แจงมาพร้อมแล้ว จากนั้นให้นำญัตติด่วนวาจาดังกล่าวเข้ามาพิจารณา
แต่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ยืนยันให้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาก่อน เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจึงพิจารณาวาระรับทราบรายงานจนจบได้ และญัตติด่วนด้วยวาจานี้ พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอประกบด้วย เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใกล้กรบวนการเลือกตั้งและมีความจำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ไม่ว่าสภาฯ จะมีมติไปทิศทางใดก็ตาม และการพิจารณาคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะขั้นตอนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประชามติ
ในที่สุดนายสุชาติ จึงวินิจฉัยว่า ญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าวได้เข้าสู่วาระแล้ว จึงขอให้ที่ประชุมดำเนินการไปตามที่มีผู้เสนอญัตติด่วนก่อน
จากนั้นนายณัฐพงษ์ ผู้เสนอญัตติ แถลงสาระสำคัญของญัตติ ว่า พ.ร.บ.ประชามติ จะต้องมีการบุอย่างชัดเจนเรื่องคำถามและคำตอบ รวมถึงสาระสำคัญประกอบการจัดทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนสามารถออกเสียงประชามติได้อย่างถูกต้องตรงตามเจณารมณ์ของประชาชนมากที่สุด เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจาร์อย่างกว้างขวาง และเป็นต้นตอของความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงหลาปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจาการรัฐประหาร มีกระบวนการรับรองโดยอาศัยการทำประชามติที่ไม่เสรี และไม่เป็นธรรมตามมาตรฐานสากล มีเนื้อหาบางส่วนที่มีความถดถอยทางประชาธิปไตย จึงมีการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยจะต้องสอบถามประชาชนผ่านการทำประชามติก่อน จึงทำให้ที่ผ่านมาไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ตนจึงต้องเสนอญัตติด่วนในวันนี้ เพื่อขอทำประชามติสอบถามประชาชนว่าจะเห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรนูญใหม่ผ่านกลไกลของ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงหรือไม่
"คำถามในการจัดทำประชามติคือ ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าประเทศไทยควรจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับแทนที่รัฐธรรมนูญปี 60 โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ส่วนคำตอบมี 3 ข้อ คือเห็นชอบ ไม่เห็นชอบและ ไม่แสดงความเห็น ทั้งนี้เชื่อว่าการจัดทำประชามติ จะเป็นทางออกจากวิกฤตการเมืองในปัจจุบันที่สังคมมองว่ามีต้นตอมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน การจัดทำประชามติดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นในการรื้อฟื้นข้อเสนอในการร่างรับธรรมนูญฉบับใหม่ที่รัฐสภาเคยมีมติเห็นชอบไปแล้วในวาระที่หนึ่ง เป็นการสอบถามอย่างตรงไปตรงมาจากประชาชนว่าจะต้อมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และหากเป็นไปได้ภายใต้สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน เราต้องเรีบเร่งดำเนินการจัดทำประชามติพร้อมกับวันเลือกตั้ง และเป็นการประหยัดภาษีประชาชนในการจัดทำด้วย" นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ ผู้เสนอญัตติของพรรคเพื่อไทย อภิปายว่า เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจับนเป้นที่ถกเถียงถึงที่มา การบวนการ และการลงประชามติ วันนี้เราต้องการหยุดความสับสน จึงต้องให้ประชาชนลงประชามติก่อนว่าประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเรากำลังจะเดินหน้าเข้าาสู่กการเลือกตั้งในเวลาไม่นาน เพียงแค่เวลาไม่เกิน 6 เดือน ไม่ว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะเกิดอะไรขึ้น กระบวนการเลือกตั้งต้องเกิดแน่นอนเพราะครบวาระสภาฯ 4 ปี เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ และใช้โอกาสไปในคราวเดียวกัน เราจึงเสนอให้มีการทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเดินหน้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยตัวแทนของประชาชน เพื่อที่จะมีรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยเต็มใบ
จากนั้นเป็นการอภิปรายแสดงความคิดเห็นของสมาชิก ซึ่งที่ประชุมแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันให้มีการจัดทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะเห็นว่ารัฐธรรนูญปี 60 เป็นอุปสรรคในการดำเนินการต่างๆและให้ทำวันเดียวกับการเลือกตั้งที้จะเกิดขึ้น เพื่อประหยัดงบประมาณและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน จึงเห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับญัตติทั้ง2 ฉบับ แต่ที่ประชุมต้องรอสมสชิกเข้ามาลงคะแนนเป็นเวลานาน โดยมีการอ้างว่าการประชุมวันพฤหัสฯ ส่วนใหญ่จะไม่มีการลงมติ เพราะเป็นวาระรับทราบรายงาน สมาชิกจึงออกมาไปข้างนอก
โดย นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำน้าที่เป็นประธานการประชุม แจงว่า ขณะนี้รอสมาชิกมาเป็นเวลา 31 นาทีแล้ว ยังเหลือองค์ประชุมอีก 5 คน จึงรอจนเวลา 40 นาที องค์ประชุมจึงครบคือ 242 เสียง จากนั้นสมาชิกลงมติ โดยมีผู้ลงมติ 230 เสียง เห็นด้วย 215 ไม่เป็นด้วย 6 ไม่ลงคะแนน 6
นายศุภชัย จึงแจ้งว่า ถือว่าเสียงข้างมากเห็นด้วยกับทั้งสองญัตติ แต่นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนเจ็บปวดที่องค์ประชุมไม่ครบต้องยอมรับ คือ กระบวนการไม่ครบ จะทำให้ความชอบสิ่งที่ลงมติเป็นปัญหาให้วุฒิสภาอ้างได้ว่า องค์ประชุมมีปัญหา เมื่อไปถึง ครม.จะมีปัญหาอีก ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เมื่อลงมติไม่ครบก็ปิดประชุม และญัตติไม่ตก ยกไปครั้งหน้าได้ เมื่อเปิดประชุมเดือนพฤศจิกายน ก็ว่ากันใหม่ หากเดินหน้าต่อตัวญัตติจะมีปัญหาที่หลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้ถกเถียงในประเด็นที่ว่าญัตติผ่าน แต่องค์ประชุมไม่ครบ อาจทำให้ผู้ที่ไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญหยิบยกมาโจมตีได้ ทั้ง นายจุลพันธ์ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เห็นตรงกันว่า หากสรุปว่าญัตติผ่านแล้ว แต่องค์ประชุมไม่ครบ จะทำให้สูญเปล่า และมีปัญหาข้อกฎหมายที่ค้างคา นำไปสู่การร้องศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับพยายามเสนอให้ว่า เมื่อองค์ไม่ครบ ควรปิดประชุมและเลื่อนการลงมติในครั้งถัดไป เพราะตัวญัตติยังมีความชอบ ไม่อยากให้ผ่านไปแล้ว มีปัญหาทีหลัง
จากนั้น นายศุภชัย ชี้แจงว่าว่า การลงมติดังกล่าวถือว่าเห็นด้วยกับการลงมติ ส่วนกรณีครบองค์ประชุมนั้น ถือว่าไม่ครบต้องเป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามระบบ ข้อกฎหมายและข้อบังคับ และสั่งการประชุมในเวลา 15.55 น.
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี