‘ชัยชนะ’ อัด‘สมคิด’โจมตี ปชป.คิดได้แค่ประกันรายได้ฯ ฟาดกลับนโยบาย ‘ประธานฯ สร้างอนาคตไทย’ เหมือน ‘น้ำผึ้งอาบยาพิษ’
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงบรรดาพรรคการเมือง ที่เริ่มออกนโยบายเพื่อจะใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า ขณะนี้มีพรรคการเมือง ก็ได้เริ่มออกนโยบายจูงใจประชาชน เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสนับสนุน และผลักดันให้เป็นนโยบายบริหารราชการแผ่นดินต่อไป โดยในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เริ่มมีนโยบายที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม เช่น มีการนำเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 800 บาท มาล่อใจประชาชน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ราว 10 – 11 ปีที่ผ่านมา มีการดำเนินการขึ้นค่าแรง 300 บาท ซึ่งเป็นเทคนิคในการหาเสียง โดยที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมกับผลกระทบที่ตามมา ทำให้ปรากฏว่า พอขึ้นค่าแรงจริงๆ แล้ว กลับต้องประสบกับ ‘ผีอีแพง’ ที่หลอกหลอนประชาชนในยุคนั้น การจะนำนโยบายจำนำข้าวที่ล้มเหลว จนถึงขณะนี้ยังต้องมีการจัดงบประมาณเพื่อชดใช้ความเสียหายต่อแผ่นดิน กลับมาฉายซ้ำใหม่ เพื่อเป้าหมายแค่นำพาคนไม่กี่คนกลับบ้านโดยไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย บางพรรคการเมืองใช้วิธีการติดป้ายหาตามถนนหนทางในต่างจังหวัด โดยชูเรื่องการพักชำระหนี้สูงสุด 3 ปี วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยอ้างประสบการณ์ของหัวหน้าพรรคการเมือง ที่โดดเด่นในเรื่องของการทำธุรกิจ มาเป็นจุดขาย เป็นต้น
นายชัยชนะ กล่าวว่า แต่พรรคสร้างอนาคตไทย ที่บอกว่าจะเป็นพรรคที่มุ่งเน้นจะมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนนั้น ปรากฏว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กลับใช้เวทีสัมมนา “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ที่ จ.ภูเก็ต โจมตีการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยระบุว่า “ภาคใต้มี ส.ส.มาตลอด ส.ส.ทำอะไร ผมนั่งอยู่ในครม.ไม่ได้ยินสักแอะเลย มีแต่ประกันรายได้ ประกันทั้งปีเลย ของหมูๆ อย่างนั้นใครๆ ก็ทำได้ ว่าจะไม่ว่าแล้วเชียว” นั้น ตนมองว่า นายสมคิด คงไม่ทราบว่า นโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ผลตรงตามที่ทางพรรคฯ ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยมีขั้นตอนน้อยที่สุด และรบกวนงบประมาณน้อยที่สุด ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า นโยบายนี้ เป็นนโยบายที่ไม่มีปัญหาให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในภายหลัง ไม่เหมือนกับนโยบายที่นายสมคิด คิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ต่างมีปัญหาวิพากษ์วิจารณ์ตามมาเป็นอย่างมาก เช่น พักหนี้เกษตรกรรายย่อย 3 ปี วงเงินไม่เกิน 1 แสนบาทนั้น ปรากฏว่า เป็นเพียงการไม่จ่ายหนี้ แต่ดอกเบี้ยกลับสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และเกษตรกรผู้เข้าโครงการต้องกลายเป็นเหยื่อของหนี้นอกระบบ นโยบายกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยได้ ก็ถูกวิจารณ์ถึงการกู้ยืมเงินเพื่อไปซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยมาบำเรอความสุขของตัวเอง โดยเงินจำนวนดังกล่าวหมุนกลับไปยังกลุ่มทุนที่สนับสนุนรัฐบาลในเวลานั้น รวมถึง นโยบายที่มีการดำเนินการในปัจจุบัน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์ผู้ที่ได้รับสิทธิใหม่ เพราะมีหลายรายที่ควรจะได้สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้สิทธิ์ หลายรายที่จนไม่จริง แต่กลับได้ใช้สิทธิจริง และนโยบายคนละครึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงๆแล้ว ปรากฏว่า ร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการกลับต้องมาเสียภาษีเต็มๆ โดยไม่สามารถใช้สิทธิคนละครึ่งในการเสียภาษีได้ จนต้องประกาศว่าเข็ดและไม่ขอเข้าร่วมโครงการนี้อีกต่อไป เหล่านี้ ถือเป็นนโยบายที่คิดมาโดยนายสมคิดและทีมงาน ที่คิดเอาแต่คะแนนเสียง โดยใช้เทคนิคทางการตลาดเพื่อให้ประชาชนคิดไปเองว่าได้ประโยชน์ แต่กลับมีผลกระทบมากในภายหลัง เปรียบเสมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ ที่ภายนอกดูหอมหวานแต่แฝงไว้ด้วยอันตรายที่คาดไม่ถึง
“ผมเห็นข่าวแล้วรู้สึกดีใจที่แต่ละพรรคต่างการเมือง ต่างมุ่งเป้าในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันเป็นพิเศษ โดยบางพรรคถึงขั้นประกาศ ‘แลนสไลด์’ เหมาหมด 6 จังหวัด 15 ส.ส. และพรรคสร้างอนาคตไทยก็ให้เกียรติจัดสัมมนาเพื่อระดมความเห็นประชาชนเพื่อจัดทำนโยบายในจังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรก แต่ปรากฏว่า ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กลับใช้เวทีนี้ โจมตีการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการประกันรายได้ และลามไปถึงว่าทำไม ส.ส.ภาคใต้ของพรรคฯ คิดได้แค่นั้น ผมอยากจะบอกนายสมคิดว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุกคนคลุกคลีกับประชาชนเป็นอย่างมาก และทราบความต้องการของประชาชนว่าต้องการอะไร จนกลายมาเป็นนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์ มีความยั่งยืน และไม่สร้างภาระทางการเงินของประเทศ ดังนั้น ผมขอให้นายสมคิด รอดูวันที่พรรคประชาธิปัตย์ จะได้เปิดนโยบายเพื่อใช้ในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แล้วนายสมคิดก็จะรู้เองว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้แค่คิดแต่เพียงนโยบายประกันรายได้เกษตรกรเท่านั้น แต่คิดไปถึงการฟื้นฟูประเทศจากวิกฤตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ด้วย” นายชัยชนะ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี