‘บิ๊กตู่’ควง ‘สุชาติ-สาธิต’ เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมระยอง บอกมาในฐานะรมว.กลาโหม อ้อนคิดถึงชาวระยองทุกคน ไทยต้องสามัคคีกัน กำชับดูแลโรคระบาด-ฉี่หนูน้ำท่วมขังนาน ไม่กังวล ปมศาลรธน.ชี้ชะตา 8 ปี ห่วงความเดือดร้อนปชช.มากกว่า
วันที่ 16 กันยายน 2565 เวลา 09.00 น. ที่จังหวัดระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายสาธิต ปิตุเตชะรมช.สาธารณสุข โดยพล.อ.ประยุทธ์ รับฟังรายงานสถานการณ์ รวมถึงสรุปผลการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมทั้งเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนและตรวจเยี่ยมการสนับสนุนของกองทัพ เข้าช่วยเหลือวิกฤติน้ำท่วมจากฝนตกหนักต่อเนื่องและน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลการระบายน้ำลงลุ่มน้ำประแสร์ช้าลง เกิดน้ำท่วมขังสูงใน 6 อำเภอ มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 25,000 ครัวเรือน
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังฟังรายงานว่า มาติดตามการช่วยเหลือ เพราะเป็นห่วงประชาชนชาวระยองที่เจอน้ำท่วม ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้บูรณาการทำงานกับทุกส่วน และสั่งการให้เร่งช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างเต็มที่ วันนี้ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือ ตนมาในนามรมว.กลาโหมอยากขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงานรวมถึงผู้บริจาคทุกคนที่ช่วยเหลือพี่น้องชาวระยองในครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมทำบุญกุศลด้วยกัน ส่วนแผนการระบายน้ำนั้น ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแจ้งเตือนประชาชน อาจจะแจ้งเตือนผ่านศูนย์กระจายข่าว ให้ยึดเอาเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 54 เป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหา ทั้งนี้ ฝากความคิดถึงไปถึงประชาชนชาวระยองทุกคนประเทศไทยต้องรักและสามัคคีกัน ต้องรักและรวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายรวมทั้งครอบครัวและจิตอาสา ในการปฏิบัติงานร่วมกัน โดยขอให้หน่วยทหารในพื้นที่ ยังคงสนับสนุน จ.ระยอง เสริมกำลังและเครื่องมือช่างเข้าช่วยหากจำเป็น โดยเน้นเตรียมแผนเผชิญเหตุสนับสนุนรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นร่วมกัน โดยพิจารณาความอ่อนตัว ทั้งการกั้นน้ำ เปิดทางน้ำและระบายน้ำ เพื่อป้องกันพื้นที่ชุมชนและลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ที่สำคัญที่คือ ต้องช่วยป้องพื้นที่เขตเมืองและชุมชน ช่วยอำนวยความสะดวกการสัญจรประชาชน ดูแลการติดต่อสื่อสารอย่าให้ตัดขาด และให้ระวังโรคระบาด โดยเฉพาะฉี่หนูหากน้ำขังท่วมนาน ย้ำดูแลความปลอดภัยตัวเองและให้สนับสนุนนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะปกติ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นรถยกสูงไปยังศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ที่โรงเรียนเทศบาลทับมา เยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของให้แก่ผู้ประสบภัยและเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยในพื้นที่หมู่บ้านแดนใหม่ แล้วเดินทางเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงให้กำลังใจและมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ในพื้นที่และเดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยโรงเรียนเทศบาลทับมา และเยี่ยมให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมพบปะประชาชนมอบสิ่งของให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ด้วย
ทั้งนี้ การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ กองทัพเรือและกองทัพบก โดย ทรภ.1 และ พล.ร.2 ได้จัดกำลังพลกว่า 1,200 นาย รถบรรทุกขนาดต่างๆ กว่า 30 คัน เรือผลักดันน้ำ 20 ลำ เรือท้องแบน 22 ลำ รวมทั้งรถครัวสนาม รถพยาบาลชุดค้นหาและกู้ภัย ลงทำงานสนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องที่ผ่านมา ทั้งการแจ้งเตือนและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ การขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง การแจกจ่ายถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค ยาและเวชภัณฑ์ การจัดทำแนวกั้นน้ำ รวมทั้งการเปิดทางน้ำและการระบายน้ำจากพื้นที่ท่วมขังลงลำน้ำสายหลัก เพื่อลดความเดือดร้อนและผลกระทบกับประชาชน
จากนั้น เวลา10.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปที่ศาลาเอนกประสงค์บ้านหนองมะหาด ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือประชาชนจังหวัดระยองเดิมที่ตั้งคอยช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชนที่ถูกน้ำท่วมจึงต้องย้ายมาที่ใหม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนรวมถึงกำลังพลที่คอยช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในระหว่างที่มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลทั้งกองทัพเรือกองทัพอากาศและกองทัพบกพร้อมกับอาสาสมัครกู้ภัย จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยในพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตบไหล่พลทหาร พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณที่ช่วยเหลือประชาชน และคราวนี้รู้หรือยังว่าทหารมีไว้ทำไม โดยพลทหารได้ตอบกลับมาว่ามีไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งวันนี้ รักษาราชการแทนนายกก็ได้สั่งกำชับไปแล้วซึ่งวันนี้ตนเองได้มาติดตามการทำงานของพวกเรา ขอขอบคุณทุกคนขอให้มีแต่ความสุข ขอบคุณไปถึงลูกเมียพ่อแม่ของกำลังพลทุกคนด้วย อย่าทำให้ตัวเองไม่ปลอดภัยแต่ก็อย่าทิ้งประชาชน ช่วยกันลดความขัดแย้ง พร้อมขอบคุณทีมสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) และทุกคนนี่คือทีมประเทศไทย ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งไม่ใช่ตน ประเทศไทยหัวใจเดียวกัน ขอทุกคนปรบมือให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วย พลเอกประยุทธ์กล่าวทิ้งท้ายว่า
”ซาบซึ้งพวกเราทุกคน” ก่อนจะถ่ายรูปหมู่ร่วมกับอาสาสมัครป้องกันบรรเทาสาธารณภัย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นรถ GMC ยกสูงของกองทัพเรือ ไปยังศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยโรงเรียนเทศบาลทับมา โดยบรรยากาศระหว่างทางได้โบกมือและสวัสดีทักทายประชาชนตลอด 2 ข้างทางพล.อ.ประยุทธ์ ยกมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยูและชูนิ้วโป้ง ให้กำลังใจ
เมื่อมาถึงศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยโรงเรียนเทศบาลทับมา พล.อ.ประยุทธ์ พบปะเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงกำลังใจสิ่งของแก่ผู้ประสบภัย ให้ ตัวแทนครอบครัวผู้ประสบภัย โดยเดินมีการทักทายเด็ก ผู้สูงวัยที่ป่วยติดเตียงภายในศูนย์ก่อนจะเดินพบปะทุก ครอบครัวที่พักพิงอยู่ในศูนย์ จำนวน 57 ครอบครัวกว่า 100 คน ระหว่างเดินพบปะพูดคุย สอบถามอาการป่วยของผู้สูงอายุภายในศูนย์พักพิงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้มือตบที่อกซ้าย พร้อม กล่าวว่า “เห็นประชาชนเจ็บปวดแต่นายกฯ และรัฐมนตรีเจ็บปวดกว่า”
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีเรื่องใดที่เป็นห่วงประชาชนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าได้พูดไปหมดแล้วส่วนมีความกังวลเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะต้องกังวล แต่กังวลในความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่าในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถยนต์และเปิดกระจกเพื่อจับมือกับชาวบ้านที่มาให้กำลังใจพร้อมตะโกนว่าลุงตู่สู้ๆ ก่อนเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ประชาชนยังคงจับตาที่ทะเบียนรถของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่การลงพื้นที่ครั้งนี้ใช้รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน กฉ 4212 ยะลา และยังมีรถ GMC ทหารของกองทัพเรือ หมายเลขทะเบียน 44046
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี