เตือนผู้แทนแจกของหลัง24ก.ย.
เข้าข่ายซือเสียง
ช่วยเหลือน้ำท่วม-โควิดโดนหมด
กกต.ย้ำเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง
ช่วง180วันก่อนครบอายุสภาฯ
ประชาธิปัตย์ฟาดปากภูมิใจไทย
บิดเบือนงบแก้ปัญหาราคายาง
ยัน‘จุรินทร์-เฉลิมชัย’ช่วยชาวสวน
กกต.เตือน! ระวังหาเสียงผิดกฎหมายหลัง 24 กันยายน เข้าช่วง 180 วันก่อนครบอายุสภาฯ แจกของน้ำท่วม-โควิด อาจเข้าข่ายซื้อสิทธิขายเสียงแนะต้องทำทุกอย่างเสมือนมี พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง ในขณะที่ประชาธิปัตย์ ฟาดภูมิใจไทย บิดเบือนงบแก้ปัญหาราคายางพารา การันตี “จุรินทร์-เฉลิมชัย”ช่วยชาวสวนเต็มที่ ด้าน “นิพิฏฐ์” ยก “สมคิด” คนที่ถูกปรามาสว่าอยู่บนหอคอยงาช้างที่แท้คือคนที่ทำนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดูแลคนจน 14.2 ล้านคนในปี 2560
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับระยะเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งว่า ขณะใกล้ถึงระยะเวลา 180 วันก่อนวันครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะครบอายุสภาวันที่ 23 มี.ค. 2566 ที่กำหนดให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงให้เป็นไปตาม มาตรา 68 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และต้องมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ซึ่งมีช่วงระยะเวลาหาเสียงเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2565 จนถึงวันเลือกตั้ง ทั้งนี้ในการหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องเก็บรักษาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ประกอบการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งไว้ด้วยนั้น
แจกของน้ำท่วม-โควิดโดนหมด
แหล่งข่าวจากสำนักงาน กกต. ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าว กกต.ห่วงเรื่องการหาเสียงผิดกฎหมาย ไม่ใช่การห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในการหาเสียงแต่อย่างใด เพราะการกระทำที่เข้าข่ายการหาเสียงผิดกฎหมายนั้นคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งไม่ได้อยู่แล้ว เพราะการจำนำไปคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายได้จะต้องเป็นการหาเสียงที่ถูกกฎหมาย ดังนั้นนับจากวันที่ 24 ก.ย. 2565 การจะไปให้ของแจกจะไม่สามารถทำได้แล้ว เพราะจะเป็นการหาเสียงผิดกฎหมาย ดังนั้นการจะไปแจกของให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม หรือแจกของเกี่ยวกับโควิด ไม่สามารถทำได้เลย ไม่ใช่ไปแจกแล้วมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่าย เพราะตามระเบียบวิธีหาเสียงจะห้ามเรื่องพวกนี้ไว้เลย เพราะจะถือเป็นการซื้อสิทธิขายเสียงเลย หากกระทำหลังวันที่ 24 ก.ย.2565 แต่เรื่องที่จะคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายได้คือการหาเสียง รถแห่หาเสียง ป้ายโฆษณาแบบนี้คำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการหาสียง
“หลังวันที่ 24 ก.ย.นี้จะเข้าวิธีการหาเสียงเหมือนมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งฯ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดเลื่อนระยะเวลาให้ครอบคลุม 180 วันก่อนวันครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ทุกอย่างจะต้องดำเนินการเสมือนตอนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งฯเลย”แหล่งข่าวระบุ
ประชาธิปัตย์เปิดศึกภูมิใจไทย
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลาและรองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ระบุในวาระการหารือปัญหาของประชาชน ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า รัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ แก้ปัญหาราคายางมา 3 ปีครึ่ง โดยใช้เงินอัดฉีดนโยบายราคายางไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท แต่แก้ไขไม่ตรงจุด ยั่งยืน ว่า ไม่ทราบว่า นายณัฏฐ์ชนน เอาตัวเลข 2 แสนล้านบาทมาจากไหน เพราะจากข้อมูลที่ตนมีอยู่นั้น ปรากฏว่า ตลอดระยะเวลาโครงการจนถึงขณะนี้ 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ตุลาคม 2562 - มีนาคม 2563 ระยะที่ 2 ตุลาคม 2563 - มีนาคม 2564 และระยะที่ 3 ตุลาคม 2564 - มีนาคม 2565 นั้น ใช้งบประมาณเพื่อเป็นการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางไปทั้งหมดเกือบ 34,000 ล้านบาทเท่านั้น เลยสงสัยว่า ทำไมถึงอ้างตัวเลขที่สูงขนาดนั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ หากราคายางสูงกว่าราคากลางที่กำหนดเป็นราคาประกันรายได้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินงบประมาณไปอุดหนุนเกษตรกรชาวสวนยางแต่อย่างใด
เปิดตลาดส่งออกยางพารา
ซึ่งที่ผ่านมา ทั้งกระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการ นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ผลักดันนโยบายเพื่อช่วยเหลือชาวสวนยางอย่างเต็มที่ เช่น การเปิดตลาดยางในหลายประเทศ สามารถทำยอดส่งออกได้แต่ละปีเป็นแสนล้านบาท การดำเนินนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” การจัดตั้ง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบจริงของยางพารา” ซึ่งกำกับดูแลโดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการซื้อหายางที่มีคุณภาพ และสามารถกำหนดราคาและวันเวลาซื้อขายได้เอง เป็นต้น ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคายางนั่นก็คือ การเพิ่มอุปสงค์ในการใช้ยางพารา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิต เพื่อเป็นการดึงราคายางให้สูงขึ้น เช่น การนำน้ำยางพารามาใช้เป็นส่วนผสมในการทำถนน ที่เรียกว่า ถนนพาราซอยด์ซีเมนต์ เพราะมีข้อดีที่พิสูจน์มาแล้วว่า น้ำยางพาราจะมีความยืดหยุ่นตัวมากกว่ายางแอสฟัลท์ ทำให้ผิวถนน รับน้ำหนักได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่าตัว และสามารถทนแรงกระแทกรองรับการเกิดแผ่นดินไหวได้มากขึ้น สามารถย่นระยะเวลาการทำถนนให้สั้นลงได้ คุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งปรากฏว่า มีหลายจังหวัดที่มีการนำยางพารามาผสมในการสร้างถนนเป็นถนนต้นแบบหลายจังหวัด เช่น เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก ฉะเชิงเทรา ร้อยเอ็ด เป็นต้นรวมทั้ง ยังเคยมีข่าวปรากฏว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเอง ก็มีแนวคิดในการสร้างแบริเออร์จากยางพาราแทนการสร้างเกาะกลางถนน รวมทั้งหลายหน่วยงานในกระทรวงคมนาคม ก็เริ่มมีการดำเนินการใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมในการสร้างหลักกิโลเมตร เสาหลักกันโค้งไปบ้างแล้ว ดังนั้น หากนายณัฏฐ์ชนน หวังดีกับชาวสวนยางพาราจริงๆ แล้ว นอกจากช่องทางผ่านการหารือก่อนวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ควรที่จะแนะนำให้นายศักดิ์สยาม เร่งรัดการก่อสร้างถนน แบริเออร์ หลักกิโลเมตร และเสาหลักกันโค้ง โดยใช้น้ำยางพาราเป็นส่วนผสมให้มากขึ้น เพื่อเป็นการดึงราคายางพาราให้สูงขึ้นไปอีก ไม่ใช่ใช้เวทีสภาอ้างว่ามาหารือแต่เป็นการพูดเพื่อพุ่งเป้าให้ชาวสวนยางมีความเข้าใจผิดต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย
ยันปชป.ทำงานชาวบ้านพอใจ
“ผมยังแปลกใจอยู่ว่า ทำไมนายณัฏฐ์ชนน ต้องพุ่งเป้ามาทวงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และเกษตรและสหกรณ์ เหมือนกับ ส.ส.ภาคใต้อีกพรรคการเมืองหนึ่ง ทั้งๆ ที่ขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำงานจนเป็นที่พอใจของชาวสวนยาง และยังรักษาเกียรติภูมิของประเทศไทย โดยยังครองตำแหน่งประเทศผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลกด้วยปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยาง 2,190,065 ตัน หลังจากผ่านครึ่งปีแรก รวมทั้งจากการเปิดเผยของนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่ระบุว่า เรื่องของราคายางพาราเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากช่วงนี้ความต้องการใช้ลดลง จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว บวกกับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก แม้ราคายางในช่วงนี้จะมีการปรับตัวบ้าง แต่ก็เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้น ที่นายณัฏฐ์ชนนออกมาพูดนั้น ก็เป็นเพียงแค่ลูกไม้ที่ก่อนหน้านี้มี ส.ส. ภาคใต้อีกพรรคใช้ คือการด้อยค่าพรรคที่คิดว่าเป็นคู่แข่งในพื้นที่ จนผมรู้สึกเอือมระอา เพราะควรจะต่อสู้กันในเรื่องนโยบายและความนิยมในตัวบุคคล มากกว่าเอาข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมาสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนอีกด้วย ดังนั้น สิ่งที่ผมเสนอฝากไปยัง นายณัฏฐ์ชนน ในการเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคม ที่มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ นั้น คือ การสร้างถนนหนทาง และส่วนประกอบของถนน ด้วยน้ำยางพาราด้วย ก็จะช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้น” นายชัยชนะ กล่าว
“นิพิฎฐ์”โต้กลับจุรินทร์
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผมว่าจะไม่เขียนถึงเรื่องนี้แล้ว แต่มีคนกล่าวว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่รู้จักคนจน เรามาทำความเข้าใจเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกันอีกสักครั้ง ว่า มีความเป็นมาอย่างไร ต้องยอมรับว่า ประชาชนส่วนใหญ่พอใจกับนโยบาย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ชื่นชอบ และพูดถึงเรื่องนี้กันมาก
การที่ประชาชนที่ได้ประโยชน์จากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะชื่นชอบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนโยบายนี้ใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2560 ตอนท่านเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนใหญ่ลืมไปว่า คนที่ทำนโยบายเรื่องนี้ คือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
ผมยกเรื่องนี้ ขึ้นมากล่าว เพราะคนที่ถูกปรามาส ว่าอยู่บนหอคอยงาช้างนั่นแหละ คือคนที่ดูแลคนจน 14.2 ล้านคนในปี 2560 ผ่านทางบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เสียดายนักการเมืองบางคน บอกว่ารักคนจน พูดถึงคนจนแล้วน้ำลายไหล แต่คนจนอยู่แค่ปลายจมูกกลับมองไม่เห็น หากใครได้ประโยชน์จากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะนึกถึง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สักหน่อย “พรรคสร้างอนาคตไทย” ก็ดีใจแล้ว เราขอแค่นั้น
ผมจะไม่ทะเลาะกับใคร และไม่ชวนใครทะเลาะด้วย สังคมควรเลยเรื่องเหล่านี้ไปได้แล้ว ผมเป็นเพียงเทียนไข ที่หลอมละลายตัวเอง เพื่อให้ประชาชนเห็นแสงสว่างเท่านั้น
เชื่อภูมิใจไทยยังโดนอีก
รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง วิเคราะห์การเมือง หลัง พ.ร.บ.กัญชา ถูกสภาถอดถอน ระบุว่า เรื่องแบบนี้ อย่าตกใจ นี่แค่เริ่มต้น พรรคภูมิใจไทย ยังต้องเจออีก ถ้าไม่โดน แปลว่ายังไม่เด่น ยังไม่ดัง ถ้าโดนแปลว่าใช้ได้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก แล้วที่พูดมา ก็ให้ไปดูความจริง ในซีกรัฐบาลตอนนี้ มีพรรคไหนที่พร้อมเท่ากับพรรคภูมิใจไทย การที่หัวหน้าพรรคประกาศพร้อมเป็นนายกฯ มันก็สะท้อนว่าพรรคก็มีครบแล้ว เพื่อนก็ลองของหน่อย เป็นธรรมดาการเมือง แล้วพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมาแน่นอน เนื่องจากมองพรรคภูมิใจไทยเป็นคู่แข่ง ทุกวันนี้ ในตารางการเมืองภาพรวมเป็นพรรคอันดับ 3-4 แต่ในฝ่ายพรรครัฐบาล กำลังแย่งกันเป็นที่ 2 มันขบเหลี่ยมอยู่ในที ทางออกของเรื่องกัญชา เขาเสนอกันมาแล้ว แต่ในฐานะพรรคประชาธิปัตย์ ต้องให้ถอนไปเลยดีกว่า เพราะเป็นชัยชนะทางการเมือง นอกจากนั้น พรรคประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ เขาก็ถือโอกาสนี้สร้างราคา ให้ภูมิใจไทยกลับมาเห็นหัว เห็นคุณค่าบ้าง เพราะที่ผ่านมา ก็ได้แต่มองตาปริบๆ ถูกเพื่อนรุกเอาๆ
“ประชาธิปัตย์ กำลังบอกว่า จากนี้ ทางเดินของคุณไม่ราบรื่น อย่าลืมว่าเขาก็ต้องเรียกร้องความสำคัญให้กับตัวเอง เพราะที่ผ่านมาก็ถูกเมินมาตลอด ยิ่งใกล้เลือกตั้งแบบนี้ มันไม่มีใครยอมใครแล้ว ถ้าอยากจะทำอะไร ภูมิใจไทย ต้องมาคุยกัน จากนี้ นโยบายอะไรก็ไม่ง่าย ที่เหลือทั้งปีนี้ รับรองว่าใครผลักดันเรื่องอะไรก็ยาก เพราะการเมืองสู้กันสุดตัว”
เมื่อถามว่าเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล รศ.สุขุม กล่าวว่า “ไม่ต้องคิด ตอนนี้ แต่ละพรรครู้สึกว่าอยู่ร่วมกันมาพอแล้ว ทางใครทางมัน ปีนี้ ทั้งปี ต้องขัดขากันเองแน่นอน การเมืองไทย ธรรมชาติมันเป็นแบบนี้ มันจะยอมกันไม่ได้ ถ้ายอมแล้วอีกฝ่ายชนะตลอด เพราะมันเป็นแบบนี้ พลเอกเปรม(ติณสูลานนท์) จึงได้เป็นนายกฯ ตอนนั้น ส.ส.ทั้งสภา มี 200 กว่าคน พรรคประชาธิปัตย์ได้มา 100 กว่าเสียงแล้ว พรรคที่เหลือยังไม่ยอมเลย สุดท้ายไปเชิญพลเอกเปรมมาเป็นนายกฯ พรรคการเมืองไทย เขาไม่ยอมกันเอง เขายอมคนกลาง”
“สัณหพจน์” หวิดสิ้นชื่อ
มีรายงานว่านายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชนเกาะกลางถนน บริเวณบ้านบางสระ ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง ขณะลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจโครงการฝึกอบรมทักษะ ส่งเสริมอาชีพ ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
โดย นายสัณหพจน์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะด้านซ้าย และชายโครงด้านขวา ซึ่งได้รับการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นแล้ว แต่จะต้องเข้ารับการตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ส่วนคณะทำงานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
สอท.ชี้เห็นต่างช่วยสร้างประโยชน์
นายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรค และโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวถึงโอกาส และทางรอดของประชาชนบนความขัดแย้งของนักการเมืองในปัจจุบัน ว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้เห็นวาทกรรมจากนักการเมืองหลายคน จากหลายพรรคการเมือง โดยบางส่วนอาจมีจุดเริ่มต้นมาจากการปาฐกถา ของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ที่งาน “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ที่จัดขึ้นที่จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา มีการเสนอแนวความคิดและนโยบายที่จะปลุกความหวังให้ภาคใต้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมภาคอื่น หรือจะทำให้อันดามันกลับมารุ่งเรืองกว่าในอดีต จนทำให้เกิดกระแสตอบโต้จากหัวหน้าพรรค และ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์หลายคน
นายนริศ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทย อันมาจากจุดยืนทางการเมืองของพรรคที่แตกต่างกัน อย่างกรณีของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง ของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่ได้รับการเห็นชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการมุ่งเน้นเฉพาะกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น หรืออย่างกรณี ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ภูมิใจไทยเสนอให้ไม่คิดดอกเบี้ย ซึ่งล้วนแล้วแต่ดูเหมือนจะสร้างความขัดแย้ง ทำให้มีการสร้างวาทกรรมที่ต่างฝ่ายต่างตอบโต้กันไปมา เราจะเห็นได้ว่าแต่ละพรรคแต่ละคนล้วนใช้เหตุผลเอ่ยอ้างถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักแทบทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความเห็นต่างทางความคิด เป็นความเห็นขัดแย้งกันในทางการเมือง
บอกจะเป็นประโยชน์ประชาชน
“แต่ถ้าเรามองให้ดีผมเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เพราะพรรคการเมืองทุกพรรค นักการเมืองทุกคนจะต้องนำความขัดแย้งนี้ไปปรับปรุงการทำงานของตน ไปสร้างนโยบายที่ถูกต้องให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เเละนำไปหาเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ที่ใกล้จะมาถึง เพื่อช่วงชิงพื้นที่ทางการเมืองของตน ผมมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมีมาตรการปลุกเศรษฐกิจของภาคใต้ของอันดามันออกมาเสนอประชาชนเช่นกัน ขณะที่ภูมิใจไทยผมก็เชื่อว่าจะรีบแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับกัญชาเสรีให้มีความเหมาะสม และไม่สร้างปัญหาด้านการมอมเมายาเสพติดแก่เยาวชนคนไทยให้รอบคอบรัดกุมมากยิ่งขึ้น ผมมั่นใจว่าการเห็นต่างทางการเมืองเป็นสิ่งที่ดี และจะนำมาซึ่งประโยชน์ของประชาชนในที่สุด” โฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าว
“อนุทิน-ธรรมนัส”ชื่นมื่น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางไปร่วมทำบุญ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ครบ 59 ปี พร้อมทั้งได้นำพระพุทธสิริไตรรัฐ มามอบให้ พล.ต.ท.ปิยะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานพร ที่สร้างและประดิษฐานที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดบรรจบระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว และเมียนมา โดยภายในงานได้มีบุคคลสำคัญและคนใกล้ชิดในวงการต่างๆ เข้าร่วมงาน อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ภายในงานนายอนุทิน และ ร.อ.ธรรมนัส ได้นั่งข้างกันและมีการพูดคุยกันเป็นระยะๆ บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ต่อมาเวลา 13.00 น. นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่าได้พูดคุยอะไรเป็นพิเศษกับ ร.อ.ธรรมนัส ในเรื่องการเมืองหรือไม่ ว่า ตนเจอกับ ร.อ.ธรรมนัส ในงานวันเกิดของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ซึ่งท่านเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับ ร.อ.ธรรมนัส เมื่อเจอกันก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ แตะเรื่องการเมืองทั่วไปบ้างว่า มีความคิดเห็นอย่างไรในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และต่างก็แสดงความปรารถนาดีต่อกัน อวยพรให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวัง ก็เท่านั้นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี