ฉะทหาร-ครบรอบ 16 ปี ยึดอำนาจ

‘ทักษิณ’เพ้อหนัก

บ่นเสียดาย 10 ข้อ/ยังฝันได้กลับไทย

‘ชวน’เตือนปชป.ย้ายพรรคคิดให้ดี

แค่พรรคเฉพาะกิจ/ลต.เสร็จก็ถูกยุบ

‘บิ๊กป้อม’เขินคนใต้อวยนั่งนายกฯ

ย้ำรัฐบาลมุ่งมั่นทำให้ปชช.อยู่ดีกินดี

‘เทือก’ลุ้นศาลตัดสินคดีโรงพัก 20 ก.ย.

“บิ๊กป้อม” เยือนนราธิวาส ประชุม กพต.ปลุก จนท.ภูมิใจถูกส่งทำงานในพื้นที่ ไม่ใช่ส่งมาดอง ปัดเกี่ยวโยกย้าย ขรก.ยันเป็นเรื่องต้นสังกัด ย้ำให้เด็ก-เยาวชนอ่าน-เขียนภาษาไทยให้ได้ เพื่อรับข่าวสาร สั่ง ศอ.บต.ตีปี๊บผลงานรัฐบาล ปิดห้องคุย สส.ใต้ ควันหลง 16 ปีรัฐประหาร“ทักษิณ”ไล่ฉะทหาร บ่นเสียดาย 10 ข้อ ฝันได้กลับบ้าน“ชวน”วอนฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหลักให้บ้านเมือง อย่าทำอะไรเกิน-ขาดจากหลักประชาธิปไตย โวเลือกตั้งภาคใต้ไม่ใช้เงิน จี้ ปชช.รักษาอุดมการณ์เดิม ชี้เห็นทุกพรรค

บอกจะแลนด์สไลด์ต้องดูตอนเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 08.45น.วันที่ 19กันยายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.สุพจน์ มาลานิยมเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และคณะ เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานนราธิวาส จ.นราธิวาส

‘บิ๊กป้อม’เขินชาวนราธิวาสเรียกนายกฯ

เวลา 11.00น.พล.อ.ประวิตร เดินทางถึงมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานสรุปการขับเคลื่อนพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรไทย-มาเลเซียเสริมอัตลักษณ์ทางภาษา ประเพณีและวัฒนธรรม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้น พล.อ.ประวิตร พูดคุยกับเกษตรกร อำเภอรามันและสุไหงปาดี ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์สอบถามถึงปัญหาต่างๆ พร้อมถามว่าพอใจหรือไม่ และขอให้กลุ่มเกษตรกรประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามแผน ขณะที่ตัวแทนเกษตรกร อำเภอสุไหงปาดี ได้กล่าวขอบคุณและระบุว่า“พอใจมากครับท่านนายกฯ”ทำให้ พล.อ.ประวิตร อมยิ้มพร้อมตอบทันทีว่า “ผมไม่ใช่นายกฯ แต่เป็นรองนายกฯ”สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ร่วมงาน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ยิ้มเขิน และกล่าวอีกว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขยายพื้นที่ทำการปศุสัตว์ให้มากขึ้น และต้องเชื่อมโยงการใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

ขรก.ลงใต้ไม่ใช่มาดอง-ตั้งใจทำหน้าที่

ต่อมา ที่ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัยนราธิวาส พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชกาแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวในที่ประชุม กพต.ว่า ขอให้ข้าราชการในพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจและขอให้เข้าใจว่าการมาปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ไม่ใช่ส่งมาดอง แต่เป็นการคัดสรรหรือเลือกให้มาปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด ถือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับการมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ยืนยันว่าการโยกย้ายข้าราชการตนเองไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นการพิจารณาของหน่วยงานต้นสังกัดที่ส่งลงมาปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ขอให้คำนึงถึงประชาชนเป็นหลักในการทำงาน ทั้งนี้ภายหลังประชุม พล.อ.ประวิตร ร่วมพบปะหารือกับผู้บริหารภาคธุรกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

มุ่งพัฒนาใต้ให้มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร แถลงว่า ตนประชุม กพต.มีเรื่องรับทราบหลายเรื่อง ซึ่งมีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่งในการทำงานและเรื่องที่พิจารณาการบูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ การสอนภาษาไทยให้เยาวชนผู้มีอายุน้อยให้อ่านออกเขียนได้ ใช้ภาษาไทยได้ เพื่อฟังข่าวสารทางราชการได้ รวมถึงจัดสรรข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถมีวินัยที่ดีในการลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ รวมถึงเยียวยาครูบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทั้ง11ราย ให้ได้รับการเยียวยาที่ทัดเทียม ไม่มีความเหลื่อมล้ำ พร้อมกันนี้มอบหมายให้ ศอ.บต.ขยายผลสู่ประชาชนให้รู้ว่า ศอ.บต.ทำงานอะไรบ้างให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบว่า เราได้แก้ปัญหาเรื่องสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีและมีความรู้ด้านภาษาและเรื่องอาหารกลางวันอะไรต่างๆที่จะต้องให้ประชาชนรับทราบ ขอฝากไว้กับผู้สื่อข่าวด้วยรัฐบาลได้ทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีรายได้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกจังหวัดรวมถึง3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการที่จะพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงข่าว พล.อ.ประวิตร ได้หารือนอกรอบกับกลุ่มส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่ภาคใต้ ใช้เวลาประมาณ 20นาที

‘แม้ว’ยำรัฐประหาร-ทหารทำปท.ทรุด

ด้าน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thaksin Shinawatra มีรายละเอียดดังนี้ ครบรอบ16ปีของการรัฐประหาร 19กันยายน2549 ขณะที่ผมเดินทางไปประชุมสหประชาชาติ ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาผมถูกการรัฐประหารลับหลัง ผมเสียดายสิ่งดีๆที่ควรจะเกิดแต่วันนี้กลายเป็นความเลวร้าย 1.ผมเสียดายความเป็นประชาธิปไตยของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแต่วันนี้เรากลับต้องมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจเผด็จการ2.ผมเสียดายความสง่างามและความไว้เนื้อเชื่อใจของประเทศไทยบนเวทีโลก 3.ผมเสียดายโอกาสประเทศในการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น การศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร และอุตสาหกรรม 4.ผมเสียดายโอกาสในการแก้ปัญหาความยากจนซึ่งคนไทยควรจะหายจนไปแล้ว 5.ผมเสียดายโอกาสของคนไทยที่ทุกวันนี้มองไม่เห็นอนาคตตนเอง เพียงแค่หางานทำให้ได้เพื่ออยู่ไปวันๆ ทั้งๆที่รายได้ต่ำกว่าประเทศอื่นในระดับการพัฒนาเดียวกัน

หนี้บาน-ยาอื้อ/หวังกลับไทยเลี้ยงหลาน

6.ผมเสียดายความเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิ ทั้งๆที่ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เราควรจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน 7.ผมเสียดายที่ลูกหลานต้องติดยาเสพติด ซึ่งตอนนี้ซื้อง่ายยิ่งกว่าหมากฝรั่ง 8.ผมเสียดายที่น้ำท่วมซ้ำซากเพราะไม่ได้บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 9.ผมเสียดายระบบราชการที่กำลังทันสมัยต้องกลับมาเป็นรัฐราชการที่ประชาชนต้องวิ่งวอนขอรับการบริการ 10.ผมเสียดายที่ประเทศต้องเป็นหนี้เพิ่มจากการบริหารงานที่ผิดพลาดจนต้องขยายเพดานการกู้และหนี้สินภาคครัวเรือนของประชาชนสูงจนจะใช้คืนได้ยาก ผมบอกแล้วว่าทหารเหมือนหัวหน้ายามที่ใช้เฝ้าทรัพย์สิน ดูแลความปลอดภัย ไม่ใช่มาเป็น CEO หรือมาบริหารประเทศ เพราะเป็นแต่ใช้ตังค์ แต่หาตังค์ไม่เป็น ขอให้พี่น้องคนไทยช่วยกันสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบเพื่อประเทศไทยของเราและลูกหลานจะได้มองเห็นอนาคตและเลือกทางเดินชีวิตของตนเองได้ สำหรับส่วนตัวของผมเอง 73 ปีแล้ว ก็ยังอดห่วงอนาคตประเทศและลูกหลาน ไม่นานคงจะได้กลับไปเลี้ยงหลานและแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับสังคมไทยเท่าที่กำลังกายและกำลังสมองยังดีอยู่

‘เต้น’ซัดพธม.ต้นตอก่อเหตุรัฐประหาร

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า รัฐประหาร19กันยายน2549 เป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ความขัดแย้งของสังคมไทย มาตลอด16ปี การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ในช่วงปี 2548-2549 แม้จะมีขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์การเมืองได้ ถ้ากลุ่ม พธม.ยุติการชุมนุมไปหลังจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภา บ้านเมืองอาจไปอีกทางหนึ่ง และจะไม่มาสู่หนทางนี้ได้ กระทั่งเมื่อกองทัพและเครือข่ายชนชั้นนำทำรัฐประหาร จึงกลายเป็นการเริ่มนับหนึ่งของมหากาพย์ความขัดแย้ง ก่อวิกฤตความแตกแยกของสังคมไทยยาวนานมาจนถึงวันนี้

เด็กรุ่นใหม่ยังออกมาไล่รัฐประหาร

16ปีผ่านไป ตัวละครหลักในเหตุการณ์ยังคงอยู่ครบ ทั้งฝ่ายการเมือง กองทัพและเครือข่ายอำนาจชนชั้นน ขณะเดียวกัน 19กันยา49และผลพวงจากเหตุการณ์นั้น ก็ให้กำเนิดตัวละครใหม่ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งขบวนการหนุ่มสาว ที่ออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน เกิดการเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีนักประชาธิปไตยเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา เครือข่ายชนชั้นนำและกองทัพที่มีอิทธิพลสำคัญในมหากาพย์ความขัดแย้งนี้ ก็ไม่ได้รอดพ้นความจากเสียหายที่ก่อไว้ เพียงยังทรงตัวอยู่บนรอยปริร้าวของตัวเองได้ชั่วคราว แต่วันหนึ่งความเสียหายร้ายแรงจะลุกลามไปถึง ถ้า 19กันยายน2549 เป็นการทำเพื่ออนาคตประเทศอย่างแท้จริง ตามที่คณะรัฐประหารกล่าวอ้าง วันนี้ก็น่าจะยอมรับกันได้แล้วว่า อนาคตของประเทศต้องการอะไร เด็กที่เกิดวันที่ 19กันยายน2549 พวกเขาจะอายุครบ 16ปีและถ้าถามว่าอยากให้ประเทศไปทางไหน ผมเชื่อว่า100% จะไม่ยอมไปกับการรัฐประหาร แน่นอนว่าบ้านเมืองมาถึงวันนี้ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ แต่คณะรัฐประหารในประเทศนี้ ไม่เคยมีความรับผิดชอบใดๆ ฉีกรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมตัวเอง แสวงหาอำนาจ ผลประโยชน์ ซ่อนตัวอยู่ในวงจรอุบาทว์การเมืองไทยในนามคนดี 16ปีแล้ว เด็กโตจนรู้ทัน จนเขาพากันมาไล่แล้ว อายเด็กมันบ้าง ฟังเด็กมันด้วย

‘ชวน’วอนนิติบัญญัติเป็นหลักให้ปท.

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีครบรอบ 16ปี วันรัฐประหาร19ก.ย.2549 ว่า ตนคิดว่าเหนือสิ่งอื่นใดคือ งานในสภาฯขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถเป็นหลักของบ้านเมืองได้ แม้ข้างนอกจะโต้เถียงกันอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประเทศประชาธิปไตยก็เป็นแบบนี้ แต่ในสภาฯขอร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหลัก อย่าไปทำอะไรที่เกินหรือขาดไปจากหลักปฏิบัติตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อถามว่า ฝ่ายนิติบัญญัติถอนบทเรียนอะไรบ้าง จากรัฐประหารที่ผ่านมาในแต่ละครั้ง นายชวน กล่าวว่า หากเราย้อนกลับไปตอนเลือกตั้งใหม่ๆของปี2562 มีการประเมินว่าสภาฯอยู่ได้ไม่ครบวาระ แต่นี่เราอยู่มา 3ปีกว่าแล้ว สมัยประชุมจบ7สมัยการประชุม จากทั้งหมด8สมัยการประชุม ซึ่งสมัยประชุมสภาฯครั้งสุดท้ายถ้าไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไรก็จะถือว่าเป็นครั้งหนึ่งที่สภาฯอยู่ได้ยาวพอสมควรและถือว่า3ปีกว่าที่ผ่านมา สภาฯได้ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้ ทั้งการตรวจสอบความเข้มข้นในการปฏิบัติ การใช้ข้อบังคับและกฎหมายได้ทุกมาตรา

กู้กยศ.ต้องคืนเงิน-มีความรับผิดชอบ

นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาฯมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยตัดดอกเบี้ยออกไป ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่นั้นว่า เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ กยศ.ตั้งขึ้นเมื่อสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี วัตถุประสงค์คือช่วยคนจนคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียน เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แต่ช่วงหลังมีปัญหาเพราะมีสถาบันการศึกษาบางแห่งยุยงไม่ให้เด็กคืนเงินกยศ.ที่ตนรู้ เพราะมีคนมาขอบคุณว่า ได้เรียนและกู้กยศ.จบแล้วมีงานทำ ตนจึงถามกลับไปว่า ได้คืนเงินหรือยัง เขาระบุว่า ไม่คืน เพราะมหาวิทยาลัยแนะนำไม่ให้คืน จากที่ทราบคือมหาวิทยาลัยของเอกชน เพราะฉะนั้นหากเราไปดูตัวเลขมหาวิทยาลัยรัฐมีค้างอยู่แต่สัดส่วนไม่สูงมาก ซึ่งมหาวิทยาลัยเอกชนมีค้างมาก จึงได้รณรงค์ว่า เงินสำคัญก็จริง แต่ไม่สำคัญเท่ากับให้คนรับผิดชอบ เพราะบ้านเมืองจะอยู่ได้ด้วยความรับผิดชอบ

ลต.ใต้ไม่ใช้เงิน-ปชช.รักษาอุดมการณ์

นายชวน ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีหลายพรรคการเมืองพยายามหาเสียงเจาะพื้นที่ภาคใต้ ว่า ในฐานะที่เป็นส.ส.ภาคใต้นั้น ภาคใต้เป็นพื้นที่ที่ไม่มีการซื้อเสียง แม้แต่สลึงเดียวก็ไม่เคยใช้ แต่ต้องเหนื่อยและต้องรับใช้พี่น้องประชาชนตลอดชีวิต แต่ขณะนี้ด้วยความที่เป็นพื้นที่เดิมที่ไม่มีการใช้เงิน พอเริ่มมีการใช้เงินก็มีผลทางเศรษฐกิจของคนที่ไม่ค่อยดี คนที่ลงทุนก็ลงทุนที่อื่นแพง แต่ลงทุนที่นั่นถูก เพราะไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาการเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯทำให้เปลี่ยนแปลงไป แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไป คงต้องแย่งกันหลายพรรค

แลนด์สไลด์หรือไม่วัดกันวันเลือกตั้ง

“เห็นทุกพรรคบอกจะแลนด์สไลด์ แต่จะแลนด์สไลด์หรือไม่ ต้องเอาไว้ดูตอนนั้น แต่สิ่งที่พวกผมยังทำอยู่คือ การรณรงค์กับพี่น้องประชาชนว่า ขอให้รักษาอุดมการณ์เดิม อย่ายอมให้ใครมาซื้อ ต้องทำให้นักการเมืองไม่โกง ถ้าคนลงทุนแล้วไม่เอาคืนมันยาก หรือถ้านักการเมืองไม่โกง พรรคการเมืองก็ต้องโกง เพราะต้องเอาเงินมาเป็นทุน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราเห็นอยู่ ไม่มีคนซื้อตำแหน่งเข้ามาแล้วไม่หาผลประโยชน์ หายาก ฉะนั้นประชาชนต้องตระหนักเรื่องนี้ว่า ถ้าเรายอมรับเงื่อนไขที่เขาให้เงินแล้วไปลงคะแนน ผลที่ตามมาก็คือประชาชนขาดทุน เพราะคนเหล่านั้นเข้ามาหาผลประโยชน์” นายชวน กล่าว

เตือนปชป.อย่าย้ายไปพรรคเฉพาะกิจ

เมื่อถามว่า ได้ให้แนวทางกับกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์บ้างหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคก็บริหารไปตามแนวนโยบายของเขา ความเห็นแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่ในส่วนของคนที่อยู่กับพรรค คนที่มั่นคง ตนก็พยายามบอกเขาว่าถ้าเป็นไปได้ อย่าไปเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ เพราะหลายพรรคก็เป็นพรรคเฉพาะกิจชั่วคราวเท่านั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่แม้จะได้ ส.ส.กี่คน ก็เป็นพรรคการเมืองที่มั่นคงตลอด ไม่เปลี่ยนแปลง ตนก็พยายามบอกเพื่อนๆ ที่มีพรรคการเมืองอื่นมาเกลี้ยกล่อม และมีแนวโน้มว่าจะไปว่าให้คิดดีๆ ไปอยู่พรรคการเมืองที่เป็นพรรคเฉพาะกิจมันก็ชั่วคราว เมื่อเสร็จภารกิจพรรคนั้นก็ล้มไป ซึ่งก็เป็นแค่การให้แนวความคิดเขาไปเท่านั้น แต่จะไปห้ามเขาไม่ได้

‘เทือก’ลุ้นตัดสินสร้างโรงพัก20ก.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20กันยายน เวลา 09.00น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) สนามหลวง นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัดและนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)

นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ นายสุเทพ เปิดเผยว่า วันนัดอ่านคำพิพากษา20กันยายน นายสุเทพ มีความพร้อมจะเดินทางไปฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยคนอื่นนั้นเมื่อศาลนัดแล้วและเป็นการนัดล่วงหน้าเป็นเดือนทุกคนก็คงต้องมีความพร้อม ส่วนเนื้อหาของคดีนั้น นายสุเทพและทีมกฎหมาย ไม่มีความกังวลใจเพราะไม่มีอะไรต้องกังวล เนื่องจากเราได้เสนอข้อเท็จจริงให้ศาลไปทั้งหมดแล้ว เรามั่นใจในข้อเท็จจริงที่เราให้ศาล ส่วนคำพิพากษาจะออกมาเช่นไร เราไม่อาจรู้ได้ เพราะเป็นเรื่องของศาล