อ่านที่นี่!‘คำวินิจฉัย’ศาลรธน.ฉบับเต็ม มติ 6 ต่อ 3 ‘บิ๊กตู่’ได้ไปต่อ ไม่สิ้นสุดวาระ 8 ปี
วันนี้ (30 ก.ย.65) ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของส.ส.ฝ่ายค้านขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ โดยศาลมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เห็นว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่สิ้นสุดลง
โดยศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 บัญญัติว่าความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อ(1)ตาย (2)ลาออก (3)สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่ไว้วางใจ(4)ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (5)กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 (6) มีพระบรมราชโองการให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 171 วรรค 2 บัญญัติว่า นอกจากเหตุที่ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามวรรคหนึ่งแล้วความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดเวลาตามมาตรา 158 วรรคสี่ ด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ บัญญัติว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ มาตรา 158 วรรคหนึ่ง วรรคสอง บัญญัติว่านายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคสาม บัญญัติว่าให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
มาตรา 159 วรรค 1 บัญญัติว่าให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
วรรคสอง บัญญัติว่า การเสนอชื่อตามวรรค 1 ต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร วรรคสาม บัญญัติว่า มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผยและมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร และมาตรา272 บัญญัติว่า ในระหว่าง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคสามต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา
วรรค 2 บัญญัติว่า ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใดและสมาชิกของทั้ง 2 สภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภาให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่ง โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 กำหนดวิธีการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีไว้ 2 กรณี ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญทุกฉบับ คือการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 และการได้มาซึ่งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272
โดยการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 มีหลักการสำคัญว่าให้พิจารณาบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากที่พรรคการเมืองได้แจ้งชื่อไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งโดยจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ซึ่งเป็นหลักการสำคัญตามที่ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อผู้ถูกร้องได้รับความเห็นชอบตามมาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 แต่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 158 เมื่อวันที่ 9มิ.ย.62 ผู้ถูกร้องจึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามหลักเกณฑ์และวิธีการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 โดยบริบูรณ์และเป็นไปตามการบังคับใช้กฎหมายและความแน่นอนชัดเจนของกฎหมาย
กล่าวคือการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158 วรรคสี่ ต้องพิจารณากระบวนการในการแต่งตั้งนายกตามมาตรา 158 ประกอบมาตรา 159 โดยเฉพาะเงื่อนไขในมาตรา 159 วรรคหนึ่งบอกว่า ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงตามเงื่อนไขแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นบุคคลอยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคการเมืองได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร
ผู้ถูกร้องได้รับพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติถวายคำแนะนำ เห็นได้ว่า ผู้ถูกร้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี2560 ซึ่งต้องมีที่มาตามมาตรา 158 วรรคสอง กล่าวคือได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร
แต่อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญปี 2560 มีบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่าให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ และให้นำความตามมาตรา 263 วรรคสาม มาใช้บังคับกับการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยอนุโลม วรรคสอง บัญญัติว่ารัฐมนตรีตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามที่บัญญัติไว้สำหรับรัฐมนตรีตามมาตรา 160 ยกเว้นอนุมาตรา 6 ในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรา 98 อนุมาตรา 12 ,13 ,14 ,15 และต้องพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 170 ยกเว้นอนุมาตรา 3 , 4 แต่ในกรณีตามอนุมาตรา 4 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรา 98 อนุมาตรา 12 , 13 , 14 ,15 และยกเว้นมาตรา 170 อนุมาตรา 5 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรา 184 อนุมาตรา 1 วรรคสามที่บัญญัติว่า การดำเนินการแต่งตั้งรัฐมนตรีในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 1 ปี 2558 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 แก้ไขฉบับที่ 2 ปี 2559 ที่ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคสอง วรรคสี่บัญญัติไว้ว่า ให้นำความตามมาตรา 163 วรรคเจ็ด มาใช้บังคับแก่การสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐมนตรีตามวรรคสอง และวรรคสามโดยอนุโลม ดังนั้น จึงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาต่อไปว่า จะถือว่าคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีผู้ถูกร้องเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 นั้น เป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยหรือไม่
คำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นเพียงการอธิบายแนวความคิดของกรธ.และการจัดทำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆว่ามีความมุ่งหมายอย่างไร เป็นการพิจารณาภายหลังรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้บังคับเป็นเวลาถึง 1 ปี 5 เดือน ประกอบกับความเห็นของประธานกรธ.และรองประธานกรธ.คนที่ 1 ที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง มิได้นำไประบุไว้เป็นความมุ่งหมายหรือคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 นอกจากนี้ ตามบันทึกการประชุมและรายงานการประชุมของกรธ.ที่พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีตาม มาตรา 158 วรรคสี่ ไม่ปรากฎประเด็นในการพิจารณาหรืออภิปรายเกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าสามารถนับรวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้บังคับด้วย การกำหนดเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ จึงมีความหมายเฉพาะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560
ดังนั้น เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้บังคับในวันที่ 6 เม.ย. 2560 และผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 264 การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องจึงเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ จึงอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 158 วรรคสี่ ทั้งนี้ การให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จะต้องถือเอาวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้เป็นวันเริ่มต้นเข้ารับตำแหน่ง
ด้วยเหตุนี้ ผู้ถูกร้องจึงดำรงนายกรัฐมนตรีตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญ 2560 นับตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 ถึงวันที่ 24 ส.ค. 2565 ผู้ถูกร้องจึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้อง จึงไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมาก จึงวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ตุลาการ 6 เสียงข้างมาก ที่ให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ ประกอบด้วย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายบรรจงศักดิ์ วงษ์ปราชญ์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์
ส่วนตุลาการ3 เสียงข้างน้อย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ นายนพดล เทพพิทักษ์
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี