“สดศรี”แนะกกต.ปรับกฎเหล็ก บีบรัฐมนตรีลาออกจากสมาชิกพรรค ลดความได้เปรียบเสียเปรียบและลดข้อครหาใช้งบหลวงหาเสียง
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฎเหล็ก 180 วัน สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองจากการที่รัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนและมีการหาเสียงไปด้วย แต่พรรคฝ่ายค้านทำไม่ได้นั้นว่า จริงๆแล้วรัฐบาลก็ต้องมีหน้าที่ไปช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันก็ต้องแฝงการหาเสียงไปด้วยเพื่อช่วยพรรคตัวเอง
ส่วนที่มองว่า เป็นการใช้เงินงบประมาณของหลวงในการลงพื้นที่ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา นางสดศรี กล่าวว่า ตนมีไอเดียว่าจริงๆแล้ว กกต. ควรกำหนดไว้เลยว่าในช่วง 180 วันก่อนการเลือกตั้งนี้ ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีควรจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคหรือสมาชิกพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเกิดขึ้น เพราะจะได้ออกไปช่วยประชาชนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรี ผู้มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ซึ่ง กกต. ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนมองว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะให้เขาอยู่ในหมวก 2 ใบ ทั้งการเป็นหัวหน้าพรรคหรือสมาชิกพรรค และการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์ดีกว่าจะให้เขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งในพรรคตัวเอง ทั้งนี้ ถึงแม้การที่รัฐมนตรีออกไปช่วยหาเสียงจะสามารถทำได้นอกเวลาราชการ แต่สำหรับรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้จะบอกให้เขาไปหลังเวลาราชการก็คงไปไม่ได้ เพราะเขาออกไปทำงานราชการ
“คงจะเป็นเรื่องดี ถ้ากกต.ปรับปรุงระเบียบที่วางไว้ ก็จะเกิดการไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน ในขณะเดียวกันก็จะไม่เกิดปัญหาเรื่องการร้องเรียนว่าบุคคลนั้นเป็นรัฐมนตรีแล้วยังเอาเงินของหลวงไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งด้วย ในการออกไปช่วยเหลือชาวบ้านในขณะเกิดอุทกภัย วาตภัย ต่างๆ” อดีต กกต.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี