กกต.ลุยสอบเงินบริจาคผับฉาว
พปชร.ลุ้นระทึก
หากผิดจริงโทษถึงขั้นยุบพรรค
‘ศรีสุรรณ’จี้สอบขัดก.ม.หรือไม่
ผบ.ตร.เต้นสั่งจัดระเบียบสังคม
สถานบันเทิงแหกกฎปิด5ปีทันที
กกต.แจงนายทะเบียนพรรคการเมือง ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทันที กรณีนายทุนผับจีนบริจาคเงิน 3 ล้าน ให้ พปชร. อันเป็นเหตุถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ “แสวง บุญมี”เผยผลสอบนายทุนจีนบริจาคเงินเข้าพปชร.ได้ พบเป็นผู้มีสัญชาติไทย แต่ที่มาของเงินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ขอเวลาตรวจสอบ วอนประชาชนสบายใจได้ ยืนยัน กกต.ปฏิบัติเหมือนกันทุกพรรค ‘ศรีสุวรรณ’บุก กกต. ยื่นจี้สอบผู้บริจาค-พปชร.รับบริจาคเงินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขณะที่ ผบ.ตร.สั่ง‘บิ๊กต่อ’ งัดยาแรง ลุยจัดระเบียบสังคม เน้นสถานบันเทิง สถานบริการทั่วประเทศ ฝ่าฝืนเสนอสั่งปิดทันที 5 ปี หากทำผิดซ้ำ จำคุก 1 ปี
จากกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมายอมรับว่า นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นายทุนจีนที่ได้รับสัญชาติไทย มีความเชื่อมโยงกับผับดังย่านยานาวา ที่ถูกตำรวจบุกทลายปาร์ตี้ยาเสพติด เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐจำนวน 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 นั้น
เลขาฯกกต.เผยกำลังเช็คที่มาของเงิน
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า ในฐานะนายทะเบียนและสำนักงานฯ ตั้งแต่ทราบข่าว ก็ได้ให้สำนักกิจการพรรคการเมืองดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นซึ่งมี 3 ประเด็น 1.ผู้บริจาคมีสิทธิ์บริจาคหรือไม่ โดยดูจากตัวเลขตามบัตรประจำตัวประชาชน พบว่า เป็นผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งก็ถือว่า เป็นผู้ที่สามารถบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองได้ 2.จำนวนเงินที่บริจาคพบว่า อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 3.พรรคผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รู้หรือควรจะรู้ว่าแหล่งที่มาของเงินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตรงนี้อยู่ในชั้นสำนักงานฯ กำลังดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เมื่อตรวจสอบแล้วก็จะมีการทำเรื่องเสนอมายังนายทะเบียนพรรคการเมือง
ขอให้สบายใจ-กกต.มีมาตรฐานเดียว
นายแสวง ยังกล่าวด้วยว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ได้กำหนดเรื่องการบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองไว้โดย ต้องไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 74 จำนวนเงินที่บริจาคต้องไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 เกณฑ์ กกต.จะตรวจสอบตามมาตรฐาน โดยเมื่อทุกพรรคการเมืองได้รับบริจาค ก็จะตรวจสอบเบื้องต้นว่า ผู้บริจาคเป็นผู้ที่สามารถบริจาคเงินให้กับพรรคได้หรือไม่ และเงินที่บริจาคอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ก่อนที่พรรคจะติดประกาศรายละเอียดการรับบริจาคไว้ ณ ที่ทำ การของพรรค และส่งให้สำนักงาน กกต. ประกาศให้สาธารณชนทราบต่อไป เมื่อมีกรณีเป็นที่สงสัยของประชาชนสำนักงาน กกต. ก็จะดำเนินการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมทั้งกับพรรคและตัวผู้บริจาคเอง ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อพรรคการเมือง รู้ภายหลังว่า เงินที่ได้รับมาไม่ถูกต้องจะสามารถดำเนินการแก้ไขได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ตัวกฎ หมายเขียนไว้ชัดอยู่แล้วผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งขอให้ได้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไรก่อน ขอให้ประชาชนสบายใจ ยืนยัน กกต. ปฏิบัติเหมือนกันทุกพรรค และขอตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร
กกต.ตรวจสอบพรรคการเมืองได้ทันที
แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่าตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พ.ศ. 2564 ข้อ 4 กำหนดให้เมื่อมีผู้ร้องหรือข้อเท็จจริงปรากฎต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่ามีพรรคการเมืองใดกระทำการอันอาจเป็นเหตุให้ยุบพรรค ทางนายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทันที
ดังนั้น กรณีนี้นายทะเบียนพรรคการเมือง หรือ เลขาธิการ กกต. ก็จะมีการดำเนินการตรวจสอบ และรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานก่อน หากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะเสนอความเห็นต่อ กกต. เพื่อพิจารณาต่อไป
“ศรีสุวรรณ”ยื่น กกต.สอบปมบริจาค
เมื่อเวลา 13.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ กรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนยอมรับว่า มีนายทุนจีนที่อาจแปลงสัญชาติเป็นไทย บริจาคเงินเข้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อปี 2564 เป็นจำนวน 3 ล้านบาท โดยมีหลักฐานปรากฎในเอกสาร กกต. เป็นที่รับรู้กันโดยกว้างขวางแล้วนั้น เป็นการฝ่าฝืน ม.44 ม.72 และหรือ ม.74 ของ พรป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่
ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวปรากฎเป็นข่าวหลังกรณีตำรวจบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา ที่ลักลอบเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบยาเสพติดหลากหลายรายการ อาทิ ยาเค, ยาแฮปปี้วอลเตอร์, ไฟว์ ไฟว์ รวมทั้งรถหรูอีกมากมาย ซึ่งบุคคลดังกล่าวยังเป็นหุ้นส่วนในบริษัทต่าง ๆ อีกหลายบริษัท ซึ่งบริษัทต่าง ๆ เหล่านั้น มีนอมินีถือหุ้นแทนต่างด้าวหรือไม่ อย่างไร เพราะอาจเกี่ยวพันและเชื่อมโยงต่อการบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองที่ปรากฎเป็นข่าวได้ ที่สำคัญบุคคลดังกล่าวแม้จะโอนสัญชาติเป็นไทยแล้วก็ตาม แต่ได้สละสัญชาติเดิมของตนแล้วหรือไม่ หรือยังคงถือ 2 สัญชาติอยู่
เปิดข้อห้ามเรื่องการรับบริจาค
สำหรับกรณีดังกล่าวมีกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดเป็นข้อห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อื่นใดจากบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจหรือกิจการหรือจดทะเบียนสาขาอยู่ใน หรือนอกราชอาณาจักไทยตาม ม.74 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 อีกทั้ง ม.72 ยังห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการ เมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่สำคัญใน มาตรา 44 ของกฎหมายข้างต้น ยังห้ามมิให้พรรคการเมือง ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง และสมาชิกรับบริจาค จากผู้ใดเพื่อกระทําการหรือสนับสนุนการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความมั่นคงของราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดินอีกด้วย หากพรรคการเมืองฝ่าฝืนมาตราใดมาตราหนึ่งข้างต้น ย่อมเข้าข่ายความผิดตาม ม.92(3) ซึ่ง กกต.มีอำนาจที่จะเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งให้ยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้
“บิ๊กป้อม”ชี้ ไม่ถึงยุบพรรค
เมื่อเวลา 13.45 น. ที่คลองโอ่งอ่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวนายทุนจีนผับดังย่านยานนาวา บริจาคเงินให้พรรค พปชร. 3 ล้านบาท ว่า พรรคพลังประชารัฐได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบว่าเข้าข่ายจะถูกยุบพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ยุบหรอก
เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ว่าอาจจะถูกยุบพรรคตามมาได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าก็ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคกังวลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายหัวแทนคำตอบ
ผบ.ตร.สั่งลุยจัดสถานบันเทิงทั่วปท.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่ดูแลงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงงานป้องกันปราบปราม ที่ สง.ผบ.ตร. พร้อมมอบหมายให้ดูแลจัดระเบียบสถานบริการทั่วประเทศ โดยให้ดำเนินการตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2558 และแก้ไขเพิ่มเติมที่ 46/2559 โดยทุกสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดบริการคล้ายสถานบริการ จะต้องไม่ยินยอม ปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ ไม่เปิดเกินเวลา ไม่ปล่อยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติดเข้าไปในสถานบริการ รวมถึงต้องไม่มีการค้ามนุษย์ในสถานบริการ หรือปล่อยให้มีการเล่นการพนันในสถานบริการ
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ตำรวจต้องลงตรวจสอบเรื่องสถานบริการให้เข้มข้น ผกก.หรือหัวหน้าสถานี ต้องลงไปดูด้วยตนเอง ส่วนระดับกองบังคับการ ต้องลงมาสุ่มตรวจสอบ หากพบว่าที่ใดปล่อยปละละเลย จะต้องมีการดำเนินการทางปกครอง และวินัย กับท้องที่ด้วย ส่วนสถานบริการที่ทำผิดกฎหมายนั้น หากเข้าเงื่อนไขตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ต้องเสนอผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิดห้ามเปิดภายใน 5 ปี และหากกระทำความผิดซ้ำมีโทษจำคุก 1 ปี
ขอส่งสัญญาณไปยังตำรวจทุกท้องที่ว่า ตร.จะเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ และจะส่งชุดไปสุ่มตรวจสอบเป็นระยะ ฉะนั้นขอให้ไปดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม จับต้องได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคม
ยื่นฟ้อง34พนง.ต่างด้าวผับฉาว
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีดังกล่าว ทางอัยการได้ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับเสพยาเสพติดที่ให้การรับสารภาพไปเเล้ว 7 คน ส่วนคนที่ให้การปฏิเสธทางพนักงานสอบสวนก็จะทำสำนวนเต็มรูปแบบเพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาอีกครั้ง โดยในวันนี้พนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะมีการส่งตัวให้พนักงานอัยการฟ้องผู้ต้องหาประมาณ 48 ราย เเต่เมื่อถึงเวลามีผู้ต้องหาที่รับสารภาพและสามารถยื่นฟ้องได้จำนวน 34 คนซึ่งเป็นคนงานต่างด้าว ชาวพม่า กัมพูชาที่มาทำงานในผับดังกล่าวโดยไม่มีใบอนุญาต หรือใบอนุญาตขาดอายุ ทางอัยการได้ยื่นฟ้องศาลแขวงพระนครใต้เเล้วในความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะนี้รอศาลตัดสิน ส่วนคนที่ให้การปฏิเสธพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินคดีเต็มรูปแบบในส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆยังไม่มีรายงานเข้ามา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี