สูตรผสมพันธุ์ “เพื่อไทย-พลังประชารัฐ” ปิดประตู “ไม่เอาบิ๊กตู่” จับตาการเมืองหักมุม สปอร์ตไลท์ส่อง “รวมไทยสร้างชาติ”
ท่ามกลางกระแส “เลือดไหล” ในพรรค “พลังประชารัฐ” ที่ความรุนแรงระดับส่อแววพรรคแตก ปะทุเป็นหย่อมๆตลอดเดือนที่ผ่านมา ที่แม้ “บุคคล” ระดับบิ๊กเนมของพรรค จะเรียงหน้าออกตัวปฏิเสธตามหน้าสื่อ แต่ก็ใช่ว่า พายุลูกนี้จะสงบลงหมดจดสิ้นเชิง
ในเมื่อ “บุคคลในข่าว” ไม่ว่าจะส.ส.กลุ่มกทม.ในสายแกนนำ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” - ก๊วน 8 ส.ส.ที่ปรากฏตัวในงานวันเกิด “เนวิน ชิดชอบ” – พ่วงด้วย “พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์” ส.ส.กทม.ที่แว่วหนาหูว่า กำลังเคลียร์ทางเข้าซบ “พรรคภูมิใจไทย” รวมถึง “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ และสุชาติ ตันเจริญ” ที่เปิดคอนเน็คชั่นส่วนตัวขอย้ายเลนเปลี่ยนขั้วเข้า “พรรคเพื่อไทย”
หรือกระทั่ง กลุ่มปากน้ำ 6 ส.ส.ในคาถาสาย “อัศวเหม” ที่แม้จะปรากฏภาพ “วงดินเนอร์” ระหว่าง “ชาญวีรกูล และอัศวเหม” ที่หากเป็นสายบันเทิงก็คงชื่นมื่นกับ “ความรักหนุ่มสาว” ระหว่าง “น้องเพลง ชนม์ทิดา และหนุ่มเป๊ก เศรณี”
แต่มุมการเมือง “ภาพ” การร่วมเฟรมเดียวกันของสองสำนัก บุรีรัมย์ -ปากน้ำ “อนุทิน-ชนม์สวัสดิ์” จะปล่อยผ่านโดยไม่ซ่อนนัยใดไม่ได้ ท่ามกลางกระแส “ดีล- ดูด” ที่ไตรมาสนี้ไม่มีใครเนื้อหอมเท่า “ภูมิใจไทย”
อ่านเกมตามกระแสดังกล่าว เท่ากับจะมี ส.ส.พลังประชารัฐกว่าสิบคนจ้องเปลี่ยนค่ายเข้าสังกัดพรรคสีน้ำเงิน
แต่ในเมื่อเวลายังเหลือก่อนเข้าสู่ไทม์ล็อคตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 97(3) ที่ผู้ที่จะลงสมัครส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง
ก่อนถึงปลายเดือนธันวาคมยังมีเวลา “กลับตัว กลับลำ” นาทีนี้จึงยังไม่มีใครออกมาปริปาก “ยืนยัน”หรือ “ปฏิเสธ” รักษาท่วงท่าในแบบอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
มุมหนึ่งอาจเป็นรักษามารยาทและรอความ “ชัดเจนที่สุด” ไปพร้อมกัน แต่อีกมุมหนึ่ง ก็ยังต้องชั่งน้ำน้ำหนัก “ดีลหลังม่าน” ที่หากข้อต่อรองสมน้ำสมเนื้อและดูมีอนาคตหากยังปักหลักไม่ย้ายค่าย
กระแสลมอาจ “ไม่เปลี่ยนทิศ”
แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้องเล็กของพี่น้อง3ป.จะส่งสัญญาณผ่านพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปยังพรรคพลังประชารัฐว่า “จะไม่ไปไหน”
แต่ “เดทล็อค” รัฐธรรมนูญ ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เหลือวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้สองปีเท่านั้น นับจากหลังเลือกตั้ง
อาการจากภายในพลังประชารัฐ จึงอยู่ในอารมณ์หวั่นไหวหายใจไม่ทั่วท้อง
“วีระกร คำประกอบ” ส.ส.นครสวรรค์ จึงนำร่องจุดพลุชงเสนอรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อ โดยพร้อมบรรจุชื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น 1 ใน 3 รายชื่อ และก็เป็น “วีระกร” คนเดิมที่จุดพลุ “ลูกที่สอง” เรียกร้องให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
ผนึกกำลังถือธงนำคู่ “ตู่-ป้อม” ตีปี๊บเรียกขวัญหวังคืนฟอร์มพรรค “ยืนหนึ่ง” ก่อนจะที่ “รงค์ สุขบุญสวย” ส.ส.นครศรีธรรมราช จะรับไม้ต่อชูสูตร “นายกฯคนละครึ่ง” ในแคมเปญ “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม”
ในส่วนของ “บิ๊กป้อม” หลังได้ทดลองเป็น “เบอร์หนึ่ง” รัฐบาลในช่วงที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ระหว่างที่ “พล.อ.ประยุทธ์” หยุดปฏิบัติหน้าที่ 38 วัน ถือว่า สอบผ่าน และ2 ป. ยังคงแยกเดินสายทำงานมาอย่างต่อเนื่อง
ตามคิวงานล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” มีภารกิจต้องเดินทางไปร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่5 ที่สปป.ลาว
ขณะที่ “บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่ตรวจราชการและสถานการณ์น้ำที่คลองโอ่งอาง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
“น้องตู่” ร่วมงานระดับชาติ ส่วน “พี่ป้อม” รับงานรูทีน ตรวจน้ำ - ทักทายผู้ค้า ประชาชน นักท่องเที่ยว ภาพต้อนรับไม่ต่าง “นายกฯ” มาเอง
ซีนนี้ “บิ๊กป้อม” เดินสายฝึกงานนายกฯกันแบบยาวๆ
ในจังหวะที่ “พลังประชารัฐ” หยั่งกระแส “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม” ก็เกิดกระแส “บิ๊กดีลลับ” ระหว่าง “พลังประชารัฐ – เพื่อไทย” จับมือผสมพันธุ์เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ที่แม้ว่า “ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าเพื่อไทย จะประกาศว่า “ก่อนเลือกตั้ง” จะยังไม่จับมือพรรคไหน ในอารมณ์ยังหวัง “แลนด์สไลด์” โกยส.ส.เกิน 250 เสียง เข้าวินต้นขั้วจัดตั้งรัฐบาล ชี้นิ้วกดปุ่มได้สะดวกกว่า
ขณะเดียวกัน “หัวหน้าเพื่อไทย” ก็ยังเปิดทางหาพันธมิตรแบบลางๆโดยวางสามเงื่อนไข หากพรรคการเมืองใดจะจับมือกับ “เพื่อไทย” 1.จะต้องมีอุดมการณ์เช่นเดียวกับกัน 2.ต้องไม่สนับสนุนเผด็จการและสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์แน่นอน และ 3.การทำงานร่วมกันที่เอานโยบายมาสอดประสานเป็นนโยบายของรัฐบาล และการเจรจาที่จะเข้ามาทำงานในกระทรวงต่างๆ
ทั้งสามเงื่อนไข “ขีดเส้นใต้” ย้ำ “ตัวแดง” แค่ข้อสอง “ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์”
เปิด “สูตรผสมพันธุ์การเมือง เพื่อไทย-พลังประชารัฐ” ปิดประตูใส่หน้า “บิ๊กตู่” แต่เปิดแง้มให้ “บิ๊กป้อม” ตามคำให้สัมภาษณ์ของ “ชลน่าน”
“พล.อ.ประวิตร ยังมีข้อดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ในมุมของความเป็นการเมืองเข้าอกเข้าใจ เห็นใจประชาชน เข้าถึงสภาพปัญหา มีลักษณะความเป็นมนุษย์ เข้าถึงจิตใจความเป็นมนุษย์มากที่สุด มีความเห็นอกเห็นใจที่สูงกว่า”
อวยกันสุดลิ่ม ทอดสะพานหวังพึ่ง “ซุปเปอร์คอนเนคชั่น” และ “บิ๊กพาวเวอร์” ของพี่ใหญ่ “ป.ป้อม”
สูตร “นายกฯคนละครึ่ง” อาจได้ใช้แน่ หาก “บิ๊กตู่” หมดวาระดำรงตำแหน่ง โดยจะสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2568 ถ้า “พลังประชารัฐ” จะครองอำนาจต่อ คงต้องพึ่งพาเสียงโหวต ที่คาดว่า “เพื่อไทย” น่าจะยังคงโกยส.ส.เข้าสภาได้ในจำนวน “ร้อยอัพ”เหมือนที่ผ่านมา
นั่นก็เพราะ “ไพ่ตาย” อย่างสมาชิกวุฒิสภา หรือสว.250 เสียง ต้องหมดวาระลงตามบทเฉพาะในเดือนพฤษภาคม 2567
เมื่อหมด “ตัวช่วย” จึงต้องเปลี่ยนเกม ซึ่งก็เป็นอะไรที่ไม่หนักหนา ที่ “บิ๊กป้อม” จะโชว์พลังภายในต่อสายคอนเน็กชั่นคุ้นเคยกับ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” แต่ฉากหน้าอยู่ใครจะกลืนน้ำลายตอบคำถามประชาชนกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง
ท่ามกลางเงื่อนไข “ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์” จากพรรคเพื่อไทย และข้อเรียกร้องจากพลังประชารัฐให้พล.อ.ประยุทธ์ สมัครสมาชิกพรรค
พรรคนั่งร้านอุ้มตู่ อย่าง “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ขับเคลื่อนโดย “เดอะตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มือขวาตึกไทยคู่ฟ้าข้างกาย “บิ๊กตู่” ยังคงเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ซึ่งล่าสุดได้ “ตัวเก๋า” อย่าง “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” มาร่วมเสริมทัพ
การที่ “สามสี ภูเขาทอง” ทิ้งพรรค “ประชาธิปัตย์” ที่อยู่มาหลายสิบปี น่าจะประเมินและมองเห็นการณ์ไกลข้างหน้าได้พอสมควร อีกทั้งการมาครั้งนี้ ก็มาจาก “คำเชิญชวน” ของพล.อ.ประยุทธ์เอง
สปอร์ตไลท์เตรียมจับไปที่ “รวมไทยสร้างชาติ”..!!
หากเกมการเมืองหักมุม “พล.อ.ประยุทธ์” เลือกใช้แผนสองหยุดใช้บริการ “พลังประชารัฐ” และกอดคอไปกับ “รวมไทยสร้างชาติ” แคมเปญเลือกตั้งคราวหน้าอาจไม่ใช่ “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม” แต่จะเป็น “ชูลุงตู่ สู้ลุงป้อม”ในทันที
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี