จี้ถอดคลิปฟัน‘ธนาธร’ ส่อพูดจริงเสี้ยวเดียว ประจานไทยต่อชาวโลก

จี้ถอดคลิปฟัน‘ธนาธร’ ส่อพูดจริงเสี้ยวเดียว ประจานไทยต่อชาวโลก

วันจันทร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 11.42 น.

จี้ถอดคลิปฟัน‘ธนาธร’ ส่อพูดจริงเสี้ยวเดียว ประจานไทยต่อชาวโลก

14 พฤศจิกายน 2565 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr มีเนื้อหาดังนี้...


เมื่อไม่กี่วันมานี้คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับเชิญไปพูดในการประชุมที่เรียกว่า Oslo Freedom Forum ที่ไต้หวัน ซึ่งคุณธนาธรได้เลือกที่จะพูดในหัวข้อ

"Why we must defend democracy" หรือทำไมเราต้องปกป้องประชาธิปไตย

Oslo Freedom Forum คือที่ประชุมที่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2009  ที่ Oslo เพื่อเป็นที่รวมตัวกันของนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน และนักประชาธิปไตย เพื่อต่อสู้กับเผด็จการ หลังจากนั้นก็ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี  ครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่ไต้หวัน

ผู้จัดการประชุม Oslo Freedom Forum คือมูลนิธิสิทธิมนุษยชน( Human Rights Foundation) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ New York สหรัฐอเมริกา

แหล่งเงินทุนที่ให้การสนับสนุนมูลนิธิสิทธิมนุษยชน มาจากทั้งภาคเอกชน เช่น twitter และ Amazon เป็นต้น และยังมาจากองค์กรที่เรียกว่า Freedom Fund ซึ่งหากค้นลึกลงไปก็จะพบว่าองค์กรแห่งนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลอังกฤษ นั่นเอง

Oslo Freedom Forum ไม่ใช่เพียงจัดประชุมปีละครั้ง แต่ยังจัดกิจกรรมต่างๆระหว่างปีด้วย หนึ่งในกิจกรรมก็คือ จัดอบรมวิธีการทำปฏิวัติ(ไม่ใช่รัฐประหาร) และการจัดการชุมนุม หรือจัดม็อบ การรับมือกับตำรวจควบคุมฝูงชนให้กับนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านรัฐบาลจากประเทศต่างๆ นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงที่ชื่อนาย โจชัว หว่อง ก็เคยเข้ารับอบรมดังกล่าวนี้

การประชุมครั้งนี้ที่ไต้หวัน ยังได้มีการนำภาพของผู้นำของประเทศที่ถูกคนกลุ่มนี้ตราหน้าว่าเป็นเผด็จการมาติดผนังไว้ให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมเขียนอะไรก็ได้บนภาพของผู้นำเหล่านี้

คุณธนาธร ได้รับการแนะนำในวีดิโอที่ขึ้นจอก่อนที่จะเริ่มพูดว่า เป็นผู้นำฝ่ายค้าน(opposition leader) ทั้งที่ผู้นำฝ่ายค้านคือ น.พ. ชลน่าน ศรีแก้ว ไม่ทราบว่าใครให้ข้อมูลเช่นนั้น และยังระบุว่าคุณธนาธรถูกดำเนินคดีรุนแรงมากมาย รวมทั้งโดนคดีเนื่องจากวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นคดีอะไรที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

คุณธนาธรได้เริ่มพูดในหัวข้อข้างต้นด้วยการกล่าวว่า

"จะตอบคำถามว่า ทำไมจึงต้องปกป้องประชาธิปไตยด้วยการตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากประเทศสูญเสียประชาธิปไตย ซึ่งไม่ต้องไปดูที่ไหนนอกจากในประเทศของผมเอง"

คุณธนาธรตั้งคำถามต่อว่า ในประเทศไทย ใครคือผู้ที่มีอำนาจ กองทัพ สถาบันกษัตริย์ หรือประชาชน จากนั้นจึงร่ายยาวว่า ในระยะเวลา 90 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญกี่ฉบับ มีการทำรัฐประหารกี่ครั้ง มีนายกรัฐมนตรีกี่คน เพื่อจะบอกโดยนัยว่า อำนาจที่แท้จริงไม่เคยอยู่ในมือของประชาชน และกล่าวต่อว่า

"เมื่อใดที่ประชาชนลุกขึ้นต่อต้านเผด็จการ และเรียกร้องการเลือกตั้ง สิ่งที่พวกเขาได้รับก็คือ กระสุนปืน"

จากนั้นกล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆทางการเมือง เริ่มจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬว่ามีคนเสียชีวิตกี่คน และกล่าวถึงเหตุการณ์ สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเดือนพฤษภาคม 2553 ว่าผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิตกลางวันแสกๆ 99 คน เพียงเพราะพวกเขาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ และไม่มีนายพลคนไหนต้องรับผิดชอบต่อการที่มีผู้เสียชีวิตครั้งนี้

คุณธนาธรไม่ได้บอกเลยว่า รัฐบาลในขณะนั้นคือ รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการ  ไม่ได้บอกเลยว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือไม่ และมีการยิงต่อสู้กันหรือไม่ ไม่ได้บอกเลยว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่เองก็บาดเจ็บ และเสียชีวิตกี่คน และยิ่งไม่ได้บอกเลยว่ามีการเผาสถานที่ต่างๆในกทม ไปกี่แห่ง เผาศาลากลางในจังหวัดต่างๆไปกี่แห่ง

เมื่อได้วาดภาพประเทศไทยจนเป็นประเทศที่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนแล้ว ก็เริ่มพูดถึงตนเองว่า ด้วยความหมดหวังกับประเทศไทย จึงตั้งพรรคการเมืองขึ้น เพราะเชื่อว่าคนไทยควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ และพรรคตนเองได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 3 ตนเองได้รับการเสนอชื่อจากพรรคที่สนับสนุนประชาธิปไตยให้เป็นนายกรัฐมนตรีแข่งกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ถูกปฏิเสธโดยคณะกรรมการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิก ซึ่งรัฐบาลทหารเป็นผู้แต่งตั้งเข้ามาทั้งสิ้น ตนเองไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าสภา เพราะถูกเพิกถอนจากการเป็น ส.ส.โดยคณะกรรมการเลือกตั้ง ต่อมาพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นก็ถูกยุบโดยการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรนูญก็ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารทั้งหมดเช่นกัน

หลังจากนั้นคุณธนาธรยังพูดถึงตนเองต่อไปว่า ตนเองถูกดำเนินคดีทางอาญามากมายหลายคดีรวมทั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่รู้ว่าตนเองจะโดนตัดสินลงโทษเมื่อใด ไม่เพียงแต่ตนเอง พวกเขายังตามเล่นงานครอบครัว และคนที่ตนเองรัก ตัวอย่างเช่น หลานสาวอายุ 17 ก็ถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

น่าสังเกตว่า การที่คุณธนาธรพูดว่าตัวเองถูกดำเนินคดีต่างๆมากมาย คุณธนาธรพูดประหนึ่งว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งอยู่เฉยๆก็ถูกดำเนินคดี แม้เรื่องถูกเพิกถอนจากการเป็น ส.ส.ซึ่งใครก็รู้ว่าเพราะเรื่องถือหุ้นในบริษัทที่เกี่ยวกับสื่อ ซึ่งขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง แต่คุณธนาธรไม่เคยบอกเลยว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือไม่แต่อย่างใด เช่นเดียวกับเรื่องหลานสาว ก็ไม่ได้บอกว่าไปพูดหรือวิจารณ์อะไรเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์จึงถูกดำเนินคดี

แต่โทษอย่างเดียวว่า เป็นเพราะความล้มเหลวในการปกป้องประชาธิปไตย

คุณธนาธรยังกล่าวหารัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า เอนเอียงไปทางประเทศจีน ส่งชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้ามาในไทย 100 คนกลับไปประเทศจีน โดยไม่ยอมให้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศอื่น และไม่ยอมให้ชาวเมียนมาร์ที่พยายามหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยหลังมีการทำรัฐประหาร ทั้งไม่ยอมให้ความช่วยเหลือจากประเทศอื่นๆผ่านประเทศไทยไปยังผู้หลบหนีอีกด้วย

สิ่งที่คุณธนาธรพูดที่น่ากังขาอย่างยิ่ง เพราะพยายามค้นหาอย่างไรก็ยังไม่พบว่าเป็นความจริงหรือไม่ นั่นคือคุณธนาธรอ้างว่า พลเอก มิน อ่องหล่าย ให้สัมภาษณ์ Nikkei ว่า

"ผมจะทำรัฐประหารก็ต่อเมื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเท่านั้น"

เป็นไปได้หรือที่พลเอก มิน ออง หล่าย จะให้สัมภาษณ์เช่นนั้น

ช่วงท้ายของการพูด คุณธนาธรได้กล่าวว่า หลังจากที่พรรคตัวเองถูกยุบ มีการชุมนุมประท้วงใหญ่(mass protest) ไปทั่วประเทศ เนื่องจากประชาชนรู้สึกว่า "อนาคตของพวกเขาถูกปล้น" และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหลายด้าน รวมทั้งให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แต่ผู้ประท้วงก็ถูกรัฐบาลพลเอด้วยการดำเนินคดีอาญากับผู้ประท้วงเหล่านี้เป็นจำนวนมากถึง 2017 คน รวมทั้งตัวเองก็โดนด้วย รัฐบาลทำเช่นนี้ก็เพื่อปิดปากผู้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิดปากผู้ที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

สุดท้ายคุณธนาธรถึงกับกล่าวว่า ทั้งหมดนี่คือผลจากความล้มเหลวในการปกป้องประชาธิปไตย หากปกป้องประชาธิปไตยได้สำเร็จ หากสามารถหยุดการทำรัฐประหารในปี 2557 ได้สำเร็จ ชาวอุยกูร์ 100 คน วันนี้อาจได้อาศัยอยู่ในโลกเสรี อาจไม่มีการทำรัฐประหารในเมียนมาร์ ซึ่งอาจเป็นการรักษาชีวิตคน 1700 คนที่ต่อต้านการทำรัฐประหาร อาจจะไม่มีคนต้องติดคุกเพราะวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์

สิ่งที่คุณธนาธรทำบนเวทีนี้คือ ประจานประเทศไทยต่อชาวโลก นั่นยังเลวร้ายไม่พอ ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ การประจานของคุณธนาธรเป็นการประจานด้วยข้อมูลจริงเพียงเสี้ยวเดียว ยังดีที่ผู้ที่เข้าร่วมประชุมน่าจะเกือบทั้งหมดที่มาจากชาติต่างๆ เป็นคนประเภทเดียวกับคุณธนาธร ทุกคนล้วนพร้อมที่จะประจานประเทศตัวเอง ด้วยข้อมูลจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง หญิงสาวชาวเกาหลีเหนือคนหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ชื่อ Yeonmi Park ลี้ภัยมาอยู่ที่ New York ตั้งแต่ยังเด็ก เธอเคยเดินสายไปพูดในที่ต่างๆ วาดภาพประเทศเกาหลีเหนือเสียจนดูเลวร้ายเกินจริง เธอให้ข้อมูลว่าเพื่อนของแม่เธอถูกประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณะเพียงเพราะแอบชมภาพยนต์ตะวันตก ภายหลังมีคนจับได้ว่า แต่ละครั้งที่ไปพูด เธอให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ภายหลังเธอพูดว่า เธอไม่เคยบอกว่าเธอเห็นการประหารชีวิตด้วยตาเธอเอง ในขณะที่ชาวเกาหลีเหนือบางคนที่ลี้ภัยมาเช่นกัน ให้ความเห็นว่าสิ่งที่ Park พูดไม่ใช่ความจริง

กระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ควรนำคลิปที่คุณธนาธรไปพูดครั้งนี้ไปถอดคำพูดอย่างละเอียด หากพบว่าข้อมูลส่วนใดเป็นความเท็จ ก็สมควรที่จะดำเนินการตามความเหมาะสม เพราะเรื่องนี้ไม่สมควรที่ปล่อยผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย เนื่องจากเป็นการทำให้ประเทศเสียหาย แม้จะทำในกลุ่มคนที่ชอบทำแบบเดียวกันก็ตาม

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top