‘เสี่ยหนู’ผวาพรบ.กัญชาล่ม
ปัดถอนตัวจากรบ.
ขอยึดประโยชน์ส่วนรวม
พปชร.สายใต้เชื่อ‘ตู่-ป้อม’
ไม่มีวันแตกแยกจากกัน
“อนุทิน” ย้ำชัด ควรมี ก.ม.กัญชา กัญชง พร้อมยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ตอบชัดไม่คิดถอนตัวจากรัฐบาล เพียงเพราะกฎหมายไม่ผ่าน “รงค์” ย้ำ สส.ใต้พปชร.ลงพื้นที่ตีปี๊บผลงานปชช. เชื่อสองลุง “ป้อม-ตู่”ไม่แยกกันเกาเหลากัญชาไม่จบง่าย
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 65 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีพระราชบัญญัติกัญชงกัญชาว่า ไม่มีความกังวลอะไร หลังประชุมเอเปคทุกอย่างก็ดีขึ้น ครั้งนี้เราพร้อมที่จะรับฟัง ครั้งที่แล้วเขาไม่ให้เข้าไปพิจารณา แต่คราวนี้คงไม่ได้แล้ว เพราะถูกบรรจุอยู่ในวาระแล้ว เมื่อพ.ร.บ.กัญชงกัญชาเข้าไปแล้วก็จะต้องมีการพิจารณาเป็นรายมาตรา
ตนเชื่อมั่นว่าคณะกรรมาธิการที่ร่างกฎหมายนี้จะต้องรับฟัง อย่างไรก็ตามถ้าจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้นเราขอยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งประชาชนไม่ได้รับผลกระทบต่อให้พ.ร.บ.นี้เลย เพียงแต่ว่าทุกวันนี้เราใช้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขควบคุม แต่ปัญหามันคือความยุ่งยากของเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นเอง ส่วนประชาชนสามารถใช้ได้ทุกอย่าง ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดควรจะต้องมีกฎหมายกัญชงกัญชา
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า หลายคนเป็นห่วงว่าจะเป็นทางที่ไม่ชอบไม่เหมาะสม ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งควรจะต้องมีกฎหมายที่ควบคุม ซึ่งกฎหมายกัญชงกัญชาที่ออกมาครั้งนี้ก็เพื่อมาควบคุมกัญชงกัญชาไม่ให้เกิดอันตราย และให้เกิดการใช้ที่ถูกต้องแบะเป็นประโยชน์ ส่วนความรอบคอบของกระทรวงสาธารณสุขที่ว่าถ้ากฎหมายไม่ออกมาหรือมีการแปรญัตติ ดังนั้นเราจึงออกมาเป็นกฎกระทรวง แต่ก็ยอมรับว่าการมีกฎหมายก็จะทำให้มั่นใจในการใช้มากขึ้น
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะมีการคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เราใช้เหตุใช้ผล ซึ่งกมธ.กัญชงกัญชาก็มีสมาชิกของทุกพรรคอยู่แล้ว ซึ่งกฎหมายกัญชงกัญชาในวาระแรกได้ผ่านด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น และได้ตั้งเป็นกมธ.ที่มีสมาชิกจากทุกพรรคมีการเพิ่มจาก 45 มาตราเป็น 95 มาตรา และใส่ความเห็นของสมาชิกแล้วทุกพรรค ตามตรรกะมันต้องผ่าน
แต่ก็อย่าไปมองโลกสวยทั้งหมดว่า จะร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ผ่านไม่ได้หมายความว่า ประชาชนที่ทำธุรกิจจากกัญชงกัญชาจะทำอะไรไม่ได้ ซึ่งเขาก็ทำได้ปกติ และถ้าไม่ผ่านทางพรรคภูมิใจไทยจะได้เอาไปบอกกับประชาชนว่า ครั้งหน้าให้เลือกภูมิใจไทยเยอะๆ
ส่วนเรื่องของรัฐบาลก็เป็นเรื่องของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับกฎหมายนี้ ซึ่งเราจะไปให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดมาเห็นต่างเรานั่นมันก็จะเป็นเผด็จการ และถ้าไม่ผ่านเราคงไม่ได้ไปเกี่ยวกับเรื่องถอนตัวจากรัฐบาล เพราะถอนตัวไปจะได้อะไรขึ้นมาแล้วใครจะมาต่อสู้เพื่อประชาชน ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไรไม่ผ่านประชาชนจะเป็นคนตัดสิน
วันเดียวกัน นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองช่วงหลังเอเปคว่า ขณะนี้ที่ภาคใต้มีลมพายุแรง ส.ส.ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ ต่างเงียบไปทำงานอยู่กับประชาชนในพื้นที่และใช้โอกาสอธิบายว่า เกือบ 4 ปีที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง พอประชาชนถามว่าอนาคตจะอยู่ที่ไหนก็ชี้แจงว่าวันนี้ทุกคนอยู่พรรคพลังประชารัฐ ไม่มีสัญญาณจะไปที่ไหน และส.ส.ใต้พลังประชารัฐทั้ง 14 คน ที่ตนได้พูดคุยอย่างใกล้ชิด4-5คน ต่างพูดตรงกันว่า เรายังอยู่พลังประชารัฐและมั่นใจในระบบเลือกตั้งบัตรสองใบ ตนก็บอกไปว่าเลือกตนก่อน ส่วนจะอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี วันไหนอันนั้นค่อยเลือกกัน แต่วันนี้ขอให้เลือกนายรงค์ก่อน เพราะที่ผ่านมาตนได้ทำงานให้ประชาชนอยู่กับประชาชนเอาความเดือดร้อนไปหาทางออกในสภาให้ประชาชน ขอให้ประชาชนเข้าใจให้มากที่สุด ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราทำอะไรให้ประชาชนไปบ้าง ส่วนพรรคหรือนายกฯค่อยว่ากันอีกทีให้คลื่นลมสงบมีความแน่นอนก่อน และส่วนตัวไม่วิตกเลย และส.ส.ที่คุยกันก็ไม่วิตกขอทำงานในพื้นที่ไปก่อน ส่วนสังกัดลงไหนพรรคไหนอย่างไรมันมีเวลา อนาคตจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องการเมืองระดับชาติ ส.ส.เหมือนน้ำอย่างไรก็มีที่อยู่ แต่ขอให้เป็นน้ำที่ดีในสายตาชาวบ้าน ส่วนจะอยู่กับลุงไหน ยังมีเงื่อนไขที่ยังไม่สามารถสรุปได้ที่จะต้องตัดสินใจในอนาคตยังมีเวลา แต่วันนี้ขอให้เป็นน้ำดีที่จะอยู่ที่ไหนก็ได้
เมื่อถามว่าหากสองลุงแยกกัน อยู่กับใครดีกว่ากัน นายรงค์กล่าวว่า จากข้อมูลกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ ในพื้นที่ภาคใต้ถือว่าดีมากมาก ถ้าเราเป็นน้ำดีบวกพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไปโลด ตัวส.ส. ต้องคิดว่าต้องเอาตัวเองเข้าสภาให้ได้ ต้องเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้ง วันนี้เราอยู่พลังประชารัฐ กระแสพล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นปัจจัยหลังอยู่ แต่การเมืองมีพัฒนาการมีการเปลี่ยนแปลง เงื่อนไขใหม่ๆเข้ามาเสริม ซึ่งส.ส.ภาคใต้ทั้ง 14 คน มีความเป็นปัจเจกของแต่ละคน
เมื่อถามว่าหากสองลุงต้องแยกกันจริง ส.ส. 14 คนจะไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่นายรงค์ ตอบว่า แล้วแต่ปัจเจคบุคคล คิดว่าทั้ง 14 คนถ้าจะไปก็ไม่ได้ไปทั้งยวง เพราะแต่ละพื้นที่มีปัจจัยที่ต่างกันไป ยกตัวอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าสู่ในพื้นที่ภาคใต้ ก็มีพลังประชารัฐอยู่ มีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อยู่มีความทับซ้อน มันมีเงื่อนไขต่างๆอยู่
เมื่อถามว่าแล้วโอกาสที่สองลุงยังอยู่ด้วยกันหรือไม่ นายรงค์ตอบว่า “ผมยังเชื่อว่าสองลุงยังอยู่ด้วยกัน เขียนไว้ขางฝาไว้พลางๆ ถ้าผิดก็ไม่ว่ากันถือเป็นการวิเคราะห์ แต่ผมเชื่อว่าสองลุงยังอยู่ด้วยกัน การเมืองไม่ใช่ชนะแค่เราเป็นอย่างไร ไม่ใช่วัดกันที่ไปร่วมงานกับประชาชน การเมืองสูงสุดคือชนะเลือกตั้ง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วจะไปแยกกันทำไม ขัดกันทำไม เมื่อแยกกันแล้วทอนกำลังตัวเอง เมื่ออยู่ที่เดิมดีอยู่แล้ว ไปที่ใหม่บ้านใหม่ดีหรือไม่จริงหรือไม่ ผมคิดว่าสองลุงยังอยู่ด้วยกัน สงครามใหญ่คือชนะเลือกตั้งจึงเกิดคำถามว่าแยกไปแล้วจะเป็นพรรคใหญ่หรือ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี