‘พิธา’เคลียร์ปมร้อนสายเขียวอีกรอบ ยันแม้ยัด‘กัญชา’กลับเป็นยาเสพติดก็ยังใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้  เผยแนวทางควบคุมโซนนิ่งหรือการพกในที่สาธารณะ เตรียมตั้งคณะกรรมการดูแลร้านที่ทำถูกกฏหมาย หรือออกกฏหมายนิรโทษกรรม

30 พ.ค. 2566 ที่พรรคประชาชาติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตอบคำถามสื่อมวลชนประเด็นการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากศูนย์คือ เป็นยาเสพติด 100%  ใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย  จนกระทั่งไปถึงร้อย  คือเสรีสุดโต่งแบบสุญญากาศจนสามารถเปิดได้เยอะมากมายมหาศาลโดยไม่มีการควบคุมที่เป็นสภาพบังคับ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมาหาจุดสมดุลที่ตรงกัน

“8  พรรคที่ยืนอยู่ตรงนี้  ส่วนใหญ่ก็น่าจะเห็นว่ากัญชาทางการแพทย์เป็นสิ่งที่ทำได้  ถึงแม้จะเป็นยาเสพติดก็ยังสามารถที่จะทำได้อยู่  ในเรื่องของสถานการณ์ก็จะต้องมีการควบคุมโซนนิ่ง หรือควบคุมการพกในที่สาธารณะ แต่ก็ต้องขอยืนยันว่าถ้าเป็นพี่น้องที่อยู่ในแวดวงกัญชาและเปิดร้านไปแล้ว และทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ก็น่าจะมีวิธีที่จะให้คณะกรรมการพูดคุยว่าจะสามารถปกป้องหรือสามารถนิรโทษกรรมเขาได้อย่างไร” นายพิธา กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวอีกว่า ต้องยืนยันว่าการใช้กัญชาในหลายประเทศยังอยู่ในยาเสพติดแต่ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ หรือใช้ประโยชน์ในสันทนาการได้ในหลายประเทศ ไม่ใช่หมายความว่าพอกลับไปเป็นยาเสพติดแล้วไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้ อันนี้ไม่เป็นความจริงแน่นอน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุมแกนนำ 8 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ เพื่อหารือถึงแนวทางและแผนงานการทำงานหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ได้มีการตั้งคณะกรรมการช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมตั้งคณะทำงาน 7 คณะ ประกอบด้วย 1.ค่าไฟฟ้า ดีเซล พลังงาน 2.เอลนิโญ่ สภาพแวดล้อม 3.แก้ไฟใต้ 4.แก้รัฐธรรมนูญ 5.pm2.5 6.ปากท้อง SME และ 7.แก้ยาเสพติด ซึ่งประเด็นกัญชาจะอยู่ในส่วนนี้-001