“สนธิญา"บุกร้อง กกต.สอบปม “อุ๊งอิ๊ง” บินฮ่องกงพบ“ทักษิณ”ขัดกฎหมายพรรคการเมือง ม.45 ฐานส่งเสริมการกระทำที่ผิดศีลธรรมอันดีหรือไม่ ชี้หากผิดจริงโทษถึงยุบพรรค-ตัดสิทธิทางการเมือง
วันที่ 27 ธ.ค.65เวลา 10.45 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษา ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และ สิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ กกต.ไต่สวน วินิจฉัย และพิจารณาในเบื้องต้น กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ้ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง โดยนายสนธิญา กล่าวว่า แม้มีหลายคนถามว่าทั้ง 2 คนเป็นพ่อลูกกัน ทำไมไม่ร้องตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโดยเหตุผลและหลักการคือ ขณะนั้น น.ส.แพทองธาร ยังไม่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นประธานที่ปรึกษาและการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย และขณะนั้น น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งตลอด 4-5 ปี น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เป็นผู้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้แม้ในเรื่องของสายเลือดพ่อลูกตัดกันไม่ได้ แต่ในเรื่องของกฎหมายจะต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 45 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนคุกคามความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งคำว่าศีลธรรมอันดีคือหลักแห่งการประพฤติปฏิบัติดี ต้องยอมรับว่านายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ที่หนีไอยู่ต่างประเทส และมีคำพิพากษาจำคุก 10 ปี แต่การที่ น.ส.แพทองธาร ที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานประกาศนโยบาย เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จึงเป็นคนหนึ่งที่เป็นไปตามมาตรา 45 ดังกล่าว โดยกรณีนายทักษิณไลฟ์เข้ามาในประเทศไทยทุกวันอังคารนั่นคือการก่อกวนหรือไม่อย่างไร หรือประเด็นศีลธรรมอันดีของประชาชน ก็คือประเด็นที่ว่าถ้านายทักษิณบริสุทธ์ ยุติธรรม และเชื่อมั่นใจความสุจริตขิงท่าน ก็ต้องกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการแห่งกฎหมาย
ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงขอให้ กกต.วินิจฉัยตีความในประเด็นดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 44, 45, 28, 29 และ บทกำหนดโทษ ตามมาตรา 92(3)(4) คือยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง หากมีความผิดจริง
“ผมไม่เคยร้องอุ๊งอิ้ง ที่ไปหาพ่อ ไปหานายทักษิณ เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่เหตุผลที่ผมต้องร้องอุ๊งอิ้ง ในขณะนี้ที่ไปหานายทักษิณที่ฮ่องกง ก็เพราะอุ๊งอิ้งเป็นคนหนึ่งในการบริหารของพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และนอกจากนั้นในช่วงเวลาที่นายทักษิณมาอยู่ที่ฮ่องกงนั้น ผมอยากให้ กกต.ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่ามี ส.ส.คนใดคนหนึ่ง เดินทางไปฮ่องกงในเวลานั้นหรือไม่อย่างไร รวมทั้งขอให้ตรวจสอบรูปภาพที่เขียนคำว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งมี ส.ส.หลายคนบอกว่าเป็นลายมือของนายทักษิณนั้นจริงเท็จหรือไม่ ขอให้ กกต.วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวด้วย ผมไม่ได้บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่บอกว่าการกระทำมันคาบเกี่ยว ดังนั้น เป็นหน้าที่ กกต.ที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัย”นายสนธิญา กล่าว
เมื่อถามว่าในมุมมองของการร้องเรื่องนี้หมายถึงการเดินทางไปหาพ่อของ น.ส.แพทองธาร เป็นเรื่องผิดศีลธรรมอันดีใช่หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า การเดินไปหาพ่อไม่ผิด แต่สถานะของบุคคลขณะนั้นอยู่ในสถานะอะไร เมื่อมีสถานะอะไรก็ต้องไปคาบเกี่ยวกับกฎหมาย ก็ต้องไปดู อย่างกรณีมาตรา 45 ที่ห้ามในเรื่องสนับสนุนส่งเสริม หากบุคคลนั้นก่อกวน คุกคาม หรือขัดศีลธรรมอันดี ซึ่งกรณีนายทักษิณถูกออกหมายจับ ศาลสั่งจำคุก 10 ปี และเป็นผู้ต้องหาที่หนีคดี เป็นศีลธรรมอันดีหรือไม่อย่างไร ซึ่งจุดนั้น กกต.ต้องวินิจฉัย
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี