"กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา"ชงรื้อ"ระบบอุปถัมภ์ฝ่ายการเมือง" เสนอให้รัฐจ่ายค่าเดินทาง 500 บาทจูงใจไปเลือกตั้ง ให้คนแพ้เลือกตั้งเขตได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) วันที่ 23 ม.ค.นี้ จะมีวาระพิจารณาสำคัญ คือ พิจารณาผลการศึกษา เรื่อง แนวทางการส่งเสริมและการพัฒนาการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มี นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.เป็นประธาน กมธ.
ผู้สื่อข่าวรายยงานว่า สำหรับสาระของผลการศึกษาดังกล่าว ระบุเป็นข้อเสนอว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ที่ปรับให้เป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสม และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แม้กฎหมายจะกำหนดให้ระบบเลือกตั้งและพรรคการเมืองมีความรัดกุมรอบคอบ แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเงื่อนไขของการตอบแทนบุญคุณหรือระบบอุปถัมภ์ด้วยวิธีซื้อเสียง ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้งซ่อม และเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา พบว่าการเลือกตั้งทุกระดับยังไม่สุจริต เที่ยงธรรม และปัจจุบันเข้าสู่ 180 วันก่อนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ในข้อเสนอและแนวนโยบายที่ กมธ.พัฒนาการเมือง วุฒิสภา เสนอที่น่าสนใจ อาทิ กำหนดให้ภาครัฐมีค่าพาหนะสำหรับประชาชนที่่เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คนละ 500 บาท เป็นเบื้องต้น ซึ่งจะใช้งบประมาณรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40 ล้านคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและจูงใจให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และช่วยให้เกิดแนวคิดตอบแทนบุญคุณแผ่นดินแทนการตอบแทนนักการเมือง เพื่อให้การใช้สิทธิเลือกตั้งได้ผู้ที่เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม
แก้ไขกฎหมายว่าด้วยกรอบระยะเวลาเลือกตั้งซ่อมของ ส.ส.ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการปฏิบัติ เช่น ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พ้นตำแหน่งเพราะเหตุอื่นนอกจากครบวาระ, แก้ไขกฎหมายหรือกำหนดมาตรการ กรณี ส.ส.หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่ลาออกเพื่อไปลงเลือกตั้งเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่่ว่าง
แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยตั้งบุคคลในภูมิลำเนาในจังหวัดแทนตั้งบุคคลนอกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการแจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลทุจริตเลือกตั้ง โดยคุณสมบัติผู้ตรวจการเลือกตั้ง ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดในเวลา 10 ปี เพื่อความเป็นกลางที่แท้จริง
ข้อเสนอของ กมธ.ระบุว่า แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งรับเงินซื้อเสียง ไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อให้กล้าเป็นพยานชี้ต้วคนกระทำผิด เพื่อช่วยให้นำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษได้ นอกจากนั้นให้มีมาตรการคุ้มครองพยานและรางวัลนำจับให้ผู้ที่แจ้งเบาะแสการซื้อเสียงหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง , กำหนดมาตรการหรือบททลงโทษที่ชัดเจน กรณีที่พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิบัติตามนโบายที่่หาเสียงไว้ , กำหนดมาตรการหรือบทลงโทษ ส.ส.หรือมาชิกรัฐสภา ละเลยต่อหน้าที่โดยเฉพาะการประชุมสภาฯ เพื่อให้มีกรอบการทำงานที่ชัดเจนและก่อให้เกิดประโยชน์กับกับประเทศและประชาชน และสอดคล้องกับงบประมาณ
ทั้งนี้ กมธ.พัฒนาการเมือง ยังเสนอให้แก้ไขระบบเลือกตั้ง โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุดลำดับที่ 1 เป็น ส.ส.เว้นแต่เขตเลือกตั้งที่มี ส.ส.มากกว่า 1 คน ให้ผู้ได้คะแนนเลือกตั้งสูงสุดระดับรองลงได้ไปเป็น ส.ส.ตามลำดับจนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนด ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่แพ้เลือกตั้ง ซึ่งได้คะแนนสูงสุดในบรรดาผู้สมัครที่ไม่ได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเรียงลำดับไปจนครบจำนวนที่กำหนด เพื่อให้ได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อมาจากผู้สมัคร ส.ส.ที่ประชาชนลงคะแนนเลือกตั้งสูงสุดตามลำดับ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี