"สมหวัง อัสราษี-เจ๋ง ดอกจิก"แกนนำ นปช.ตบเท้าสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุเป็นพรรคที่ใช้นโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนได้จริง "เจ๋ง ดอกจิก"ตัดพ้อ พอแล้วการทำการเมืองแบบ"สู้เพื่อเขา เราติดคุก" จนลูกเมียเดือดร้อนไม่มีใครดูแล ไม่หวั่นทัวร์ลงแจงยิบแม้เส้นทางเปลี่ยนแต่อุดมการณ์ยังเหมือนเดิม
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสมหวัง อัสราษี และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เดินทางมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นตัวแทนต้อนรับพร้อมสวมเสื้อพรรคให้กับทั้งสองคน
โดย นายสมหวัง ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคว่า ตนได้ตัดสินใจมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิก เพราะคิดมานาน ได้เห็นการทำงานและติดตามข่าวของพรรคมาตลอด เห็นว่าพรรคนี้ทำเพื่อประเทศชาติไม่มีอะไรแอบแฝง ซ่อนเร้น ตรงกับอุดมการณ์ของตน ทำให้คิดว่า พรรคนี้ช่างแตกต่างกับที่เคยอยู่มาในอดีต ซึ่งถือว่าเป็นความภูมิใจและยินดีที่เข้ามาเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติ รับรองว่าจะให้ความร่วมมือในการทำงาน ถ้ามีโอกาสจะทำให้ดีที่สุด อุดมการณ์ของตนคือ มีหัวใจสามสี คือขาว น้ำเงิน แดง ไม่ว่าจะอยู่ นปช.หรืออะไรก็ตามแต่ก้นบึ้งหัวใจของตนเป็นแบบนี้มาตลอด
"ในการปราศรัยบนเวที ผมไม่เคยแตะต้อง หรือพูดถึงสถาบันฯ เลย ใครจะพูดอะไรก็พูดไป หากไม่อยากฟัง ผมจะเดินหนี แต่วันนี้ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ วันนี้พร้อมทุกเวลาที่จะลงสมัครในนามพรรคที่ชอบ ผมเห็นการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เสียสละแม้ว่าจะเกษียณอายุแล้วแต่ยังอุทิศตัวมาทำงาน ผมก็อยากจะเดินตามรอยแบบเดียวกับท่านนายกรัฐมนตรีเช่นกัน" นายสมหวัง กล่าว
ด้าน นายยศวริศ หรือ เจ๋ง ดอกจิก กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนมีแนวความคิดที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งตลอดกว่า 10 ปี จนมาถึงวันนี้เห็นแล้วว่า บ้านเมืองไม่ควรมีความแตกแยกอีกต่อไป ทุกคนต้องหันหน้าเข้ามาสามัคคีกัน ไม่มีแดง ไม่มีเหลือง ไม่มีนกหวีด หรือพันธมิตรฯ แต่ต้องหันหน้ามาพัฒนาประเทศด้วยกัน ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาทำให้บ้านเมืองพัฒนาไปไม่ได้ ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ไปพบประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้เห็นว่าชาวบ้านมีความเจ็บปวด แต่ละจังหวัดมีปัญหาอยู่แล้วทั้งเรื่องที่ดินทำกิน ค่าครองชีพ สินค้าแพง ดังนั้น สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ก็คือ พรรคการเมืองที่อยู่ในฟากรัฐบาลที่จะต้องนำเสนอนโยบาย เพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน
เจ๋ง ดอกจิก กล่าวต่อว่า จากที่ตนติดตามพรรครวมไทยสร้างชาติมาตลอด ได้เห็นแล้วว่า พรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะได้เป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า โดยพิจารณาจากหลายปัจจัยไม่เพียงแต่ดูที่ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียวเท่านั้นแต่ดูในภาพรวมอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคนี้เป็นศูนย์รวมของนักการเมืองที่มีคุณภาพ และเป็นประชาธิปไตยเชื่อว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและประชาชนได้มากจึงได้ตัดสินใจมาสมัครร่วมงานด้วย
"ผมคิดว่าสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การที่จะต้องหาจุดยืนที่มั่นคงให้กับตัวเอง การเดินหน้าต่อสู้แบบ "สู้เพื่อเขา เราติดคุก" ที่เคยทำมาแบบเดินเข้าออกคุกหลายรอบ เป็นบทเรียนแล้วว่าไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรกับผมและครอบครัวเลย "สู้เพื่อเขา แต่เวลาอับเฉาเราไร้คนดูแล" สำหรับผมเพียงพอแล้ว เมื่อเขาเห็นค่า เขาเห็นมูลค่าผม และชวนมาร่วมงาน ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง" เจ๋ง ดอกจิก กล่าว
นายยศวริศ กล่าวด้วยว่า การเปิดตัวของตนในการมาสมัครเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติวันนี้ ก็อาจจะมีทัวร์ลง คงต้องทำที่ไว้จอดรถทัวร์มากๆ แต่อยากอธิบายว่าตนไม่ได้เอาอุดมการณ์มาเป็นเครื่องพันธนาการตัวเอง ต้องจงรักภักดี ต่อพรรคการเมืองฝั่งเดิมอยู่ตลอดเวลา จนขยับไปไหนไม่ได้ การพูดว่า ทรยศ อุดมการณ์เปลี่ยน กินกล้วย เหล่านี้ตนคิดว่าเป็นการกล่าวหากัน เพราะคนเรามีอุดมการณ์แต่ไม่ใช่เอาอุดมการณ์มาพันธนาการตัวเองจนขยับขยายไปไหนไม่ได้ และคิดว่าทุกอย่างทำได้หมด ขยับขยายได้หมด ไปได้ทุกทิศทุกที่ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและต่อตัวเรา ไม่ใช่ว่าเดินหน้าบ้าอย่างเดียว ลูกเมียจะเดือดร้อน คนข้างหลังเดือดร้อน
"ผมขอฝากไปยังบริษัททัวร์ทั้งหลายที่จะมาจอดที่หน้าบ้านผม ว่าเปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่น เปลี่ยนทิศ เปลี่ยนทาง เปลี่ยนอุดมการณ์ อย่านะครับ ผมมีอุดมการณ์เหมือนเดิม แต่พรรคไหนที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ผมสนับสนุนทั้งสิ้น และอยากให้ทุกคนช่วยกันเสริมสร้างให้ประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า ไม่มีว่าฝั่งเผด็จการแล้ว ฝั่งประชาธิปไตย เหล่านั้นคือคำครหา ขอให้ประชาชนทั้งที่เคยร่วมงานกับผมหรือเป็นแฟนคลับได้เข้าใจว่า ผมได้มาถูกทิศถูกทางแล้ว" นายยศวริศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลทั้งสองที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในครั้งนี้ ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของ นปช.หรือคนเสื้อแดง มีความใกล้ชิดกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช.เคลื่อนไหวเคียงบ่าเคียงไหล่กับนายจตุพรมาโดยตลอดถึงขั้นต้องเข้าคุกมาแล้ว สำหรับ นายสมหวัง หรือ เฮียหวัง ถือเป็นนายทุนคนสำคัญของคนเสื้อแดงอดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมช.พาณิชย์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ)
อย่างไรก็ตาม นายสมหวังได้เคยระบายความในใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ว่า "ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่รู้ ว่าหนักแค่ไหนแบบเดียวกับผม ผมอยู่ นปช.มีแต่ใจเกินร้อยกับพี่น้อง แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังมีชะตากรรมที่ต้องแบกรับแทนคนอื่น สามเกลอ (นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ใช้ผมไปเปิดบัญชี เพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเองไปเปิดบัญชีรองรับเงิน เพราะเขารู้ว่าจะถูกสรรพากร ประเมินเสียภาษี ทั้งหมดนี้ผมโดนสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้ เป็นเงิน 572 ล้าน ผมจะเอาที่ไหนไปจ่าย ก็เลยโดนฟ้องล้มละลาย และตอนนี้โดนอายัดทรัพย์ และอายัดบัญชีทั้งหมดเหลือแต่ตัวแล้วครับ แถมเป็นบุคคลล้มละลายด้วย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย...นี่คือ สมหวัง อัสราษี ผมมันโง่เอง รักพวกจนไม่คิดถึงชีวิต และอนาคตตัวเอง บทเรียนที่แสนแพงในชีวิต ฉิบหายทั้งตระกูล เพียงเพราะคำว่าเพื่อน"
นอกจากนั้น นายสมหวังยังเป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิซูชิต้า ในชื่อ บริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ส.ค. 2539 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ปัจจุบัน 45 ล้านบาท แต่ได้โอนหุ้นให้ นายสราวุทธิ อัสราษี ลูกชายไปหมดแล้ว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556 ส่วนการเรียกเก็บภาษีจากกรมสรรพากร เป็นการเรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาที่ค้างชำระภาษี จากการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง (รับเงินบริจาค) ในอดีต มิได้เกี่ยวข้องกับบริษัท มิซูชิต้า แต่อย่างใด
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี