"เอนก"โต้"ส.ส.เพื่อไทย" ชี้ทุนจีนไม่ได้ฮุบมหา'ลัย กฎหมายเปิดช่องเป็นผู้บริหารและกรรมการสภาได้ แต่กรรมการสภามหาวิทยาลัย ต้องเป็นคนไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยกรณีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของ นายขจิตร ชัยนิยม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่าอุดมศึกษาไม่มีคุณภาพ ไม่ทันสมัย ไม่ตอบสนองความต้องการของเยาวชน อุดมศึกษาผลิตนิสิตนักศึกษาจบออกมาไม่ตอบสนองความต้องการของประเทศ ว่า ไม่เป็นความจริง อุดมศึกษาไทยมีคุณภาพไม่แพ้ประเทศใด ตนในฐานะ รมว.อว.ได้ประกาศเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรทั้งระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพของบัณฑิตให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยเบื้องต้นได้อนุมัติ SANDBOX 4 หลักสูตรนำร่องเพื่อผลิตกำลังคนตอบโจทย์ประเทศ ได้แก่ 1.หลักสูตรการผลิตและพัฒนากำลังคนสาขาฉุกเฉินการแพทย์ ตั้งเป้าผลิตกำลังคนสาขาฉุกเฉินการแพทย์ ระดับผู้ประกอบโรคศิลปะ 15,000 คน ภายใน 10 ปี 2.หลักสูตรการผลิตบุคลากร High-tech Entrepreneur ตั้งเป้าผลิตกำลังคนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี 400 คน ภายใน 7 ปี 3.หลักสูตรการผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัล ตั้งเป้าผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัล 1,880 คน ภายใน 8 ปี และ 4.หลักสูตรการผลิตกําลังคนศักยภาพสูงที่มีความรู้เชิงลึกด้านวิทยาศาสตร์และแนวคิดเชิงนวัตกรรม
รมว.อว.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) พ.ศ.2566 - 2570 เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2565 ตามที่กระทรวง อว.เสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางและกลไกนำประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดอย่างเป็นรูปธรรมในด้านที่จะพลิกโฉมประเทศ ในเรื่องสำคัญ 6 เรื่อง คือ 1.ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง 2.ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยว 3.ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอาหารที่มีคุณค่าและมูลค่าสูงบนพื้นฐานของการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน 4.ผู้สูงอายุมีศักยภาพและโอกาสอย่างเต็มที่ 5.ไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวหน้า ล้ำยุคสู่อนาคต และเทคโนโลยีอวกาศ และ 6.ไทยสามารถสร้างกำลังคนสมรรถนะสูงและเป็นศูนย์กลางกำลังคนระดับสูงของอาเซียน
ส่วนที่มีการระบุว่า ทุนจีนกำลังรุกคืบจ้องซื้อมหาวิทยาลัยกว่า 10 แห่ง หลังจากเทคโอเวอร์ไปแล้ว 2 แห่ง ก็ไม่ใช่ความจริง โดยปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นโดยมีผู้บริหารและกรรมสภามหาวิทยาลัยที่เป็นชาวจีน 3 มหาวิทยาลัย คือ 1.ม.เกริก 2.ม.เมธารัถย์ และ 3.ม.นานาชาติแสตมฟอร์ด แต่สัดส่วนการถือครองหุ้นยังคงเป็นนิติบุคคลสถานะไทย ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งตามกฎหมายไทย สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย นายกสภามหาวิทยาลัย และอธิการบดี สามารถเป็นต่างชาติได้ แต่กรรมการสภามหาวิทยาลัย ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ต้องเป็นคนไทย
สำหรับกรณีที่ระบุว่า อว.ควรหาวิธีพัฒนาหลักสูตร ทำอย่างไรที่จะให้นิสิตที่จบมาสามารถกลับไปทำงานในชนบท ภูมิลำเนาได้นั้น ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะ ในฐานะ รมว.อว.ได้ไปตรวจเยี่ยมมหาวิทยาลัยต่างๆ และได้ให้นโยบายกับมหาวิทยาลัยนั้นๆ ให้มุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตรที่จะให้นิสิตนักศึกษาที่จบมาสามารถกลับไปทำงานในชนบท ภูมิลำเนาได้ อาทิ การตรวจเยี่ยมมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเชิงพื้นที่ ได้ให้นโยบายต้องคิดหลักสูตรของตัวเองให้ตรงตามศักยภาพ ตรงตามความต้องการของพื้นที่ ออกแบบหลักสูตรของตัวเองให้มากขึ้น เป็นต้น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี