เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความไว้อย่างน่าสนใจดังนี้
เหตุที่รัฐบาลนี้ ดูแปลก:
เพราะมีดีลลับหลายเรื่อง ไม่ตรงไปตรงมา
เพราะไม่ศึกษาเตรียมการให้ดี ก่อนประกาศนโยบายแจกเงินดิจิตอล
เพราะไม่มั่นใจว่าใครเป็นนายกฯตัวจริง
เพราะไม่มั่นใจจะตอบคำถามอย่างไร เกี่ยวกับกระบวนการหลบหลีกการกักขังนักโทษ จึงต้องหาเรื่องมากลบเกลื่อนเดินทางให้มาก แต่งตัวแปลกๆให้เป็นข่าวดึงความสนใจ
นอกจากนี้ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ยังได้เผยแพร่บทความของ รศ. หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยระบุว่า บทความต่อไปนี้“คลายปม” ได้น่าสนใจ โดยมีรายละเอียดดังนี้
รัฐบาลแห่งประเทศไทยชุดนี้เป็นรัฐบาลที่แปลกประหลาด พิลึกพิลั่น ไม่เหมือนรัฐบาลใดๆในโลก
1.รัฐบาลชุดนี้เกิดจากการรวมตัวกันของพรรคการเมืองที่อยู่คนละขั้ว ที่ต่างฝ่ายต่างประกาศว่าจะไม่ร่วมกับอีกฝ่าย แต่แล้วพรรคการเมืองต่างขั้วถึงกับมารวมกันจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างน่าอัศจรรย์
2. รัฐบาลชุดนี้มีนายกรัฐมนตรีที่ชอบแต่งตัวให้เป็นจุดสนใจ ใส่ถุงเท้าแดง ถุงเท้าเขียว ถุงเท้าแดงข้างเขียวข้าง ใส่กางเกงแดงเดินอยู่ในทำเนียบ ชอบใส่สูทหรือเสื้อที่มีลวดลายมากกว่าสีพื้น ชอบปรากฏตัวตาม events ต่างๆ และเป็นนักเดินทาง เดินทางไปปรากฏตัวในจังหวัดต่างๆตั้งแต่เหนือจรดใต้ เดินทางไปมาแล้ว 10 ประเทศใน 4 เดือนแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรี
3. นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ไม่กล้าสั่งการต่อกระทรวงยุติธรรม ต่อกรมราชทัณฑ์ ต่อโรงพยาบาลตำรวจ นักข่าวตั้งคำถามครั้งใดก็บอกว่า แล้วแต่กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ
4. รัฐบาลชุดนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนักโทษชายคนหนึ่ง ซึ่งถูกตัดสินให้จำคุก และตัวเองยอมรับและสำนึกผิด แต่กลับไม่ต้องนอนในเรือนจำเลยแม้วันเดียว
5. รัฐบาลชุดนี้อยากให้ประเทศไทยที่ตัวเองกำลังบริหาร อยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ มิใยที่ที่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศกว่า 100 คน ยืนยันว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศแม้ไม่ใช่ดีนักแต่ยังไม่ใช่วิกฤต รัฐบาลยังคงยืนยันตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐบาลจนถึงวันนี้ว่าประเทศอยู่ในวิกฤต และคงจะยืนยันเช่นนี้ต่อไปจนกว่าจะหมดอำนาจ
6. รัฐบาลชุดนี้ชอบทะเลาะข้างเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะกับผู้ว่าการ ล่าสุดนายกรัฐมนตรีถึงกับสอนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นว่าด้วยที่มาของภาวะเงินเฟ้อ( cost-plus, demamd-pull inflation)ให้กับผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยได้เรียนรู้
7. นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้กำลังท่องคาถาว่า อัตราเงินเฟ้อของประเทศติดลบ ในขณะที่คนทั่วไปกลับรู้สึกว่าของเกือบทุกอย่างแพงขึ้นจนต้องชะลอการจับจ่ายใช้สอยลง ซึ่งนายกรัฐมนตรียอมรับเองว่า อัตราเงินเฟ้อติดลบเพราะรัฐบาลใช้เงินของประเทศไปอุดหนุนทำให้ราคาพลังงานถูกลง อันเป็นมาตรการชั่วคราว แต่นายกรัฐมนตรียังคงบอกว่า เงินฝืดแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเองเลือกที่จะไม่รีบนำงบประมาณที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำไว้เข้าสภา เพื่อให้เริ่มใช้ได้ในเดือนตุลาคม 2566 แต่กลับนำมาทบทวนแก้ไขแต่ก็ไม่ได้แก้ไขอะไรมาก ทำให้จนบัดนี้ยังใช้งบประมาณไม่ได้ และกว่าจะใช้ได้ก็ต้องรอจนถึงเดือนพฤษภาคม 2567 ทำให้มีเวลาใช้เงินเพียง 5 เดือนเท่านั้น หรือนี่ไม่ใช่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เงินเฟ้อติดลบ
8. รัฐบาลชุดนี้หมกมุ่นอยู่กับการผลักดันตามนโยบาย digital wallet ประหนึ่งว่าหากไม่ทำประเทศจะล่มจม นอกจากการเดินทางของนายกรัฐมนตรีไปประเทศต่างแล้ว ยังไม่มีผลงานใดๆที่เป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่ตั้งกรรมการ soft power ที่ไม่เข้าใจ soft power คิดอะไรออกมาแต่ละอย่างล้วนไร้สาระจนเป็นที่ตลกขบขันของคนที่เขาเข้าใจคำว่า soft power ดีพอ
9. พรรคการเมืองลำดับที่ 1 ของรัฐบาลชุดนี้ มีนักการเมืองอาวุโส รุ่นใหญ่ หัวหงอกหัวดำ จำนวนมาก แต่คนเหล่านี้ ต้องยินยอมพร้อมใจให้เด็กสาวอายุยังไม่ถึง 40 คนหนึ่ง ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกคนจากพรรคนี้ต้องให้ความเกรงอกเกรงใจ บางคนถึงกับโค้งคำนับด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง
10. รัฐบาลชุดนี้กำลังจะยอมเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ไม่ฟังความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ฟังความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ และคงไม่ฟังข้อเสนอแนะล่าสุดของ ปปช ดึงดันที่จะกู้เงิน 5 แสนล้าน เพื่อนำมาแจกประชาชนไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่มีใครเห็นว่าอยู่ในภาวะวิกฤตนอกจากตัวรัฐบาลเอง ทั้งยังขู่ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ที่ทักท้วงว่า หากประเทศเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งอีกครั้งต้องออกมารับผิดชอบด้วย แต่ไม่เคยพูดว่าใครจะรับผิดชอบหาก หากการเป็นหนี้ก้อนโตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้
ยังมีรัฐบาลที่แปลกประหลาด พิลึกพิลั่นกว่ารัฐบาลชุดนี้ในโลกอีกไหม ถ้าใครรู้ว่ามี ช่วยกรุณาบอกด้วยครับ
รศ. หริรักษ์ สูตะบุตร
8 กพ 67
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี