ไม่ใช่เกาต์เทียม-แค่ติดเชื้ออักเสบ

‘บิ๊กตู่’ยังแอดมิท

แพทย์สั่งงดเยี่ยม/ต้องให้ยาครบโดส

‘รทสช.’ลั่นไม่กระทบแผนหาเสียง

‘โพลล์สงขลา’ชู‘ประยุทธ์’นั่งนายกฯ

แต่เลือก‘ปชป.’คือพรรคในดวงใจ

‘นิพนธ์’ชี้คนทิ้งเรือเป็นเหยื่อฉลาม

‘อุ๊งอิ๊ง’ลุยบุรีรัมย์งัดกลยุทธ์3ป.โกยแต้ม

ผอ.รพ.พระมงกุฎเกล้า เผยอาการ นายกฯบิ๊กตู่ มือขวาติดเชื้อทำหัตถการเปิดแผลเอาน้ำเหลืองออกตรวจแล้ว ไร้ภาวะแทรกซ้อน ร่างกายแข็งแรงดี ยันไม่ใช่โรคเกาต์เทียม ฝากขอบคุณประชาชนส่งกำลังใจ ยังงดเยี่ยม ด้านรวมไทยสร้างชาติยันไม่กระทบการหาเสียง วางคิวปราศรัยใหญ่ที่เพชรบุรี “แรมโบ้” เหน็บเพื่อไทย ยกโพลล์มโนฝันกวาด270 สส.แฉแกนนำเสียวได้ไม่ถึง 150 ที่นั่ง ขณะที่นิด้าโพลเผยคนสงขลาสนับสนุน“บิ๊กตู่”นั่งนายกฯแต่เลือกประชาธิปัตย์พรรคในดวงใจ“จุรินทร์” ออนทัวร์ปักษ์ใต้โกยคะแนน ด้าน”นิพนธ์”เหน็บแรงคนกระโดดเรือทิ้งประชาธิปัตย์ไม่ไม่ถึงฝั่ง สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อฉลาม

เมื่อวันที่ 5มีนาคม “นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนสงขลาเลือกพรรคไหน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์ 2566 จากประชาชนที่มีอายุ18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งใน จ.สงขลา จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนสงขลาจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ1ร้อยละ26.00 ระบุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะซื่อสัตย์สุจริต มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 2 ร้อยละ 18.46 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรได้ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร

อันดับ 3 ร้อยละ 11.36 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 10.36 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 7.18 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะเป็นคนมีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และชื่นชอบนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า

โพลชื่นชอบผลงานของ”จุรินทร์”

อันดับ 6 ร้อยละ 6.73 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นคนใต้เหมือนกัน อันดับ 7 ร้อยละ 4.64 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะมีผลงานชัดเจน มีประสบการณ์ด้านการบริหารประเทศและชื่นชอบนโยบายพรรคภูมิใจไทย อันดับ 8 ร้อยละ 4.18 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะเป็นคนพูดจริงทำจริง ตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน อันดับ 9 ร้อยละ 3.18 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร และชื่นชอบนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.91 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 11 ร้อยละ 1.27 ระบุว่าเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) เพราะมีประสบการณ์ในการทำงาน และช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

อันดับ 12 ร้อยละ 1.09 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) เพราะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต และตรงไปตรงมา และร้อยละ 3.64 ระบุอื่นๆ ได้แก่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (พรรคสร้างอนาคตไทย) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคพลังประชารัฐ) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) และ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ประชาธิปัตย์เป็นพรรคในดวงใจ

สำหรับพรรคการเมืองที่คนสงขลามีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต ในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 23.46 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 2 ร้อยละ 19.00 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 15.91 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 13.45 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 7.55 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 6 ร้อยละ 4.73 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 7 ร้อยละ 4.64 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนากล้า อันดับ 8 ร้อยละ 3.18 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 9 ร้อยละ 2.45 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.45 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 11 ร้อยละ 1.27 ระบุว่าเป็น พรรคกล้า อันดับ 12 ร้อยละ 1.00 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชาติ และร้อยละ 1.91 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคไทยภักดี พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจไทย และไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านพรรคการเมืองที่คนสงขลามีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 22.91 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 2 ร้อยละ 20.09 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 17.18 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 13.18 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 7.09 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 6 ร้อยละ 5.18 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนากล้า อันดับ 7 ร้อยละ 4.09 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 8 ร้อยละ 3.00 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 9 ร้อยละ 2.46 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 10 ร้อยละ 1.55 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย และอันดับ 11 ร้อยละ 1.09 ระบุว่าเป็น พรรคกล้า พรรคประชาชาติ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และอื่นๆ ได้แก่ พรรคไทยภักดี พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยศรีวิไลย์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ

แพทย์แถลงอาการนายกฯบิ๊กตู่

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หลังเข้ารับการรักษาอาการมือข้างขวาอักเสบ ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. และทำให้ต้องงดภารกิจลงพื้นที่ ตรวจราชการในต่างจังหวัด

ล่าสุด เวลา 09.15น.ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พล.ต.ธำรงโรจน์ เต็มอุดม ผอ.โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมคณะแพทย์ แถลงความคืบหน้าอาการของพล.อ.ประยุทธ์ หลังเข้ารับการรักษาอาการมือขวาอักเสบตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. ว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายกฯ มาให้ข่าวกับสื่อมวลชน โดยทีมงานของตนจะเป็นทีมศัลยกรรม 2 คน นายกฯ ฝากขอบคุณสื่อมวลชน ประชาชนทุกๆ คน ที่ให้ความเป็นห่วง ซึ่งปัญหาที่ทำให้นายกฯ ต้องเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลในครั้งนี้ เป็นปัญหาเกี่ยวกับการอักเสบที่มือข้างขวา มีการบวมแดง และทำการรักษาแบบผู้ป่วยนอกอยู่ 2 วัน แต่อาการบวมแดงยังไม่ทุเลาจึงจำเป็นที่ต้องมาแอดมิตเพื่อให้ยาปฏิชีวนะ และมีการตรวจคลื่นแม่เหล็กของมือข้างขวาพบว่ามีน้ำเหลืองขังอยู่ตรงมือที่บวมมาก ทางทีมแพทย์เกรงว่าจะเป็นการอักเสบติดเชื้อ มีน้ำเหลืองติดเชื้อ ถ้าปล่อยไว้นานอาจเป็นหนองได้ จึงตัดสินใจทำหัตถการเล็กๆ คือ เปิดแผลที่มือนายกฯ เพื่อระบายเอาน้ำเหลืองที่อักเสบติดเชื้อออก หลังจากนั้นได้ทำการเย็บแผลเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้อาการนายกฯ เป็นปกติดี ทีมแพทย์ได้แนะนำให้นายกฯ ใช้มือให้น้อยลงในช่วงนี้

ไม่ได้เป็นโรคเก๊าต์เทียม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงขนาดต้องงดภารกิจสำคัญในตอนนี้หรือไม่ พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า ไม่ครับ ท่านสบายดี เมื่อถามว่า จะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกกี่วัน พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า ไม่นาน คาดว่าจะได้กลับบ้านในไม่กี่วันนี้ เร็วๆ นี้เลย เมื่อถามว่า ต้องให้ครบ 72 ชั่วโมงหรือไม่ พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ แต่เร็วๆ นี้

เมื่อถามว่า โรคที่นายกฯ เป็นอยู่เรียกว่าอะไร พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า การอักเสบติดเชื้อของมือ ซึ่งไม่ใช่เกาต์เทียม ทั้งนี้ นายกฯ ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน ร่างกายท่านแข็งแรงดีมาก เมื่อถามว่า โรคดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไร พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า การอักเสบนี้มีหลายสาเหตุ ในกรณีนี้เรายังไม่ทราบ เรานำน้ำเหลืองที่เราเปิดออกไปเข้าห้องปฏิบัติการ ตอนนี้รอผลอยู่

บอกนายกฯอารมย์แจ่มใสดี

เมื่อถามว่า สามารถไปพักฟื้นที่บ้าน และคอยให้แพทย์ติดตามอาการได้หรือไม่ พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า ได้เลย เพราะแผลเย็บติดเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะกลับบ้านได้ในวันนี้หรือพรุ่งนี้ พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า เป็นไปได้ เมื่อถามว่า การรักษาครั้งนี้จะหายเลย หรือมีโอกาสจะกลับมาเป็นได้อีก พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า เราคาดว่าจะเรียบร้อยในครั้งนี้

เมื่อถามว่า ช่วงนี้เป็นเพราะนายกฯ ทำงานหนัก ทำให้ภูมิคุ้มกันตกหรือไม่ พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า ไม่มี การรับประทานอาหารของนายกฯ ก็ปกติดี ยังเดินเหินได้ตามปกติ เหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เมื่อถามว่า นายกฯ ยังห่วงและเอางานมาทำที่โรงพยาบาลหรือไม่ พล.ต.ธำรงโรจน์ กล่าวว่า “ไม่มีครับ ท่านรีแลกซ์ แจ่มใสดี” อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความคืบหน้า การรักษาและการแจ้งอาการของนายกฯ นั้น แล้วแต่นายกฯ จะพิจารณาให้แจ้งหรือไม่ แต่ตอนนี้งดเยี่ยม ขอย้ำอีกครั้ง นายกฯ ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความเป็นห่วง ท่านสบายดีทุกอย่าง

งดเยี่ยมให้นายกฯพักผ่อนเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ในช่วงเย็น ที่อาคารสมเด็จย่า 90 โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงพักรักษาตัวจาก อาการมือขวาอักเสบ อยู่ภายในโรงพยาบาล เนื่องจากแพทย์ยังให้ยาปฏิชีวนะไม่ครบโดส โดยมีนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา ดูแลอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ยังไม่มีบุคคลสำคัญ รวมถึงรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมให้กำลังใจเนื่องจากทางโรงพยาบาล ได้ของดเยี่ยม เพื่อต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พักผ่อนเต็มที่ และไม่มีแฟนคลับมาให้กำลังใจ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาล โดยรถยนต์ส่วนตัวของ พลเอกประยุทธ์ ก็ยังคงจอดอยู่ที่เดิมบริเวณใต้อาคารสมเด็จย่า90 อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่มีการแถลงข่าวความคืบหน้าเพิ่มเติมจากโรงพยาบาล

ไม่กระทบต่อการหาเสียง

ด้าน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่าอาการป่วยของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ส่งผลกระทบ ต่อการหาเสียงของพรรคแต่อย่างใด เนื่องจากส่วนใหญ่พลเอกประยุทธ์ได้ปฎิบัติภารกิจ ในนามนายกรัฐมนตรี แต่ในส่วนของพรรคก็มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน ที่ได้ร่วมกันทำงานและช่วยกันลงพื้นที่หาเสียง แต่สิ่งสำคัญมากที่สุดคือ ตัวผู้สมัครที่ได้วางตัวแล้ว จะต้องลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนักและหลังจากนี้พรรคก็จะมีการใช้มาตรการไขลาน เข้มงวดให้ว่าที่ผู้สมัครต้องลงพื้นที่หาเสียงด้วยตนเองอย่างหนัก เพราะใกล้สู่โหมดเลือกตั้งแล้ว

แม้เขตเลือกตั้งยังไม่ชัด แต่ทางพรรคได้มีการประสานเป็นการภายในแล้ว และวางตัวผู้สมัครคืบหน้าถึงร้อยละ 90 จึงต้องมีการสื่อสารผลงานของ พลเอกประยุทธ์ รวมไปถึงแนวนโยบายของพรรค ให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป โดยไม่ต้องรอ พลเอกประยุทธ์ เพียงอย่างเดียว เพราะทุกคนต้องช่วยกันทำงาน โดยจะต้องชู พลเอกประยุทธ์ และพรรคควบคู่กันไป เพราะแคนดิเดตนายกฯ คือ พลเอกประยุทธ์ หลังเปิดตัวได้มาเพิ่มเรตติ้งให้กับพรรค แต่ในขณะเดียวกันองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายและตัวผู้สมัคร จากนี้ไปก็ต้องทำงานควบคู่กันไปด้วย จะมาหวังพึ่งเรตติ้ง พลเอกประยุทธ์ อย่างเดียวไม่ได้

บอกยังมีไพ่เล่นอีกหลายใบ

ดังนั้นหลังจากนี้ว่าที่ผู้สมัครของพรรคก็จะต้องเร่งลงพื้นที่หาเสียง ให้เรตติ้งของพรรคขึ้นควบคู่ไปกับเรตติ้ง พลเอกประยุทธ์ ด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งเรตติ้งของ พลเอกประยุทธ์ และพรรค จะขึ้นมาอยู่ในระดับที่ดีและจะต้องเท่าๆ กันด้วย เพราะการเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นการใช้บัตร 2 ใบ หากใครอยากจะเลือก พลเอกประยุทธ์ เป็น นายกฯ ก็ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติควบคู่กันไป ดังนั้นจะต้องกำชับว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ให้รณรงค์เนื่องจากเป็นพรรคใหม่ แต่ทั้งนี้กว่าจะถึงวันเลือกตั้งทางพรรคก็มีไพ่อีกหลายใบ ที่จะเปิดทั้งเรื่องการเปิดตัวผู้สมัคร เปิดนโยบายของพรรค และการรณรงค์ออกหาเสียงชูแคนดิเดตของพรรคต่อไป ส่วนการลงพื้นที่ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 10 มีนาคม ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นกำหนดการของนายกรัฐมนตรี ในการตรวจราชการ ส่วนคิวปราศรัยใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเดือนนี้ วางไว้ที่พื้นที่ภาคกลางและจะเปิดปราศรัยในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่

เย้ยพรรคเพื่อไทยได้ไม่ถึง150ที่นั่ง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ้างโพลลับเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย จะได้ ส.ส. 270 ที่นั่งทั่วประเทศ ว่า การตั้งเป้าได้จำนวนส.ส.ถือเป็นเรื่องปกติของแต่ละพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นความคาดหวังทางการเมือง แต่จะได้ตามเป้าหมายหรือความคาดหวังหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนในวันเข้าคูหาเลือกตั้ง การที่ นพ.ชลน่าน อ้างโพลลับของบางหน่วยงานนั้น ตนอยากถามว่าหน่วยงานอะไร ทำไมต้องเป็นโพลลับ ทำไมไม่อ้างอิงถึงองค์กรที่สำรวจโพลให้ชัดเจน หรือแท้จริงเป็นโพลมโน ฝันกลางวัน เพ้อไปเรื่อยเปื่อย คงลับเฉพาะจิตมโนไปเองของ นพ.ชลน่าน และพรรคเพื่อไทย ที่คิดเอง เออเอง มโนไปเอง และเพ้อกันทั้งพรรคไปเองมากกว่า

“ความจริงเรื่องโพลลับ ใครก็สามารถพูดได้จะเอากี่ที่นั่งก็อ้างได้ หมอชลน่านน่าจะอ้างว่าได้ 499 ที่นั่งไปเลยก็ยังได้ เช่นเดียวกับผมก็ได้ยินมาจากหลายสาย จากหลายแหล่งข่าวเช่นกัน ว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.ไม่ถึง 150 ที่นั่ง และไม่น่าจะได้เป็นรัฐบาล จะได้เป็นฝ่ายค้านยาวไปอีกไม่น้อยกว่า 8 ปี” นายเสกสกล กล่าว

ชี้พท.ต้องได้บทเรียนการเลือกตั้ง

นายเสกสกล กล่าวด้วยว่า ได้ข่าวว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคนไปออกรายการทีวี อยู่หน้าจอทีวี บอกว่าจะแลนด์สไลด์ แต่พอหลังไมค์กับพูดอีกอย่างอาจไม่ถึง 150 ที่นั่ง ดังนั้นเรื่องโพลลับ เรื่องวาทกรรมแลนด์สไลด์ เป็นแค่กุศโลบาย จิตวิทยาปั่นหัวประชาชน หวังให้ประชาชนหลงเชื่อ ที่แท้เป็นเกมการเมืองมากกว่า ระวังประชาชนรู้เช่นเห็นชาติรู้ทันแผนการของพรรคเพื่อไทย อาจจะให้บทเรียนในวันเลือกตั้งจากแลนด์สไลด์เป็นแล่นไถลลงเหว เหลือที่นั่งไม่ถึงร้อยน้อยกว่าการเลือกตั้งปี 62 ก็เป็นไปได้

“อยากฝากไปยังหมอชลน่านด้วยความห่วงใย ก่อนจะอ้างโพลลับ ฝันถึงแลนสไลด์นั้น ห่วงอนาคตตัวเองเสียบ้างก็ดี เพราะวันนี้ นพ.ชลน่าน มีราคาแค่ไหนในสายตานายทักษิณ ชินวัตร เพราะเห็นนายทักษิณ ยกย่องแต่ลูกสาวตัวเอง และมหาเศรษฐี อย่างนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่เคยเอ่ยปากถึงคนระดับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเลย นพ.ชลน่านไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ นายจตุพร พรหมพันธ์ ก็เคยพูดไว้ว่าคนที่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จุดจบจะเป็นเช่นไร ให้ย้อนกลับไปฟังที่นายจตุพร พูดด้วย จะได้ระมัดระวังตัวเอง เพื่อนเก่าอย่างแรมโบ้เป็นห่วงเป็นใย” นายเสกสกล กล่าว

“จุรินทร์”ลงหาเสียงภาคใต้

เช้าวันเดียวกัน ที่จังหวัดสงขลา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี ผอ.เลือกตั้ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายนิพัฒน์ อุดมอักษร ว่าที่ผู้สมัครเขต2และนายสมยศ พลายด้วง ว่าที่ผู้สมัครเขต3 เข้าสักการะศาลหลักเมือง จ.สงขลา โดยมีประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก ส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจตลอดเวลา จากนั้นได้เดินทางไปเปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง เขต 1 และการมีปราศรัยย่อย เพื่อขอให้สนับสนุน นายสรรเพชญ เป็นผู้แทนเขต 1 บุตรชายของนายนิพนธ์ ผู้เป็นกำลังสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางประชาชนที่ตะโกนเป็นภาษาใต้ว่า “พันพรือ ก็ต้องเลือก สรรเพชญ”

เลือกนายกฯไม่ใช่เลือกประธานาธิบดี

นายจุรินทร์ กล่าวถึงผลนิด้าโพลที่ระบุ คนสงขลาสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การเลือกส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ ผลโพลยังคงให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นอันดับ1ว่า ไม่เป็นไร เพราะระบบนี้ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ที่เลือกผู้นำประเทศโดยตรง แต่ต้องเลือกผ่านระบบพรรคการเมือง ดังนั้น หากพรรคการเมืองคะแนนดี ได้ ส.ส.มาก ใครรวมเสียงข้างมากได้ พรรคนั้นก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไม่สับสนกับระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยหัวหน้าพรรคเป็นส่วนหนึ่งของพรรค ถ้าพรรคคะแนนดี หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส. ล้วนแต่มีส่วน ที่ทำให้พรรคคะแนนดี

“มั่นใจในระบบรัฐสภาว่า ถ้าเรามีเสียงมากพอ ก็สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยหลักของระบบนี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสมอไป แต่อยู่ที่ว่าพรรคการเมืองใดรวมเสียงข้างมากได้ พรรคนั้นก็จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี สำหรับผลโพลในช่วงหลังที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่งนั้น มาจากการที่ประชาธิปัตย์มีความพร้อมทั้งในเรื่องตัวบุคคล และการลงพื้นที่ต่อเนื่อง รวมถึงความผูกพันกับคนใต้ และนโยบายของพรรคที่ชัดเจน ในการ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” พาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดี และนโยบายย่อย 8 ข้อที่ผูกพันกับคนใต้ ทั้งในเรื่องของการประกันรายได้พืชเกษตร 5 ชนิด การออกโฉนดที่ดินทำกิน 1 ล้านแปลง นมโรงเรียนฟรี 365 วัน ธนาคารหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท” นายจุรินทร์ กล่าว

“นิพนธ์”ย้ำประชาธิปัตย์ไม่มีวันตาย

ต่อมานายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ และนายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จังหวัดสงขลา ร่วมพบปะกลุ่มสตรีในจังหวัดสงขลา

นายนิพนธ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีวันตาย หากไม่ดีจริงคงอยู่มาไม่ถึง 77 ปี และแม้ว่าที่ผ่านมาจะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคไปแล้วกี่คน แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังดำรงอยู่กับประเทศไทยอยู่ทุกวันนี้ และยังมีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาในพรรคอีกมากมาย

“นายควง เปลี่ยนเป็นหม่อมเสนีย์ เปลี่ยนเป็นพันเอกถนัด เปลี่ยนเป็นนายพิชัย นายชวน นายบัญญัติ นายอภิสิทธิ์ ออกไป นายจุรินทร์เข้ามา พรรคก็ยังอยู่ นี่จุรินทร์เป็นสัก 2 สมัย 3 สมัย บอกว่าพอแล้ว นี่นิพนธ์มา แล้วรออยู่ ที่พูดแบบนี้จะให้เห็นว่ามีคนรอเป็นหัวหน้าพรรคอีกมาก” นายนิพนธ์ กล่าว

ชี้พวกกระโดดเรือหนีเป็นเหยื่อฉลาม

นายนิพนธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีคนที่ลาออกไปจากพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นเรื่องปกติ และขอให้เชื่อตนว่าเรือลำที่เรียกว่าพรรคประชาธิปัตย์นี้ทำด้วยไม้สักทองไม่มีวันจม ซึ่งคนที่ออกไปไม่มีทางถึงฝั่งทั้งหมด พร้อมกับได้เปรียบเทียบคนที่ออกจากพรรคไปว่าเป็นยาที่หมดอายุ

“ให้พี่น้องสบายใจ อย่าเห็นพวกที่โดดเรือไปแล้วจะกลัวว่าเรือจะจม ให้พี่น้องเชื่อผม ออกเรือมันต้องโดนคลื่น โดนฝนบ้างเป็นธรรมดา คนที่นั่งในเรือขอให้นั่งนิ่งๆ พี่น้องเชื่อผม เรือลำนี้ทำด้วยไม้สักทองทั้งหมดไม่จม พี่น้องจำปากผมไว้พวกที่โดดเรือหนีกลางทะเลไม่มีใครว่ายน้ำถึงฝั่งสักคน กลายเป็นเหยื่อฉลามหมด” นายนิพนธ์ กล่าว

“อนุทิน”หม่ำข้าวกับ”บิ๊กแจ๊ส”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตัดสินใจหันหลังให้กับพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะไม่สามารถผลักดันผู้สมัครของตัวเองได้ และมีการจับตาว่าอาจจะย้ายขั้วไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยนั้น

ก่อนหน้านี้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ส่งคนของตัวเองมาลงสมัครสส.พรรคภูมิใจไทย เขต2 จังหวัดปทุมธานี คือพล.ต.ต.วัฒนา วงศ์จันทร์ ซึ่งเป็นทีมงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทำงานในฐานะที่ปรึกษาเกี่ยวกับด้านยาเสพติด

ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 4มี.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดบ่อทอง ต.คูขวาง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ระหว่างงานฉลองอุปสมบทของนายภาคภูมิ ขาวขำ หลานชายนายมนัส ขาวขำ อดีตนายกฯ อบต.คูขวาง ที่จัดงานใหญ่ฉลอง5วัน5คืน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เข้ามาต้อนรับ และรับประทานอาหารร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยมีนางสมทรง พันธุ์เจริญวรกุล หรือเจ๊สมทรง นายกอบจ.พระนครศรีอยุธยา ที่ลูกชายเป็นส.ส.และหลานสาวเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย สมาชิกพรรคภูมิใจไทยอื่นๆด้วย อาทิ นายฉลอง เรี่ยวแรง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี นางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย นายพิษณุ พลธี ส.ส.ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นต้น จนมีการลือกันว่าพล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจช่วยสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย

ต่อมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดใจว่า การพบการนักการเมืองต่างพรรคเป็นเรื่องปกติ และตนก็ต้องการพัฒนาจังหวัดปทุมธานี ขออย่าโยงเป็นเรื่องอื่น ความสัมพันธ์ยังรักพี่ทักษิณเหมือนเดิม

เสี่ยหนูลุยหาเสียงกรุงเก่า

ต่อมานายอนุทินไปหาเสียง ที่วัดบางเพลิง อ.บางประหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมขอให้ประชาชนเลือกผู้แทนพรรคภูมิใจไทยยกจังหวัดเพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร

จากนั้นนายอนุทิน ได้นำเสนอนโยบายองพรรค อาทิ พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย, นโยบายขึ้นค่าตอบแทนให้ อสม.เป็นเดือนละ 2,000 าท, นโยบายให้สิทธิติดตั้งโซลาร์รูฟ ประหยัดค่าไฟเดือนละ 450 บาท, นโยบายให้สิทธิซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อน 100 บาท/เดือน 60 เดือน, นโยบายกรมธรรม์ผู้สูงอายุ, นโยบายติดตั้งเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งทุกจังหวัด และนโยบายลดภาระผู้กู้ กยศ.ต้องปลอดดอกเบี้ย และห้ามฟ้องร้องผู้กู้ สำหรับผู้สมัคร สส.อยุธยา ประกอบไปด้วย นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัด อยุธยา เขต 1, นายนพ ชีวานันท์ ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัด อยุธยา เขต 2, นางสาว พิมพฤดา ตันจรารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดอยุธยา เขต 3, นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดอยุธยา เขต 4 และนายประดิษฐ์ สังขจาย ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัด อยุธยา เขต 5

‘อุ๊งอิ๊ง’นำทัพพท.เยือนบุรีรัมย์

เวลา 11.00น.วันที่ 5มีนาคม ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย (พท.) เขต 10 อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย พร้อมด้วยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค และคณะ ปราศรัยพบปะประชาชน โดยนพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า ย้ำว่า บุรีรัมย์ถูกครอบงำมานาน ย้ำว่าถ้าไม่ได้แลนด์สไลด์ 250 ที่นั่งขึ้นไปเราไม่สามารถเปลี่ยนบุรีรัมย์ได้ และต้องปิดสวิตช์ สว.เอา พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป

ด้าน น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า ไม่อยากให้กัญชาหาง่าย มองไปทางไหนก็เจอแต่กัญชา เราต้องปราบปรามด้วยการใช้ 3 ป. คือ “ป. 1” ปราบยาเสพติด ใครที่ผลิตหรือขาย เจอเมื่อไรจับเมื่อนั้น “ป. 2” เปิดการคุยเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน และคุยการค้าเสรีเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า และ “ป. 3”เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย รักษาให้หาย กลับมาเป็นลูกหลานของเราได้เหมือนเดิม