‘อุ๊งอิ๊ง’ฝันเป็นรบ.พรรคเดียว
โวกวาด310ทีนัง
แทงกั๊กจับมือ‘บิ๊กป้อม’ตั้งรบ.
‘เศรษฐา’ลาพักแสนสิริ-ลุยหาเสียง
‘บิ๊กตู่’ลั่นรัฐประหารครั้งสุดท้าย
ยันทัวร์แปดริ้ว10มี.ค.แน่นอน
พปชร.ชูบ้านประชารัฐ360องศา
ปราศรัยใหญ่กรุงเทพฯ18มีนาคม
“บิ๊กตู่” เมินจดหมาย“บิ๊กป้อม”โยงรัฐประหาร ลั่นครั้งสุดท้ายจบไปแล้ว ชี้ถ้าขัดแย้งแบบเดิม ออกตัวไม่เกี่ยว ลั่นเดินตาม ปชต.ไม่ให้ใครลากออกนอกกติกา โวโลกยกระดับไทยปชต.ดีขึ้น แม้มืออักเสบอยู่ พร้อมลงพื้นที่“ไปด้วยใจ”ด้าน“เพื่อไทย”ประชุมใหญ่ปรับทัพ ปลุกปักธงทั้งแผ่นดิน ชูก้าวข้าม 250 สว. ปักหมุดหมายใหม่ โวกวาด 310 เสียง ฟุ้งจับมือปชช.เข้าทำเนียบ“อุ๊งอิ๊ง”ฝันตั้งรบ.เข้มแข็งผวา สว.ล้ม ยังอุบแคนดิเดตนายกฯ โวมีมากกว่า 3 รายชื่อ
วางคิวลุย‘พิจิตร-พิษณุโลก’11-12มี.ค.เข็น‘เศรษฐา’ปราศรัยครั้งแรกร่วม‘อุ้งอิ้ง’ ขณะที่’จตุพร’ชี้เป้ายุบ‘เพื่อไทย’ปม‘ณัฐวุฒิ’ถูกตัดสิทธิ์ แต่สวมหมวก’ผู้ช่วยหาเสียง’พปชร.ตีปี๊บชูนโยบาย“บ้านประชารัฐ360 องศา วางคิว16มี.ค.เปิดเรื่อง‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’18มี.ค.ปราศรัยใหญ่กทม.‘บิ๊กป้อม’แจมด้วย ขอใช้ลานคนเมืองพปชร.ตั้งเป้าซิว12สส.กทม.
เมื่อเวลา11.50น.วันที่ 9 มีนาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) นายกฯห่วงหาเสียงสร้างภาระปัญหาปท.
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะนายกฯมองบรรยากาศหาเสียงพรรคการเมืองตอนนี้เป็นอย่างไร นายกฯกล่าวว่าทุกคน ก็หาเสียงในสิ่งที่ทุกคนคิดว่า จะทำในวันข้างหน้า ต่างคนก็ต่างหาเสียง สำหรับตนถ้าตอบในฐานะที่ไม่ใช่นายกฯก็บอกแล้วว่า การหาเสียงทุกอย่างต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ทำให้เกิดภาระปัญหาของประเทศในวันข้างหน้าเราอุตส่าห์แก้มาตั้งนานหลายๆเรื่องดีขึ้น ถ้ากลับไปที่เก่าทั้งหมดมันก็มีปัญหา
เมื่อถามว่า ได้อ่านจดหมายฉบับล่าสุดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)หรือไม่ นายกฯตอบว่า ก็อ่านไปแล้วไม่เห็นมีอะไรนิ ใครจะเขียนก็เขียนได้ทั้งนั้นแหละ ก็คิดเอาเองแล้วกัน เมื่อถามว่ามีการย้อนถึงเรื่องอำนาจนิยมคาบเกี่ยวกับรัฐประหาร นายกฯกล่าวว่า”มันตั้งแต่ปีไหนมาแล้วและผมมายืนตรงนี้ ผมมายืนด้วยอะไร รัฐธรรมนูญไม่ใช่หรอ ด้วยระบบสภาไม่ใช่หรอ ในช่วงก่อนนั้น ผมก็จำเป็นต้องพูดนิดนึง ช่วงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยลองดูสิ ถ้ามันไม่มีอะไรที่ทำให้ความขัดแย้งลดลง มันจะเกิดอะไรขึ้นถึงวันนี้เราจะยืนอยู่แบบนี้ได้รึเปล่า ยังไม่รู้เลย”
วอนอย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย
เมื่อถามว่ามองว่าวันนี้บรรยากาศไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรถึงขั้นที่จะกลับไปแบบนั้นใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนไม่เห็นจะมีอะไรเลย เพียงแต่ว่าประชาชนทุกคนต้องคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาแล้วทุกอย่างจะพัฒนาได้ ประเทศนี้ต้องสงบเรียบร้อยมีความสุข คำว่ามีความสุข คือ ไม่มีความรุนแรงอะไรเกิดขึ้น อะไรทำนองนี้ อย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย
เมื่อถามว่าพล.อ.ประวิตรเขียนถึงเรื่องนี้2-3ครั้งแล้วที่ย้อนไปถึงเรื่องการรัฐประหาร นายกฯตอบว่า”ก็แล้วแต่ท่าน”เมื่อถามว่ามองกันว่าถ้านายกฯไม่ได้กลับมาโอกาสรัฐประหารอาจเกิดขึ้น นายกฯกล่าวย้อนว่า”ใครจะรัฐประหารล่ะ”เมื่อถามอีกว่าหากอีกฝั่งหนึ่ง มาเป็นรัฐบาลแล้วเกิดความวุ่นวาย นายกฯกล่าวย้ำว่า“แล้วใครจะทำๆ ผมถาม”
ออกตัวไม่เกี่ยว-ขัดแย้งแบบเดิม
เมื่อถามว่าประเทศควรมีรัฐประหารอีกหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า“ผมเคยพูดมาตั้งนานแล้วว่า มันครั้งสุดท้ายแล้วครั้งโน้น มันไม่ควรจะมีอะไรได้อีกแล้ว มันอยู่ที่พวกเรานั่นแหละจะช่วยกันได้อย่างไร ถ้าขัดแย้งกันรุนแรงกัน ผมก็ไม่รู้มันจะแก้ปัญหาด้วยอะไร ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมไม่เกี่ยวแล้ว”
เมื่อถามว่าแสดงว่าหลังจากนี้จะไปสู่ประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า“แล้ววันนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยเหรอ”เมื่อถามอีกว่าหมายถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายกฯกล่าวว่าก็ประชาธิปไตยไงทุกคนก็ต้องรักษากฎกติกา กฎหมายมีทุกตัว
มองเขย่าข่าวช่วงนี้มุ่งดิสเครดิต
เมื่อถามว่าข่าวรัฐประหารออกมาในช่วงนี้ที่จะมีการเลือกตั้ง มองว่า เป็นการดิสเครดิตตัวนายกฯใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายกฯเคยมาระบอบนั้น นายกฯกล่าวว่าหรอ แต่มันนานแล้วนะเมื่อย้ำถามว่ามองเป็นการดิสเครดิตตัวนายกฯหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า“สื่อก็ถามมาแบบนี้อยู่แล้ว ก็แน่นอนต้องดิสเครดิตเราแน่นอน ผมได้อธิบายชี้แจงไปหลายครั้งในสภาก็พูด อะไรก็พูดก็คิดเองแล้วกัน”
‘บิ๊กป้อม’เป็นพี่เหมือนเดิม-ไม่เปลี่ยน
เมื่อถามว่ามองว่าพล.อ.ประวิตรเปลี่ยนไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า“เขาเป็นพี่ผมเหมือนเดิมแหละ ไม่มีอะไรหรอก” เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการออกมาสื่อสารทางการเมืองแบบนี้ นายกฯกล่าวว่า ก็มีคนช่วยท่านเยอะอยู่แล้ว พร้อมยังปฎิเสธว่าไม่ทราบ ไม่รู้ เมื่อถูกถามถึงมาจากคนรอบข้างหรือไม่ หรือพิจารณาจากคำพูดคิดว่า ไม่ใช่ตัวตนของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่
ยืนยันทุกพรรคต่างเป็นคู่แข่งกันหมด
เมื่อถามว่า คิดว่าพล.อ.ประวิตรเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าตนไม่ได้ไปแข่งอะไรกับท่านที่ตนพูดวันนั้น หมายความว่า ให้มองในมุมมองภาพใหญ่กับสิ่งที่รัฐบาลทำในตอนนี้เข้าใจไหม ทุกคนเก่งหมด หลายคนอาจจะมองว่า ตนไม่มีความรู้ทางเศรษฐกิจ ตนอยู่มาหลายปีแล้ว ก็ศึกษาและมีคนเก่งๆอยู่กับตนตั้งเยอะแยะเป็นร้อยมั้ง ใช่ไหม
เมื่อถามว่าในฐานะที่อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) มองว่าพรรคไหนเป็นพรรคคู่แข่งตัวจริงที่น่ากลัว นายกฯกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน ทุกพรรคแหละมั้ง เพราะทุกพรรคก็แข่งกันหมด ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตร ชูจุดขายเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าแล้วมันขัดแย้งตอนไหนตอนนี้
ชี้ขัดแย้งเกิดมาแล้ว อย่าให้เกิดอีก
เมื่อถามว่า เป็นเรื่องของขั้วอำนาจ อนุรักษนิยม กับเสรีนิยมประชาธิปไตย นายกฯกล่าวว่า“ขั้วอะไร ผมไม่มีขั้วสักขั้ว คิดกันเองหมด อย่าสร้างความสับสนอลหม่านมากนักเลย ใครพูดอะไรเอามาขยายหมด มันก็มีแต่เรื่องนั่นแหละ ฉะนั้น ผมจะไม่พูดอะไรในเรื่องพวกนี้ มันจบไปแล้ว ก็จบไปแล้วของเก่า วันนี้เดินหน้าประเทศ บนท่ามกลางความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศชาติ ไม่ดีกว่าหรอใช่ไหม ผมก็คิดแค่นี้แหละ ที่ผ่านมาผม ก็คิดแบบนี้มาตลอด”
เมื่อถามว่านายกฯคิดว่าหากได้กลับมาจะพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าตอนนี้ความขัดแย้ง มันไม่มีจะมีตรงไหน ไม่เห็นมีอะไรขัดแย้งทั้งสิ้น แต่ถ้าความเห็นต่างโอเค รับได้ ถ้าความขัดแย้ง มันต้องต่อยตีกันสิ ใช่ไหม ต่อยตีกัน หรือทำอะไรสักอย่าง ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว หลายปีที่ผ่านมา มันเกิดมาแล้ว อย่าให้มันเกิดอีก”
เดินตามปชต.ไม่ให้ใครลากนอกกติกา
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่นายกฯพยายามจะสู้บนระบอบประชาธิปไตยตามกติกาแต่ก็มีคนพยายามลากนายกฯออกมาเล่นนอกกติกา นายกฯกล่าวว่า“อ้าว เรื่องอะไรผม จะให้เขาลากออกไปเล่า ผมก็อยู่ในกติกาของผม กติกาของประชาธิปไตย วันนี้จากต่างประเทศ ประเมินประเทศไทยอันดับขึ้นเรื่องประชาธิปไตย ดูตรงนั้นสิ โลกลงคะแนนกันมาแล้ว คะแนนเราสูงขึ้นแล้ว มาบอกว่า เราไม่มีประชาธิปไตยตรงไหน ผมไม่เข้าใจ”
ลั่นลงพื้นที่ไปด้วยใจ-ใส่เฝือกอ่อน
เมื่อถามว่า อาการมือเจ็บของนายกฯยังต้องให้ยาฆ่าเชื้ออยู่อีกหรือไม่ นายกฯตอบว่า”ให้ทุกวัน”เมื่อถามว่าสามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ใช่หรือไม่นายกฯกล่าวว่า “ไปด้วยหัวใจ”
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายการให้สัมภาษณ์ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้จับต้นดอกแก้วด้วยมือขวาที่เจ็บ โดยสื่อมวลชนได้ทักว่า นายกฯใช้มือข้างเจ็บอีกแล้วจึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดใช้มือและก้มลงไปดมดอกแก้วแทน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถอด Arm-Sling หรือที่ช่วยพยุงแขนและมือข้างซ้ายได้ถอดอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกเช่นกัน เหลือเพียงใส่เฝือกอ่อนที่มือด้านขวาเท่านั้น
พท.ประชุมใหญ่ปลุกปักธงทั้งแผ่นดิน
ช่วงเช้า ที่พรรคเพื่อไทย (พท.)ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี2566 ก่อนเริ่มการประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ปาฐกถาประกาศ ชูธงปักชัยแลนด์สไลด์ สู่เพื่อไทย ทั้งแผ่นดินโดยกล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้ถือเป็นจุดต่ำสุด อยู่ในภาวะวิกฤต ไร้ทิศทาง ประชาชนไร้อนาคต มืดมน หมดหวัง มีแต่ความทุกข์ยาก ความยากจน เป็นหนี้ ทุกข์ เศร้า ทั้งหมดคือภาพสะท้อนของประเทศไทย ดังนั้น ต้องมีจุดเปลี่ยนจากวิกฤติเหล่านี้ ตนมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ชูก้าวข้าม250สว.ปักหมุดกวาด310สส.
“ขอประกาศ 2หมุดหมายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ได้แก่ หมุดหมายแรก จากที่เคยประกาศยุทธศาสตร์และเป้าหมายชนะเลือกตั้งถล่มทลายแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน พรรคเพื่อไทยต้องได้ ส.ส. มากกว่า 250 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อวางแนวทางชนะ ส.ว.250 คน แต่ถึงเวลานี้ เราไม่กังวลกับหน้าที่และอำนาจของ สว.อีกต่อไป เพราะเรามั่นใจว่า ผ่านจุด 250 เสียงขึ้นมาแล้ว หมุดหมายที่สอง พรรคเพื่อไทยต้องได้อำนาจจากพี่น้องประชาชน ได้ สส.310 ที่นั่งขึ้นไปเพื่อกำจัดระบอบประยุทธ์ให้สิ้นซาก จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย วันนี้จึงไม่มีคำว่ารักพี่เสียดายน้อง ไม่มีแบ่งคะแนน มีแต่คำว่า ต้องกาเพื่อไทยสองใบเพื่อแลนด์สไลด์เท่านั้น ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค”นพ.ชลน่าน ระบุ
โวพท.ปักธงแดงเต็มพื้นที่ทุกภาค
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ผลสำรวจของคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือ อีสาน กลาง กทม.สีแดงเต็มพื้นที่และมั่นใจว่าจะมีสีแดงในเพื่อไทยใต้แน่นอน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมกู้วิกฤตให้ประเทศ ฟื้นคืนประเทศจากซากปรักหักพังด้วยนโยบายที่คิดใหญ่ ด้วยบุคลากรที่ทำเป็น เพื่อคนไทยทุกคน สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย เป็นที่ยอมรับกันว่าเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีจุดแข็งที่สุดในการดำเนินการตามนโยบาย จนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศบอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายจะเป็นเรื่องสำคัญ นโยบายที่สำเร็จในอดีต จะถูกนำมาต่อยอดด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการลดรายจ่าย สร้างรายได้ และคนไทยต้องได้รับโอกาส เราจะขยายโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้รับสิทธิดูแลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
ฟุ้งจับมือพลังปชช.พาเข้าทำเนียบฯ
ในส่วนของบุคลากรพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคที่มีองค์ประกอบอย่างกลมกล่อม ทั้งบุคลากรที่มีประสบการณ์ คนรุ่นใหม่ที่มีพลัง มีศักยภาพเต็มเปี่ยม เราทำงานจับมือกันพร้อมเข้าหาประชาชน นำนโยบายเข้าสู่ประชาชน ขอขอบคุณกำลังใจจากทุกภาคส่วน มาร่วมต่อสู้สู่เส้นชัยของประชาชน อีก2เดือนเท่านั้น เราจะเดินเข้าสู่ทำเนียบในนาม รัฐบาลเพื่อไทย ถึงเวลาแล้วที่เราจะขอโอกาสจากพี่น้องประชาชน ร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย ผนึกกำลังกันเปลี่ยนแปลงประเทศ ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ ต้องเพื่อไทยเท่านั้น ต้องชนะขาด ไม่มีคะแนนทิ้งน้ำ ไม่มีแบ่งใจ ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ
‘อุ้งอิ้ง’ปลุกปชช.ร่วมตั้งรบ.พรรคเดียว
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศเป็นรัฐบาลพรรคเดียวของพรรคพท.ว่าจริงๆ อยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วย สว.ไม่สามารถถูกแต่งตั้งนายกฯได้ด้วย สว.เราอยากเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งนายกรัฐมนตรีได้ โดยประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ทุกเวที
“จริงๆ เราต้องช่วยกันที่หัวหน้าพรรคประกาศ เรื่อง 310 เสียง เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องมีทุกคนทั้งหัวหน้าพรรค เลขาพรรค นายเศรษฐาและทุกคนที่ต้องช่วยกันทุกจุด เราไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เพราะนี่คือ การใหญ่มากๆ เราต้องเดินหน้าเต็มที่”
เมิน‘ลุงป้อม’ชวนร่วมขั้ว-อ้างยังเร็วไป
ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ร่อนจดหมายเชิญชวนทั้งสองขั้วการเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งนั้นน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราไม่ได้มองหาความขัดแย้งอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการจับมือทางการเมืองนั้น ยังเร็วไปมากที่จะบอกว่าเราจะร่วมกับใคร ทั้งนี้ เรามองหาคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย อุดมการณ์เรื่องปากท้อง เอาประชาชนเป็นที่ตั้งเหมือนกัน
‘เศรษฐา’ลั่นพร้อมขึ้นเวทีปราศรัย
ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการออกจดหมายขอลางานชั่วคราวโดยไม่รับเงินเดือนกับทาง บ.แสนสิริฯ เพื่อมาช่วยพรรค พท. ปราศรัยหาเสียงช่วงการเลือกตั้งว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่แฟร์กับทุกคน เพราะการที่ตนเดินมาสู่สนามการเมือง เราก็อยากทุ่มเทให้เต็มที่กับการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนจะได้เห็น นายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร ขึ้นเวทีปราศรัยของพรรค พท.ที่ จ.พิจิตรและจ.พิษณุโลก ช่วงสุดสัปดาห์หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่าเป็นเรื่องของการนำเสนอนโยบายที่ผ่านมาน.ส.แพทองธารและทีมงานทำไว้ดีแล้ว ตนแค่เข้ามาเสริมซึ่งตนพร้อมจะขึ้นเวทีปราศรัย
‘เศรษฐา’แจ้งลางาน’แสนสิริ’ชั่วคราว
ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่า หลังจากครอบครัวเพื่อไทยได้เปิดตัว “กุนซือ”ประจำพรรค แต่งตั้ง“นายเศรษฐา ทวีสิน”เป็น ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยโดยให้มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าวและดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมายเมื่อวันที่ 9มีนาคม2566นั้นล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน)ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนพนักงานในเครือแสนสิริ ลงวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า“เพื่อแสดงความตั้งใจจริง วันนี้ผมได้ลางานชั่วคราว โดยไม่รับค่าตอบแทนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้เต็มที่”
‘พท.’ประชุมใหญ่ปรับทัพรับเลือกตั้ง
เวลา13.30น.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุมใหญ่สามัญประจำปี2566 ว่าวันนี้เป็นการประชุมตามข้อบังคับของพรรคที่กำหนดให้จัดประชุมอย่างน้อยปีละ1ครั้งโดยที่ประชุมมีการรายงานผลการปฏิบัติด้านการเงินในรอบปี เพื่อส่งให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รับทราบ รวมถึงพิจารณาแก้ไขข้อบังคับของพรรค ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เพิ่งออกมาใหม่
ในส่วนของกรรมการบริหารพรรค ที่ได้รับความเห็นชอบการประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อเดือน ธ.ค. ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคที่ จะลงสมัครรับเลือกตั้งแบบเขตเลือกตั้ง มีความประสงค์ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหาร เพราะไม่อยากให้เป็นประเด็นในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และอาจเป็นเหตุนำไปสู่การยุบพรรคได้ ตอนนี้เหลือเพียงตนที่ประสงค์ลงเลือกตั้งระบบเขตเลือกตั้งแล้ว ยังเป็นกรรมการบริหารอยู่ เพราะไม่สามารถลาออกได้ ส่วนตำแหน่งต่างๆอาทิโฆษกพรรค เมื่อมีการลาออกก็ได้เลือก กรรมการบริหารที่ยังอยู่ทำหน้าที่แทน
โวแคนดิเดตนายกฯมีมากกว่า3ชื่อ
เมื่อถามถึงแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยืนยันแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย มี 3 คน ส่วนจะประกาศเมื่อไหร่ ตอนนี้ใกล้ยุบสภาฯแล้วเราตั้งใจจะประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกฯช้าที่สุดก่อนปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยกตัวอย่าง ถ้ามีการยุบสภาฯวันที่ 22มี.ค.มีการเปิดรับสมัคร และให้เวลาในการสมัคร หากปิดรับสมัครวันที่ 28 มี.ค.อย่างช้าสุด เราก็จะประกาศไม่เกิน28มี.ค.สำหรับกระบวนการสรรหาแคนดิเดตนายกฯของพรรคนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และเรามีรายชื่อมากกว่า 3 คน
‘พท.’ลุยพิจิตร-พิษณุโลก11-12มีค.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัยที่ จ.พิจิตรและพิษณุโลก ช่วงวันที่11-12 มี.ค.นี้โดยวันที่11 มี.ค.คณะของพรรคจะเดินทางไปที่ จ.พิจิตรเริ่มต้นที่การสักการะหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร ก่อนจะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สนามวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร ตั้งแต่เวลา 17.00น.เป็นต้นไป วันที่ 12 มี.ค. เดินทางไป จ.พิษณุโลก เพื่อกราบสักการะพระพุทธชินราช ก่อนจะเปิดเวทีปราศรัย ที่อาคารวังเป็ดร่วมใจ วัดวังเป็ด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลกและเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สวนกลางเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลกตั้งแต่ 17.00 น.เป็นต้นไป
เข็น‘เศรษฐา’ปราศรัยครั้งแรกกับ‘อุ้งอิ้ง’
“ไฮไลต์สำคัญในครั้งนี้คือจะเป็นครั้งแรกที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยจะขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรก โดยมีแกนนำคนสำคัญของพรรคเข้าร่วมเช่นเคย นำ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคนายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และตนร่วมปราศรัยบนเวที”ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ย้ำ
เตรียมลงตะลุยพื้นที่ในกทม.ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิยังระบุว่าในสัปดาห์ถัดไป พรรคเพื่อไทยมีโปรแกรมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ กรุงเทพมหานครจะมี นายเศรษฐาเข้าร่วมด้วย ส่วนบางพื้นที่ จะมีน.ส.แพทองธารร่วมกับ นายเศรษฐาด้วยรวมถึงยังคงขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงสุดสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะถึงกำหนดคลอด ส่วนการยุบสภา เป็นเรื่องของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรค พท.มีความพร้อมทุกวันในการลงสนามเลือกตั้ง เดินหน้าหาเสียง และการตั้งเวทีปราศรัย
‘จตุพร’ชี้เป้ายุบ‘พท.’ปม’เต้น’ถูกตัดสิทธิ์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน”ประลองกำลัง”โดยกล่าวถึงคำร้องการยุบพรรคว่ากรณีคนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง10ปี(นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ)และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดได้เลย ถือเป็นบุคคลภายนอกพรรคการเมืองจะมีโอกาสได้เพียงเป็นผู้ช่วยหาเสียงเท่านั้น ดังนั้นการพูดแต่ละอย่างจะต้องระวังยิ่งตนเคยศึกษาเรื่องนี้ยังถูกร้องครอบงำ จึงมีบทเรียนโดยตรงมาแล้ว และย้ำว่าการเป็นบุคคลภายนอกมีความละเอียดอ่อนต่อการพูดหาเสียงและที่สำคัญอย่าพูดต่อหน้ากรรมการบริหารหรือกรรมการบริหาร ไม่ห้ามปราม หรือพูดนอกเหนือจากมติกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะเข้าข่ายการครอบงำ
จุดหลักคำร้องการยุบพรรคจะอยู่ตรงนี้ เช่นการพูดจะให้ใครเป็นแคนดิเดตนายกฯขณะที่พรรค ยังไม่มีมติใดๆจึงควรไปศึกษาว่าเป็นการครอบงำหรือไม่ รวมทั้งคนนอกพรรค ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค นำเสนอนโยบายต่างๆในขณะที่พรรคยังไม่ได้มีมติ ย่อมเป็นหลักฐานชัดเจน อาจเข้าข่ายครอบงำ และถูกร้องให้ยุบพรรคได้ ไม่แตกต่างกันซึ่งการยื่นยุบพรรคเพื่อไทยของนายสนธิญา สวัสดีนั้น ไม่น่าตกใจ สิ่งที่ควรต้องตกใจมาจากการยื่นคำร้องยุบพรรคก่อนหน้านี้เพราะผ่านการตรวจสอบแบบลับๆในด่านแรกเป็นเบื้องต้นไปแล้วและเห็นว่าการยุบพรรคมีทั้งยุบขณะที่ยังไม่มีเลือกตั้ง หรือยุบพรรคระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง หรือยุบพรรคหลังการหาเสียงเลือกตั้ง ในสถานการณ์ขณะนี้อยู่ที่ ผู้มีอำนาจ จะเลือกห้วงเวลาใดเท่านั้น
นายจตุพรยังกล่าวอีกว่าการที่นายสนธิญา สวัสดีไปยื่นการยุบพรรคเพื่อไทย จากกรณีการครอบงำนั้น ตนอยากบอกณัฐวุฒิว่า ไม่ต้องสนใจ เพราะสิ่งที่ควรสนใจนั้น ได้มีการยื่นและสอบสวนชี้มูลความผิด เบื้องต้นจนจบไปแล้ว กรณีนี้มีขั้นตอนตามลำดับ ใน 4 ด่านคือ ยื่นเรื่อง สอบสวน ตั้งอนุกรรมการมาตรวจสอบ ส่ง กกต.ชุดใหญ่ พิจารณาชี้มูล แล้วส่งศาล รธน.วินิจฉัย ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนตั้งอนุกรรมการมาตรวจสอบเพื่อส่งให้ กกต.ชุดใหญ่มีมติ
พปชร.ชู“บ้านประชารัฐ360องศา”
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร.แถลงภายหลังเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้สมัคร ส.ส.และตัวแทนชุมชนเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบาย พปชร.ภายใต้หัวข้อ‘นำไปสู่สิ่งที่พบเห็น เมื่อลงพื้นที่’โดยมีว่าที่ผู้สมัครส.ส.และตัวแทนชุมชนเข้าร่วมว่าโดยจะประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นลักษณะนี้ทุกวันพฤหัสบดีเพื่อรับฟังความเห็น ในที่ประชุมครั้งนี้ได้หารือถึงหัวข้อ ‘บ้านประชารัฐ 360 องศา’เพราะบ้านเป็น1ในปัจจัยสี่ที่จะสร้างความมั่นคงให้ชาว กทม.ที่ยังมีปัญหาในเรื่องที่อยู่อาศัย สอดรับกับนโยบาย ‘มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน’และไม่ได้มีแค่ที่อยู่อาศัย แต่รวมถึงสิ่งแวดล้อมในชุมชน ต่อยอดไปยังเรื่องอื่นๆทั้งการศึกษา สุขภาพ เราเข้าใจปัญหาในแต่ละพื้นที่แต่ละเขต เข้าถึงข้อมูล ศึกษามาแล้ว และทำได้จริง ซึ่งเราให้ความสำคัญมาก ทั้งในแง่การเงิน และกฎหมาย ศึกษากันมาพร้อมแล้ว และเป็นความเห็นที่ทั้ง 33 เขตเห็นว่าควรทำในเรื่อง บ้านประชารัฐ 360 องศา
16มี.ค.เปิดเวที‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’
นางนฤมล กล่าวว่า เวทีครั้งต่อไปในวันที่ 16 มีนาคม จะเป็นเรื่องสังคมตามสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งมีคำถามกลับมาเยอะเรื่องความขัดแย้งว่าจะก้าวข้ามเรื่องไหนบ้าง โดยจะเป็นเวทีที่ผู้สมัคร ส.ส.และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันทำให้ประเทศไทย และกทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหลายด้านมาตกผลึกกันว่า จะนำพา กทม.และประเทศไทยไปข้างหน้าได้อย่างไร ยืนยันว่าผู้สมัคร ส.ส.ของเราไม่ได้มีแค่สวยหล่อ แต่ศักยภาพเต็มเปี่ยม
18มี.ค.ปราศรัยใหญ่กทม.ลุงป้อมขึ้นเวที
นางนฤมล ยังระบุว่า ในช่วงเย็นวันที่ 18 มี.ค.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ในกทม.ของพปชร. เวลา17.00น.ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม.โดยจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต มีการปราศรัย เปิดนโยบายด้านต่างๆ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และจะพูดถึงการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ พรรคจะนำเสนอนโยบายสำหรับคนกทม. เน้น เรื่องการแก้ปัญหา เศรษฐกิจปากท้อง จะมีทีมเศรษฐกิจของพรรคนำโดย นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกฯ และในวันนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร.จะเดินทางไปด้วย นอกจากเวทีใหญ่ในกทม.วันดังกล่าวแล้ว พรรคจะจัดเวทีย่อยในกทม.ทั้งพื้นที่ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เพื่อนำเสนอนโยบายในพื้นที่ในเขตนั้นๆ
พปชร.ตั้งเป้าซิวส.ส.กทม.12ที่นั่ง
นางนฤมล ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคว่า ขณะนี้ได้ตัวครบเกือบหมดแล้ว มีเพียงบางพื้นที่ ที่ทาง กกต.แบ่งเขตใหม่ คือ ลด 4 จังหวัด และเพิ่ม4จังหวัด ส่วนพรรคตั้งเป้าจะได้ส.ส.กทม.เท่าไรหลังครั้งที่แล้วได้ส.ส.มา 12 คนนั้น นางนฤมล กล่าวว่าจะพยายามทำให้ได้มากกว่าเดิม เชื่อมั่น ผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคมีของดีอยู่ในตัว เมื่อถามย้ำพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ตั้งเป้าอยากได้ ส.ส.กทม.มากกว่าเดิม นางนฤมล ตอบว่าอยากได้ที่นั่ง ส.ส.กทม.12 บวกขึ้นไป
ส่วนกระแสข่าว“กลุ่มสามมิตร”คือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะย้ายไปกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย นางนฤมลตอบว่า”ไม่ทราบ เรื่องนี้สื่อคงต้องไปถามนายสุริยะและนายสมศักดิ์เอง”
‘บิ๊กป้อม’ต่อสาย‘นิโรธ’เบรกซบรทสช.
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏว่าบรรดากรรมการบริหารพรรคเดินทางมาประชุมกันเกือบทั้งหมด ขาดเพียงบางรายเท่านั้น โดยเฉพาะนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ประธานวิปรัฐบาล ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย ทั้งนี้ กรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ต่างสอบถามกันว่านายนิโรธจะเอาอย่างไรจะอยู่หรือไป ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่าถูกชวนไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ขณะที่พล.อ.ประวิตรแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่านายนิโรธป่วยและได้ลาประชุมต่อหัวหน้าพรรคแล้ว
มีช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ต่อโทรศัพท์หานายนิโรธ ถึงความชัดเจนว่า จะอยู่หรือไป ซึ่งนายนิโรธอ้างว่ากำลังเจรจากับคนใกล้ชิดรายหนึ่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค รทสช.อยู่ ทำให้ พล.อ.ประวิตรบอกกับนายนิโรธทำนองว่า“ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่แหล่ะ”
กกต.ชวนให้ความเห็นแบ่ง400เขต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวเชิญชวนประชาชนและบุคคลทั่วไปร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานกกต.ประจำจังหวัด เว็บไซต์ของสำนักงานกกต.ประจำจังหวัด และแฟนเพจเฟชบุ๊ก หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกำหนดจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งไม่รวมผู้ไม่ได้สัญชาติไทย ซึ่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ได้ดำเนินการประกาศรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 3 รูปแบบ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมือง และประชาชนทุกจังหวัดทั่วภูมิภาค ตั้งแต่วันที่ 4-13มีนาคม รวมเป็นเวลา 10วัน