เปิดตัว‘เด็กบ้านนอก’ ดับเครื่องรถเก่าๆพุ่งท้าชน‘ยักษ์ใหญ่’เลือกตั้งนครพนม
สนามเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครพนม ที่จะระเบิดศึกชิงตั๋วเข้าสภาประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ มีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักการเมืองระดับตำนาน ก่อนจะได้เป็นผู้แทนก็ต่างกินข้าวหม้อเดียวกันมาก่อน พอปีกกล้าขาแข็งก็โบยบินไปสู่รังใหม่ แล้วก็ลงแข่งขันกันเอง จากมิตรจึงกลายเป็นศัตรู กลยุทธ์ต่างๆถูกงัดออกมาเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่เมื่อก่อนตอนยังไม่มีชื่อเสียง กินนอนบนเสื่อผืนเดียวกัน
การเลือกตั้ง ส.ส.นครพนมทั้ง 4 เขต จึงเป็นเสมือนการต่อสู้ของกลุ่มที่มาจากพ่อแม่คนเดียวกัน ไม่เว้นกลุ่มสายเลือดใหม่ที่ยังทำงานการเมืองแบบเดิมๆ สมองไม่ได้โตเหมือนการศึกษาเลย อาทิ เขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วย อำเภอนาแก อำเภอวังยาง อำเภอปลาปาก และอำเภอเมืองนครพนม (เฉพาะตำบลวังตามัว ตำบลกุรุคุ และตำบลบ้านผึ้ง) ถึงวันนี้ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ มีความกระเหี้ยนกระหือรือ เตะตัดขากันเองให้บุคคลภายนอกนั่งหัวเราะเยาะ
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 และ 3 แต่ละพรรคเคาะชื่อว่าที่ผู้สมัครลงตัวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองเขตจึงไม่มีปัญหาในการแย่งกันลงสมัครผู้แทน ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วย อำเภอบ้านแพง อำเภอนาทม อำเภอศรีสงคราม และอำเภอนาหว้า เริ่มมีความตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน หลังจากนายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว หรือสหายแสง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นเจ้าของพื้นที่ ประกาศย้ายข้ามเขตไปลงเขต 2 ชนกับแชมป์เก่า ดร.มนพร เจริญศรี พรรคเพื่อไทย ส่วนพื้นที่ตรงนี้ครูแก้วส่งภรรยาสุดที่รักนางพูนสุข โพธิ์สุ หรือครูตุ่น ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย ด้านพรรคเพื่อไทยจัด ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ทวงคืนบัลลังก์หลังอดีตผู้สมัครคนเดิม พ่ายให้ครูแก้วแบบฉิวเฉียด
เขตเลือกตั้งนี้ดูเผินๆเหมือนไม่หวือหวา หลายคนมองว่าต่อสู้เฉพาะพรรคใหญ่ 2 พรรคนี้ ตรงกันข้ามกลับมีว่าที่ผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ออกหาเสียงกับพี่น้องประชาชนแบบเดินเท้า ไม่มีรถยนต์วิ่งตามเป็นขบวนหรือบอดี้การ์ดติดตาม มีรถยนต์เก่าเพียงคันเดียวที่ออกไปพบปะชาวบ้าน จนรองเท้าขาดไปหลายคู่
บุคคลที่กล่าวถึงชื่อ ดร.มานพ เหมพลชม ว่าที่ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย โดยมีคุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยูราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค ดูชื่อชั้นรวมถึงฐานะอาจไม่สู้คนอื่นๆ แต่ถ้าลงลึกถึงเส้นทางสู่ถนนการเมืองแล้ว บอกเลยคนนี้ไม่ธรรมดา หากพรรคใหญ่ตายใจว่าชนะแน่ อาจโดนชายคนนี้ช่วงชิงคะแนนได้ เพราะนายมานพ เหมพลชม เป็นคนในพื้นที่ขนานแท้ ปัจจุบันอายุ 55 ปี เป็นลูกชาวนาเกิดที่บ้านดอนแดง ต.นาทม อ.บ้านแพง (ในขณะนั้น) จ.นครพนม เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนลูก 16 คน ฐานะทางบ้านไม่ดีนักแม้แต่รองเท้านักเรียนก็ยังไม่มีใส่ โดยเรียนชั้นประถม 1-6 ร.ร.บ้านดอนแดง ระดับชั้น ม.1-ม.2 ร.ร.เซกา อ.เซกา จ.หนองคาย(ในขณะนั้น) เรียนอยู่ชั้น ม.3 ร.ร.ปิยะมหาราชาลัย จงนครพนม และเรียนจบ ม.4-ม.6 ร.ร.พะเยาพิทยาคม จ.พะเยา
ต่อมาได้เรียนระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ประกาศนียบัตร วิชาว่าความ สภาทนายความ ปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ BTU และปริญญาเอก คณะรัฐประศาสนศาสตร์ BTU ถือเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เรียนจบระดับปริญญาเอก แม้ทางบ้านจะมีฐานะยากจนก็ตาม
ปัจจุบันเปิดสำนักงานกฎหมาย ดร.มานพ เหมพลชม อยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยรับว่าความช่วยเหลือประชาชนที่โดนรังแก หรือถูกกลั่นแกล้งเป็นหลัก ประกอบกับ ดร.มานพ เหมพลชม มีความอ่อนน้อม ถ่อมตน มีสัมมาคารวะ จึงกลายเป็นที่รักของชาวบ้าน
เริ่มต้นชีวิตการเมืองด้วยการ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) เขตอำเภอบ้านแพง และอำเภอนาทม ในวาระปี 2538-2542 หากดูแค่ปี พ.ศ. อาจจะไม่น่าสนใจนัก แต่ในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกของการแจ้งเกิดของนักการเมือง ที่ต่อมากลายเป็นนักการเมืองระดับชาติ ที่มีคนรู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น นายศุภชัย โพธิ์สุ ปัจจุบันเป็น ส.ส.นครพนมเขต 1 และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง นางมนพร เจริญศรี หรือเดือน ส.ส.นครพนมเขต 2 และ ดร.สมชอบ นิติพจน์ อดีตนายก อบจ.นครพนม ในปีเดียวกันนั้น ดร.มานพ เหมพลชม ได้รับการโหวดจากสมาชิกสภาจังหวัดฯ ให้เป็นรองนายก อบจ.นครพนม คนที่ 1 อีกด้วย
หลังครบวาระ ดร.มานพ เหมพลชม หันมาทำงานอยู่เบื้องหลังให้นักการเมืองหลายคน และเข้าได้กับนักการเมืองทุกคนทุกพรรค โดยไม่ได้วางมือทางการเมืองแต่อย่างใด เพียงเปลี่ยนบทบาทหน้าที่เท่านั้น
กระทั่ง คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยูราพันธุ์ ตั้งพรรคไทยสร้างไทย จึงชักชวนให้มาร่วมงานด้วย และไว้วางใจให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนมเขต 1 ในขณะที่พรรคใหญ่ยังแย่งกันเป็นประธานวางผ้าบังสุกุลในงานศพ เพื่อชิงความได้เปรียบ ดร.มานพ เหมพลชม คงเดินเคาะประตูบ้านถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมีรถยนต์คันเก่าๆเป็นเพื่อนร่วมทาง.........-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี