‘วิวัฒน์’ รายงานตัว ส.ส.แทน ‘เสธ.อัศวิน’ ลั่นลุยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น

‘วิวัฒน์’ รายงานตัว ส.ส.แทน ‘เสธ.อัศวิน’ ลั่นลุยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น

วันพฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566, 11.04 น.

‘วิวัฒน์’ รายงานตัวเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ แทน ‘เสธ.อัศวิน’ ชี้ รธน. ปัจจุบันไม่ได้ปราบโกงตามที่โฆษณา ยันหาก ปชช. เลือกไทยศรีวิไลย์ จะดำเนินการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างเข้มข้นขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา นายวิวัฒน์  เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ได้มารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ แทนที่
พล.ท. อัศวิน รัชฎานนท์ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์  ตามประกาศสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566 เรื่อง ให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง โดย  นายวิวัฒน์ ได้รายงานตัวตามขั้นตอนของทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อย่างครบถ้วน


โดย นายวิวัฒน์ ระบุว่า ถึงแม้ว่า ตนจะได้เป็น ส.ส.  โดยเหลือเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันก่อนที่สภาผู้แทนฯ ชุดที่ 25  จะหมดวาระนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและภาคภูมิใจ เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตนทำงานในด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด ก็เห็นว่าปัญหาดังกล่าวได้บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อประชาชนที่มีต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะถึงแม้ว่า ระบอบประชาธิปไตยจะมีหลักประกันในเรื่องความสามารถตรวจสอบเอาผิดได้ในทางการเมือง แต่ในหลายสิบปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า กลไกในการตรวจสอบการทุจริตกลับไม่สามารถทำอะไรคนที่เป็นจอมบงการได้  และสังเกตว่า

นักการเมืองบางรายไม่ได้สนใจทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับทำตัวเหมือนกับนักธุรกิจที่คำนึงถึงผลกำไรขาดทุน โดยแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบในงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งแทนที่ประชาชนจะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากโครงการต่างๆ แต่กลับได้ยินอยู่เสมอว่า โครงการนี้ใครเอาไปเท่าไหร่บ้าง ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางในพื้นที่ และยังมีแผนการต่อเนื่องที่จะทุจริตต่อเนื่องในโครงการที่ทุจริตต่อไปด้วย ถึงแม้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จะถูกโฆษณาว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนโกงคนทุจริตโดนปราบตามคำกล่าวอ้างแต่อย่างใด ดังนั้น นอกจากการทำงานในสภาที่ผ่านมาของพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ทางพรรคฯ ได้ดำเนินการเปิดโปงการทุจริตอย่างต่อเนื่องแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ทางพรรคฯ ก็จะสานต่อนโยบายในการปราบปรามการทุจริตต่อไปคือ การบังคับให้ข้าราชการระดับสูงทุกคนจะต้องยื่นชี้แจงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด เร่งรัดการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองและข้าราชการ ที่ถูกร้องเรียนว่าร่ำรวยผิดปกติให้เร่งรัดรวดเร็วเด็ดขาด ซึ่งตนเชื่อว่า หากประชาชนสนับสนุนพรรคไทยศรีวิไลย์ให้ได้จำนวนเสียงมากพอในการที่จะทำนโยบายต่างๆ แล้ว การดำเนินการปราบปรามทุจริตก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประวัติของ นายวิวัฒน์  เจริญพาณิชย์ศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์  ปัจจุบันอายุ 63 ปี จบการศึกษา ปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์การบริหารจัดการ  มหาวิทยาลัยเกริก สำหรับประสบการณ์ การทำงาน เคยเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฏร  ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการเสริมสร้างศักยภาพกองทัพ คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฏร  ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้าและการพนันออนไลน์ สภาผู้แทนราษฏร  เลขาธิการมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น  รองประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ  อดีต ผอ.ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัป(ปัจจุบัน คือ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) สมัย นายดุสิต นนทนาคร เป็นประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น อดีตอนุกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการ ปปช. เป็นต้น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top