ไม่หวั่นรทสช.ถูกโดดเดี่ยว
‘บิ๊กตู่’เสียงแข็ง
เมิน‘อนุทิน-บิ๊กป้อม’จับมือตั้งรบ.
ประกาศ‘คนละครึ่ง’ทำต่อแน่นอน
‘ประวิตร’เปิดตัว‘ธรรมรักษ์’ลุยอีสาน
พปชร.กินข้าวทุกพรรค-เว้นฝ่ายค้าน
‘สุดารัตน์’โชว์ตัว‘เจริญ จรรย์โกมล’
‘เสธ.อ้าย’เข้า‘ปชป.’ช่วยโกยคะแนน
“บิ๊กตู่”ใช้รถยนต์ส่วนตัวเข้าทำเนียบฯ ช่วงบ่ายลางาน สวมเสื้อ รทสช.เข้าพรรค คณะกก.ยุทธศาสตร์พรรค ลั่นไม่กลัวถูกโดดเดี่ยว“ขอเพียงประชาชนอย่าทอดทิ้งผม”
ไม่หวั่นไหวภาพ“เสี่ยหนู”ร่วมวงข้าวกับ“บิ๊กป้อม”คุยจับมือตั้งรบ. หลังลต.ค่อยถามจับมือใครจัดตั้งรบ.“ประยุทธ์”เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ บิ๊กเนม “สุพัฒนพงษ์-จุติ-ม.ล.ชโยทิต”เปรียบเป็น ผู้บริหารคณะพระเอก-ปชช.เป็นหุ้นส่วนบริหารปท. ย้ำจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด-อนาคต สดใส ขอให้รัก3สถาบันหลัก-อยู่คู่คนไทยตลอดไป‘สุพัฒนพงษ์’เผยนโยบาย ศก.ใช้หลักโควิดโมเดล เน้นความร่วมมือทุกภาคส่วน ลั่น”คนละครึ่ง”ทำต่อแน่ ชูเป็นนโยบายพรรค ‘ชัยวุฒิ’ยันพปชร.กินข้าวกับทุกพรรค ยกเว้นฝ่ายค้าน โวเป้าส.ส.150ที่นั่ง สส.เกรดเอเพียบ บอก‘ลุงป้อม-ลุงตู่’อยู่ฝั่งเดียวกัน
‘พปชร.’เปิดตัว’บิ๊กแอ๊ต พล.อ.ธรรมรักษ์-70ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทุกภาค ‘บิ๊กป้อม’ยกเป็นบุญคุณที่มาช่วยภาคอีสาน เข้านั่งที่ปรึกษา“เสธ.อ้าย”สมัครเข้า ปชป.มั่นใจ“จุรินทร์”ตั้งใจมาช่วยพรรคจริงๆไม่ได้หวังตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 10.21น.โดยใช้รถยนต์เบนซ์ส่วนตัว ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร
‘บิ๊กตู่’สวมเสื้อรทสช.เข้าถกในพรรค
ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวันเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลาราชการ เพื่อไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการฯณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติและจะสวมเสื้อให้กับบิ้กเนมที่เข้าสมัครสมาชิกพรรคด้วย
เวลา13.00น.พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมาที่พรรคเพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ ดยนายกฯสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินและแจ็คเก็ตสีขาว โลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งนี้ เมื่อมาถึงมีผู้สนับสนุนจากจังหวัดชัยนาท ได้มอบเหรียญหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม(วัดบ้านแค) อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ให้กับนายกฯพร้อมบอกเป็นของดีเมืองชัยนาทให้พกติดตัวไว้ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า”ราคาเกินกว่ากฎหมายกำหนดหรือไม่ ช่วยระวังให้ผมหน่อยนะ”
‘บิ๊กตู่’เมินวงข้าวคุยจับมือตั้งรัฐบาล
ต่อมา เวลา14.00น.พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท )พร้อมแกนนำร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)อีกครั้งหลังจากนายอนุทินได้เข้าพบอวยพรวันเกิดพล.อ.ประยุทธ์โดยพล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า“แล้วเป็นอย่างไรล่ะ”เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่ามีการพูดถึงเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่ามันไม่ใช่เวลาอะไรในตอนนี้มันยังไม่ได้เลือกตั้งเลย
ย้ำชัดให้เลือกตั้งก่อน ค่อยมาคุย
เมื่อถามว่าที่มีการระบุว่าต้องให้เฉพาะพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร เท่านั้นพรรคได้อันดับ1ก็จะให้เป็นนายกฯพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้าท่านพูดอย่างนั้น ก็อย่างนั้น แต่เราต้องดูวันหน้าก็แล้วกัน” เมื่อถามต่อว่าเห็นว่าได้มีการพูดกับ พล.อ.ประวิตร แล้วจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คุยกันว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ และปลอดภัย แต่ก็ต้องดูที่ผลการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง ก็พูดแค่นั้น อย่าไปตีความกันเอาเองนะจ๊ะ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามและให้ไปถามกับบรรดาแกนนำพรรคแทน เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยมาพูดกันใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ก็ถึงเวลา ก็ให้มีการเลือกตั้งก่อนสิ ถ้ามันพูดตอนนี้ แล้วมันจะได้อย่างไรก็ยังไม่รู้ว่าใครจะได้มากได้น้อย ยังไม่รู้เลยตามกลไกของการเลือกตั้ง เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สำคัญในอนาคต” เมื่อถามย้ำว่าในส่วนของ2ลุง พรรคไหนได้เสียงอันดับ 1 พรรคนั้นได้เป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเป็นเรื่องการพิจารณาร่วมกันสิ
ไม่หวั่นไหวภาพ’เสี่ยหนู’กินข้าว’พี่ป้อม’
เมื่อถามว่าแค่ภาพกินข้าวแค่นี้ ไม่หวั่นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ปัดโธ่ ถ้าอย่างนั้น ผมก็ต้องหวั่นเวลาที่เขาไปกินข้าวกินน้ำ กินอะไรต่างๆ แล้วผมจะไปหวั่นอะไรล่ะ” ก่อนจะเอามือทุบไปที่หน้าอกด้านซ้าย พร้อมกล่าวอีกว่า”ผมเจอยิ่งกว่านี้มาแล้ว ยืนยันว่า วันนี้ไม่มีฝั่งอะไร ยังไม่มีฝั่งอะไรทั้งนั้น”
ถามว่ามองหรือไม่ว่าภาพอะไรที่จะออกมาในขณะนี้ ทั้งภาพการรับประทานอาหารร่วมกันแค่เกมอย่างหนึ่งที่จะนำไปสู่บรรยากาศหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ก็เขาไปกินข้าวและก่อนนายอนุทินไปกินข้าวท่าน ก็มาหาผม มาอวยพรวันเกิดให้ผม ก็เป็นเรื่องของท่านก็ยินดีที่มาอวยพรให้และนึกถึงผม ก็ว่ากันไป แต่หลังจากที่อวยพรผมแล้ว จะไปกินข้าวที่ไหนก็ไปเลย ผมไม่ได้ว่าอะไรนี่”
ไม่กลัวโดนทิ้ง-ขอเพียงปชช.อย่าทอดทิ้ง
เมื่อถามอีกว่าในการจัดตั้งรัฐบาลหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไม่โดนทิ้งใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่กลัวตรงนั้น ผมขออย่างเดียว เพียงประชาชนอย่าทอดทิ้งผม”
ทั้งนี้เมื่อพูดจบบรรดาแกนนำพรรคและทีมเศรษฐกิจพรรค ส่งเสียงเฮพร้อมปรบมือให้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหวังแลนด์สไลด์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ขอให้เลือกตั้งก่อนสิ”ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินขึ้นไปประชุมคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯทันที
‘บิ๊กตู่’สวมเสื้อเปิดตัวทีมเศรษฐกิจรทสช.
เวลา13.45น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ได้แนะนำทีมเศรษฐกิจของพรรค รทสช.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เสร็จสิ้นแล้ว ได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค สวมเสื้อให้ทีมเศรษฐกิจและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระหว่างเดินขึ้นพล.อ.ประยุทธ์ได้ก้าวเท้าสะดุดพรมจนเสียหลักขณะขึ้นบนเวที ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สวมเสื้อพรรคให้ทีมเศรษฐกิจ หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
‘บิ๊กเนม’สุพัฒนพงษ์-จุติ-ม.ล.ชโยทิต
ประกอบ ด้วย 1.นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน 2.นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 3. ม.ล.ชโยทิต กฤดากรผู้แทนการค้าไทย เป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 4.นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกฯและแกนนำพรรค รทสช. 5.นายจักร บุญหลง กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด(มหาชน) อดีตเอกอัครราชฑูตหลายประเทศ 6.นายชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น จำกัด 7.นายวิท วรรณไกรโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาพาณิชยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ8.นายวินท์ สุธีรชัย สมาชิกพรรครทสช.และอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันเดียวกันนี้เรียบร้อยแล้ว
ตั้งทีมที่ปรึกษาทีมศก.ดูปากท้องปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับทีมที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ ทำหน้าที่ทำหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำ ด้านนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชนทุกด้าน นำโดย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจมหภาค นโยบายการคลัง,นายสุพัฒนพงษ์ ดูแลการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน , นายจุติ ดูแลกลุ่มคนเปราะบางและผู้สูงวัย,นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลนโยบายภาคเกษตรและนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ดูแลนโยบายด้านแรงงาน อีกทั้งมี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จะมาดูแลด้านคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนไทยซึ่งได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคและได้สวมเสื้อพักในวันเดียวกันด้วย
ยันรทสช.ต้องการทำให้ปท.ดีที่สุด
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวขอบคุณทุกที่ให้เกียรติมาร่วมแถลงเปิดทีมเศรษฐกิจว่าจริงๆแล้วมีอีกเยอะที่จะมาร่วมงาน ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ให้เกียรติพรรครทสช.ในการเดินหน้าประเทศของเราในระยะต่อไป จะเห็นได้ว่ามีทั้งคนรุ่นเก่า คนรุ่นแก่รุ่นกลางและรุ่นเด็ก มีหลายช่วงวัยในการพัฒนาประเทศ เพราะประเทศนี้ ไม่ใช่ของคนไทยคนหนึ่ง ประเทศไทย ไม่ใช่สถานประกอบการธุรกิจประเทศไทยประชาชนมีส่วนร่วม ถือเป็นหุ้นส่วน สิ่งที่เราต้องทำต่อไป คือ ทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสุข พึงพอใจพร้อมกันกับการพัฒนาประเทศและจัดหารายได้ จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีคุณภาพหลายส่วน วันนี้ก็เห็นแล้วว่าหลายคนมีประสบการณ์ยอดเยี่ยมในการทำงานที่ผ่านมา สิ่งที่ตนไว้วางใจกับทุกท่านในวันนี้คือ ทุกท่านได้ทำงานกับตนมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐบาลที่ผ่านมา ยิ่งช่วงรักษาการก็ได้ทำงานกับตน ยืนยันว่า พรรคของเราจะเป็นพรรคที่ต้องการทำให้ประเทศชาติดีที่สุด
ตอกย้ำเสียงปชช.หุ้นส่วนบริหารปท.
“หลายคนต้องคำนึงว่า ที่ผ่านมาในช่วงก่อนที่ตนจะเข้ามาดูแลในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นเกิดอะไร กรุณาทบทวน ดูอย่าลืมเกิดอะไรขึ้น แล้วอย่าให้เกิดขึ้นอีกในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เราพยายามทำต่อเนื่อง โดยแก้ปัญหาดูแลประชาชนทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าในเชิงธุรกิจประชาชนคือหุ้นส่วนของประเทศ เสียงของประชาชน คือ หุ้นของประเทศ ทำอย่างไรจะให้เดินไปข้างหน้า และไม่ทอดทิ้งทั้งระดับบน ระดับกลางและระดับล่าง ซึ่งทั้งหมด ที่พูดมา เราได้ทำมาหมดแล้ว เราจะสานต่อในวันข้างหน้า เราจะต้องสืบสานต่อให้ได้สิ่งสำคัญคือความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน รักชาติ บ้านเมืองต้องมาช่วยกัน ตนไม่สามารถทำคนเดียวได้ หรือ แต่ละท่านก็ทำคนเดียวไม่ได้”พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
เปรียบเป็นผู้บริหารคณะพระเอก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่าสำหรับประเทศชาติไม่มีพระเอก มีแต่คณะพระเอกเข้าใจ หรือไม่เข้าใจคำว่า คณะพระเอกหรือไม่ คือ ทุกคนเป็นพระเอกหมด ตนมีหน้าที่บริหารพระเอกเหล่านี้เพราะมีประสบการณ์มากพอสมควร ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะร่วมกันทำได้ สิ่งแรกสำคัญที่สุด ขอความไว้วางใจ ขอแค่นี้ ถ้าเราไว้วางใจซึ่งกันและกันว่าจะเดินหน้าร่วมกันอย่างไรนั่นคือ อนาคต นี่คือสิ่งที่ทุกท่าน จะได้แสดงศักยภาพของท่านในการขับเคลื่อนประเทศ
ไม่อยากให้มองเป็น‘ฮีโร่อย่างเดียว’
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ไม่อยากหาเสียงแบบที่เขาหากันมากนักเพราะเป็นคนแบบนี้อยู่ในการบริหารราชการทั้งในส่วนของกองทัพ ส่วนตรงนี้อย่าระแวงตน สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องคำนึงถึงความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ทุกอย่างอยู่ในก้อนเดียวกันในการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดต้องดูว่าประเทศไทยมีคนจำนวนเท่าใด รายได้และการประกอบอาชีพจะแก้ปัญหาอย่างไร ประเทศเรามี 77 จังหวัด 30 จังหวัดที่อยู่ท้ายๆจีดีพีต่ำจะทำอย่างไรให้คนในพื้นที่เหล่านั้น มีรายได้สูงขึ้นอย่างน้อยที่ตั้งไว้ 30,000 บาท อยากให้ขึ้นอย่างน้อย 1แสนบาทให้ได้โดยเร็วที่สุด และก้าวต่อไป2-3แสนบาท ในวันข้างหน้า จังหวัดที่ดีอยู่แล้ว ก็ขึ้นไป สิ่งเหล่านี้ คืออนาคตของพวกเรา ไม่อยากให้มองในแง่ของฮีโร่อย่างเดียว แต่ทั้งหมดต้องขับเครื่องด้วยทีมเศรษฐกิจแบบนี้ ที่มีประสบการณ์มีความรอบรู้ และมีความระมัดระวังอย่างที่สุด แต่ต้องปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยที่มีผลกระทบต่อประชาชน
ขอโทษที่มีภาพอารมณ์เสียหงุดหงิด
“ผมไม่สามารถจะหาเสียงแบบที่เขาพูด เพราะวันนี้สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นคือ ประเทศไทยอยู่ตรงนี้ ได้ตามที่เราทำมาสถานะทางการเงิน การคลังเราทำได้ดี การต่างประเทศเราทำได้ดี ทุกประเทศยอมรับ สิ่งเหล่านี้คืออนาคตของพวกเราทุกคน ไม่อยากให้มองในแง่รายบุคคล และจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยก้าวข้ามไปให้ได้ พร้อมกับรับประโยชน์กับสิ่งใหม่ วันนี้ดีใจที่สื่อมากันเยอะได้ยิ้มออกหน่อย เราไม่ใช่ศัตรูกัน เมื่อใส่เสื้อตัวนี้ รู้สึกลำบากใจเหมือนกัน เพราะพูดอย่างนี้มาหลายปี ถ้าติดคำว่านายกฯไป ก็ขอโทษไม่ได้เจตนาอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ก็รู้ว่าท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ผมก็ทำหน้าที่ของผม บางเวลาผมก็เครียดหงุดหงิดหน่อย ก็ต้องให้อภัยกัน ผมไม่เคยติดค้างกับใครไม่เคยโกรธ หรือเกลียดใคร แต่ความเป็นมนุษย์สัญชาตญาณของผมมีสูง ถ้าเรารักกัน ท่านไม่รังเกียจผมอยู่แล้วจะเอาภาพโมโหผมออกไป เวลาผมโมโหผมก็หาย ผมไม่เคยโกรธ เกลียดใคร เพราะท่านคือสื่อคือเสียงของประชาชน เราต้องรับฟัง และถ่ายทอดในสิ่งดีงามต่อไป วันนี้ก้าวมาค่อนทางแล้วเราจะเดินเส้นทางนี้ไปถึงจุดที่ประเทศไทยประชาชนต้องการ เราต้องเดินอย่างมียุทธศาสตร์ ถ้าไม่มียุทธศาสตร์จะเกิดได้หรือไม่”พล.อ.ประยุทธ์ย้ำ
ย้ำจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด-อนาคตสดใส
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าวันนี้เป็นวันแห่งความยินดีของพรรค คิดว่าประชาชนคงฝากความหวังไว้กับตนได้ ตนยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการบริหารบ้านเมืองและจะนำพาบุคคลเหล่านี้และอื่นๆที่อยู่ช่วยเราร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองไปสู่วันข้างหน้าที่ สดใสที่มีอนาคตกว้างไกลไปกว่านี้อีก วันนี้ถือว่าพอสมควรแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าลืมก่อน 8 ปีอย่าลืม 8 ปีเกิดอะไรขึ้น สิ่งสำคัญ ตนขออย่างเดียวความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้
ให้รัก3สถาบันหลัก-อยู่คู่ไทยตลอดไป
“อย่าลืมว่าที่ผ่านมาเราประคองมาถึงขนาดนี้แล้วโดยกฎหมายกระบวนการยุติธรรม ก็จำเป็นต้องมีอยู่ เราจะต้องเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าอิสระทั้งหมดโดยไม่ใช้กฎหมาย แต่คำว่าประชาธิปไตยมีขีดจำกัดอยู่ตามหน้าที่ความรับผิดชอบต้องเคารพกฎหมาย ดูอย่าง ต่างประเทศเขาแรงไหม ตนจะทำอย่างนั้นได้ไหม เพราะนี่คือคนไทยด้วยกันทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ ไม่ต้องรักผมหรอก ขอให้รักประเทศชาติ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะต้องดำรงอยู่คู่คนไทยตลอดไปชั่วกาลนาน”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบยานยนต์ปัจจุบันกับคนบนเวที มันเหมือนกับว่าพี่ยืนอยู่วันนี้ เหมือนกับมีทั้งรถสันดาปและรถไฮบริดและรถไฟฟ้า วันนี้อนาคตของประเทศเราอยู่ที่พวกคนเหล่านี้ทั้งสิ้น และไม่ใช่แค่นี้ ทั้งประเทศ คือ กลไกสำคัญของพวกเราที่ต้องร่วมมือกันและสามารถไปได้ทุกที่เพราะประเทศไทยเราพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว
‘สุพัฒนพงษ์’เล็งลงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
เวลา 14.20น.นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติให้สัมภาษณ์หลังร่วมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจรทสช.ถึงกรณีสมัครเป็นผู้สมัครส.ส.ของพรรค รทสช.ว่า ถ้าเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อก็เป็นไปได้ ตามกติกาของพรรค เพราะตนลงมาตรงนี้แล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด โดยนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะไม่เน้นที่การให้แบบเหวี่ยงแหแต่เป็นการมุ่งเป้า และการส่งเสริมการดำเนินการอะไรต่างๆจะมีอะไรใหม่ๆที่เป็นความร่วมมือกับประชาชนและทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่รัฐบาลอย่างเดียว
นโยบายศก.ใช้หลักโควิดโมเดล
“เราใช้หลักที่เราฟันฝ่าอุปสรรคโควิด-19มาได้อย่างไรเราจะใช้หลักนั้นเพราะเราเชื่อว่าหลักนั้น เป็นความสำเร็จที่ดี ทุกอย่างต้องร่วมมือด้วยกัน” นายสุพัฒนพงษ์ ย้ำ
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่หลายพรรคการเมืองออกนโยบายเรื่องตัวเลขมาเกทับกันนายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่าเดี๋ยวรอดูของพรรครทสช.เราจะมุ่งเป้าสำหรับคนที่จำเป็น มีที่ไหนบ้างในอดีตที่ช่วยเหลือแต่ละกลุ่มอย่างเป็นระบบ เมื่อก่อนเหวี่ยงแหแจกทุกคนแต่ในยามวิกฤติ ยามเดือดร้อน เราใช้เงินเหมาะสม คนล่างสุดรับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เหมือนเบาะรองรับเมื่อตกตึกสองชั้นซึ่งเขาพออยู่ได้ มีโอกาสดำรงชีวิตได้ในระดับหนึ่ง คนที่ระดับสูงกว่านั้น ก็เป็นโครงการคนละครึ่งที่ต้องไปช่วยคนตัวเล็กอีกทีหนึ่ง ส่วนช็อปดีมีคืนก็เป็นคนมีฐานะก็ไปช่วยกันใช้เงิน การแบ่งเป็น 3ชั้น อย่างนี้ ไม่เคยมี
ประกาศลั่น”คนละครึ่ง”ทำต่อแน่นอน
เมื่อถามว่าแสดงว่าโครงการคนละครึ่งเหล่านี้ จะมีการทำต่อ นายสุพัฒนพงษ์ ยืนยันว่าทำต่ออยู่แล้ว ถือเป็นนโยบายของพรรคเลย เป็นสิ่งที่ดี ครั้งนี้จะต่างจากช่วงวิกฤติ เราจะเน้นผู้ที่ประหยัด ค่าใช้จ่าย ผู้ที่ถือแอพพิเคชั่น เป๋าตังค์ รอบหน้าเราเพิ่มเรื่องถุงเงิน ที่เน้น เอสเอ็มอี เน้นคนตัวเล็ก ในถุงเงินภายใต้โครงการคนละครึ่ง มีผู้มีสิทธิ์1ล้านราย เราอยากให้มีมากขึ้นถึง5ล้านราย
พปชร.กินข้าวทุกพรรค-เว้นฝ่ายค้าน
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงการรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างพรรค พปชร. กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.)เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมาว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่ พรรคกลาง พรรคเล็ก รับประทานข้าวกันประจำอยู่แล้ว และส.ส. นักการเมือง เข้าออกกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่วงทานข้าวเมื่อวันที่ 22 มี.ค.อาจเป็นประเด็น เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภท.มา และเขาเป็นพรรคใหญ่ มีการพูดคุยกันเรื่องการเมือง คุยกันประจำ แต่ยืนยันว่ามาทานข้าวกันทุกพรรคอยู่แล้ว ยกเว้นพรรคฝ่ายค้าน เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ย้ำพรรคร่วมฯเดิมอยากร่วมงานกันต่อ
เมื่อถามอีกว่าในวงทานข้าวมีการพูดถึงการจับมือเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งหรือไม่นายชัยวุฒิ กล่าวว่าไม่ได้คุยขนาดนั้น เพียงแต่บอกว่าเรื่องนี้ต้องรอหลังการเลือกตั้งก่อนว่าใครจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ ค่อยมาดูกัน เมื่อถามว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณการจับมือกันในอนาคตหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตนว่าสัญญาณชัดอยู่แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ก็อยากทำงานร่วมกันต่อ เพราะทำงานร่วมกันมาราบรื่นดี สามารถประสานงานกันได้ด้วยดี ไม่อยากเปลี่ยนหรอก
ทุกพร้อมร่วมงานแต่ต้องแข่งกันหมด
เมื่อถามว่าการจับมือในอนาคต จะมีพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ด้วยหรือไม่นายชัยวุฒิกล่าวว่าความจริง พรรครทสช.ถือเป็นพรรครัฐบาลก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละรทสช.จะไปจับมือกับใครถ้าไม่ใช่พปชร. ความจริงทุกพรรคการเมืองจับมือกันได้หมด ถ้านโยบาย แนวคิดตรงกัน สุดท้ายอยู่ที่การเลือกตั้ง เราต้องเอาความจริงมาคุยกัน ไม่มีใครได้เสียงข้างมาก จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้หรอก ต้องอยู่ด้วยกันหมดแหละ
เมื่อถามว่าที่ทานข้าวกันบ่อยอาจจะมีการแถลงข่าวจับมือกันเป็นไปได้หรือไม่นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เขาไม่ทำกันหรอก แถลงไม่ได้ เป็นกติกาประชาธิปไตย เลือกตั้งก็หาเสียงแข่งกันหมด ไม่มีจับมือกันหรอก บางจังหวัดเราก็แข่งกับภท.บางจังหวัด ก็แข่งกับพรรครทสช.หรือบางจังหวัดแข่งกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่มีมาจับมือกันหรอก บางทีพรรคจับมือกัน แต่ผู้สมัครแข่งกันก็มี บางพื้นที่ไม่เกี่ยวกับพรรค ในสนาม ยังสู้กันเต็มที่เหมือนเดิม เมื่อถามว่าแต่การทานข้าวมีนัยยะทางการเมืองอยู่แล้ว นายชัยวุฒิ กล่าวว่าก็มองอย่างนั้นได้ เราพร้อมทำงานร่วมกัน
เปรย‘ลุงป้อม-ลุงตู่’ฝั่งเดียวกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เหมือนนายอนุทิน จะเหยียบเรือสองแคม ไปหาทั้ง ลุงป้อมแ ละลุงตู่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า “ทั้งลุงป้อม ลุงตู่ก็อยู่ฝั่งเดียวกัน” เมื่อถามว่า แล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกัน จะแยกกันทําไมให้เหนื่อย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า อันนี้ตนไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่าตอนนี้ปิดประตูไม่ร่วมกับ พท.แล้วใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่าสมัยก่อนก็อยู่พรรคเดียวกัน แล้วแยกออกมากันตั้งเยอะตั้งแยะ เมื่อถามว่ามั่นใจว่า พท.จะเป็นฝ่ายค้านต่อใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ อยู่ที่ประชาชน อยู่ที่ผลการเลือกตั้ง
โวเป้าพปชร.150ที่นั่ง-มีสส.เกรดเออื้อ
เมื่อถามว่า ตามข่าวที่ออกมา พปชร.ตั้งเป้าว่าจะได้70 เสียง เป็นไปตามนั้นหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ต้องทําโพล ตัวเลข 70ที่ออกมาเป็นการคาดการณ์ของบางคนที่มีการประเมินกัน บางคนก็ประเมิน100บางคนประเมิน 70 บางคนประเมิน 40 บางคนประเมิน150ซึ่งเราอาจจะถึง150เสียงก็ได้ เพราะมีผู้สมัครเกรดเอ ตั้งเป้าไว้150เสียง แต่ก็ยอมรับว่าไม่คิดว่าจะชนะทุกคน มันอาจจะมีพลาดบ้าง และว่าจำไม่ได้ ประเมินมาจากเขตเท่าไหร่ ปาร์ตีลิสต์เท่าไหร่ เรื่องนี้ถือเป็นความลับ บอกไม่ได้ เดี๋ยวคนเป็นเอ บอกเป็นบี คนเป็นบีบอกเป็นเอ เขาจะงอนเอาได้
‘บิ๊กแอ๊ด’ที่ปรึกษา-หนุนก้าวข้ามขัดแย้ง
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรากูร ณ อยุธยา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลไทยรักไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเดินทางมาถึงที่ทำการพรรค ได้มีผู้สนับสนุนเดินทางมาให้กำลังใจโดยตั้งแถวรอรับตั้งแต่ประตูทางเข้า
โดยพล.อ.ธรรมรักษ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเปิดตัวร่วมงานกับพรรคพปชร. ว่า เหตุผลที่มาร่วมงานกับพรรค พปชร.เพราะอยากมาช่วย เพราะเห็นว่าพรรคพปชร.มี นโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งที่ผ่านมาตนทำเรื่องนี้มามาก จากนโยบาย”66ใต้ร่มเย็น”เพราะตนเป็นห่วงว่าคนจะขัดแย้งกันรุนแรง เมื่อพปชร.มีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนจึงมาเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้คำแนะนำ โดยยอมรับว่าใช้เวลาตัดสินใจที่มาร่วมงานกับ พปชร. ไม่นาน และยังไม่รู้ว่าจะมีบุคคลอื่นตามมาด้วยหรือไม่
ลั่นจะช่วยดูภาพรวมในภาคอีสาน
เมื่อถามว่าจะเข้ามาช่วยดูแลพื้นที่ใดเป็นพิเศษ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ เมื่อถามย้ำว่าจะเข้ามาดูพื้นที่อีสานใต้หรือไม่ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เดิมสมัยตนอยู่พรรคไทยรักไทย ตนได้รับมอบหมายให้ดูพื้นที่ภาคอีสานใต้ทั้งภาค แต่ตนได้หยุดไป ตอนนี้ที่ พปชร.พื้นที่นี้มีคนดูแลอยู่แล้ว ตนอาจช่วยดูในภาพรวมของภาคอีสาน ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรคพปชร.ที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ดังกล่าวกันบ้าง แต่ยังไม่คุยในรายละเอียด เมื่อถามย้ำว่าที่มาอยู่กับพรรคพปชร.มั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่ายังไม่รู้ ยังไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
‘บิ๊กป้อม’เปิดตัวบิ๊กแอ๊ด-ผู้สมัคร70คน
เวลา15.00น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำผู้บริหารพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองนายกฯและอดีต รมว.กลาโหม พร้อมกับเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กว่า 70 คน จ.นนทบุรี สระบุรี ชัยนาท ชลบุรี ระยอง จันทบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี นครพนม สกลนคร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เชียงราย พะเยา พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย อุทัยธานี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานีและกทม.
พล.อ.ประวิตรได้กล่าวว่าต้องขอบคุณ พล.อ.ธรรมรักษ์ได้มาอยู่กับ พปชร.เป็นบุญคุณอย่างยิ่ง ถึงแม้ท่านจะอายุมาก แต่อายุไม่มีความสำคัญ สมองสำคัญกว่าโดยการทาบทามของพรรค พปชร. เพื่อให้ท่านมาช่วยดูภาคอีสาน เพราะเคยดูภาคอีสานมาว่าเราจะหาเสียงกันอย่าไร จะทำอย่างไร ทำให้พรรคเกิดความเข้มแข็ง เราทุกคนรับทราบด้วยว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ได้มาสังกัด พปชร.ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตนในนามหัวหน้าพรรคต้องขอบคุณที่ ขอให้ทุกคนยืนขึ้นเพื่อต้อนรับ พล.อ.ธรรมรักษ์
“เสธ.อ้าย”สมัครเข้า‘ประชาธิปัตย์’
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย เดินทางเข้ามาเพื่อเข้าพบนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคฯเพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคปชป. ภายหลังการหารือกับนายจุรินทร์ พล.อ.บุญเลิศยังได้เข้าพบนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคฯพร้อมได้สมัครสมาชิกพรรคฯแบบตลอดชีพ โดยนายจุรินทร์และนายนิพนธ์ บุญญามนี รองหัวหน้าพรรคและผู้อกนวยการการเลือกตั้งของพรรคเป็นผู้มอบบัตรสมาชิกพรรคให้ด้วยตนเอง
ลั่นช่วยปชป.จริงๆไม่ได้หวังตำแหน่ง
โดยพล.อ.บุญเลิศให้เหตุผลการมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคปชป.ว่าเพราะมีความศรัทธาเชื่อมั่นในการทำงานของนายจุรินทร์ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงและต้องการเข้ามาช่วยพรรคจริงๆ ไม่ได้มาหาตำแหน่ง หรือ หาผลประโยชน์ใดๆจากพรรค
สำหรับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ. อ้าย เป็นอดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ประธานนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 1 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี และเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่12
‘สมศักดิ์-สุริยะ’คืนรังพท.รับอบอุ่น
ที่พรรคเพื่อไทย(พท.) แกนนำพรรคนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหน้าหน้าพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรค พท.ให้การต้อนรับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.อุตสาหกรรมรวมทั้งนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยานายสมศักดิ์ เพื่อเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพท.
ชลน่านมั่นใจช่วยสร้างแลนด์สไลด์
จากนั้นนพ.ชลน่านแถลงว่าวันนี้ถือเป็นวันดียิ่ง ดีกว่าวันที่ 20มี.ค.ที่ผู้มีอำนาจคืนอำนาจให้ประชาชนขอต้อนรับผู้ใหญ่ ทั้ง 3 ท่านคือนายสุริยะ นายสมศักดิ์ และ นางอนงค์วรรณ เรามีผู้ที่เคยทำงาน มีอุดมการณ์ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ไม่ใช่คนใหม่แต่เป็นคนที่สร้างสรรค์ผลงานกับพรรคมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย นายสุริยะ เคยเป็นเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์และนางอนงค์วรรณก็เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีหลายกระทรวง เป้าหมายของเราคือทำงานเพื่อประชาชน เป้าหมายเด็ดขาด คือ แลนด์สไลด์ 310 เสียง ปลดล็อกสิ่งที่เขียนในรัฐธรรมนูญ ด้วยความสามารถของพวกท่านจะมาผนึกกำลังกับเราได้
ลั่นไม่เปลี่ยนขั้วการเมืองอีกแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าวันนี้มีความสุขและความหวัง ต้องขอบคุณพรรคพท.ที่เปิดโอกาสให้ตนเข้ามาช่วยงานให้สมบูรณ์แบบเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชน100% วันนี้เราต้องแลนด์สไลด์ ตนจะเข้ามาเสริมเติมเต็มเพื่อให้สำเร็จ วันนี้ฟ้าเปิด เมฆหมองจางหาย สู่บรรยากาศประชาธิปไตย ตนประทับใจทีมเพื่อไทยที่เข้าใจ ต้องขอขอบคุณพี่น้องสมาชิกพรรคที่ต้อนรับ โทรมาให้กำลังใจ ตนพร้อมเดินหน้าทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ และยังยืนยันว่าไม่เปลี่ยนขั้วทางการเมืองอีกแน่นอน จะตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อให้ได้ส.ส.มากที่สุด ยืนยันว่า พท.มีพื้นที่ใหม่ๆที่ให้ผู้แทนเข้ามาได้ เพราะมีฐานคะแนนความนิยมที่ผู้บริหารพรรคได้ทำได้ การจะสร้าง ส.ส.คนใหม่ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีผู้แทนนั้น เชื่อว่ามีสิทธิได้ผู้แทนสูง
‘สุริยะ’อ้างเพื่อนกระซิบให้ร่วมพท.
นายสุริยะกล่าวขอบขอบคุณผู้บริหารพรรค พท.ที่ได้ให้โอกาสพวกตนได้กลับเข้ามาทำงานร่วมกับพรรคพท.มีการต้อนรับที่อบอุ่น มีผู้สื่อข่าวสอบถามตนมาตลอดว่า ทำไมตัดสินใจมาเป็นสมาชิกพรรคพท. ทั้งนี้ 8 ปีที่ผ่านมาที่มีการทำรัฐประหาร ทำโครงสร้างเศรษฐกิจพลังทลายจนนักลงทุนไม่กล้าเข้ามา 4 ปีหลังพรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐบาลแต่เสียงไม่มากพอ ทำให้กระทรวงเศรษฐกิจไปอยู่พรรคอื่น ทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ตนมีโอกาสไปพบกับประธานหอการค้า ช่วงหลังทุกคนบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย ถ้าเกิดอยู่ต่อไป คงทุกข์ยากลำบากมาก บางคนที่สนิทกันก็มากระซิบว่าท่านย้ายพรรคเถอะ ตนลงพื้นที่เจอ เพื่อนฝูง ไม่มีใครเชียร์ให้อยู่พรรคพลังประชารัฐเลย จึงต้องย้ายพรรค และต้องได้ ส.ส.แลนด์สไลด์เพื่อผลักดันนโยบายตามสโลแกน คิดใหญ่ ทำเป็น