‘จุรินทร์’ลั่นปชป.พร้อมแล้ว! ทำไพรมารี่ผู้สมัครทั่วประเทศ 25-27 มี.ค. มั่นใจกระแสดีขึ้นทั่วประเทศ ประกาศชัดประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ไปจับกับใคร ต้องรอผลการเลือกตั้งก่อน เผยใครรวมเสียงข้างมากได้คนนั้นได้เป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งเสมอไป ได้ที่เท่าไหร่ก็สามารถตั้งขั้วเป็นรัฐบาลได้ ปรเมินสถานการณ์ตอนนี้ หลายยังใกล้เคียงกัน อาจจะยกเว้นบางพรรคที่เสียงอาจจะโด่งไปบ้าง
25 มี.ค.2566 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมบลิซ โฮเทล เขตลาดกระบัง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดประชุมสมาชิกพรรค เพื่อรับฟังความคิดเห็นการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุม โดยบรรยากาศการทำไพรมารีโหวตของผู้สมัคร ส.ส. กทม.ในวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกพรรค และประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมในการจัดทำไพรมารีแล้ว หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเสร็จสิ้นการทำไพรมารี่ในวันที่ 27 มี.ค.ก็จะทราบว่า ทั้ง 400 คน 400 เขต เป็นใคร และบัญชีรายชื่อทั้ง 100 รายชื่อนั้นเป็นใครบ้าง เมื่อทางพรรคได้นำมาจัดทำไพรมารีแล้ว ก็จะทราบผลส่วนการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีการประกาศเขตเลือกตั้งออกมานั้น พรรคมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครใน กทม. 4 เขต ประกอบด้วย น.ส.สุภัสสรา ธงไชย เขตห้วยขวาง วังทองหลาง นสพ.อนันต์ ฤกษ์ดี เขตหนองจอก ลาดกระบัง และมีนบุรี น.ส.ศิริภา อินทรวิเชียร เขตธนบุรี คลองสาน ราษฏร์บูรณะ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ เขตบางขุนเทียน จอมทอง เนื่องจาก กกต. มีการปรับเขตเลือกตั้ง ทำให้พรรคจำเป็นต้องปรับตาม ส่วนใน 29 เขต ก็คงเดิมตามที่ได้ประกาศเปิดตัวไปแล้ว พร้อมกับเพิ่มเติมว่า เมื่อตระกูลม่วงศิริ อยู่กับเราแล้ว 2 คน เมื่อคุณสุวัฒน์ เข้ามาเพิ่ม ก็จะช่วยให้ทีมกรุงเทพฯ เข้มแข็งขึ้น ก็เชื่อว่ามีโอกาสฝ่ามาได้ทั้ง 3 ท่านในฝั่งธนฯ
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อนั้น เรามีครบทั้ง 100 ชื่อ เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะไม่เกิน 100 ชื่อ ที่จะต้องนำไปทำไพรมารี และประชาธิปัตย์ได้ส่งทั้ง 100 ชื่อ ที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาของพรรคในเบื้องต้น โดยจะรอผลจากการทำไพรมารีในวันที่ 27 มี.ค.นี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังไม่สามารถตอบในตอนนี้ได้ ส่วนเรื่องการจัดลำดับบัญชีรายชื่อนั้น ก็จะเป็นเรื่องที่กรรมการสรรหาจะต้องเป็นผู้พิจารณาและส่งให้กรรมการบริหารพิจารณาอีกครั้ง
เมื่อถามถึงเรื่องการจับขั้วเพื่อรวมเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักที่ได้ประกาศไปแล้วว่า เรายึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงข้างมากได้คนนั้นก็เป็นรัฐบาล ที่เหลือก็เป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับเสียงประชาชนหลังการเลือกตั้งว่า พรรคไหนจะได้เท่าไหร่ แล้วใครจะไปรวมกับใคร กลายเป็นเสียงข้างมากเสียก่อน เพราะฉะนั้นต้องนับหนึ่งที่การเลือกตั้ง
ส่วนการจับขั้วนั้นสามารถทำได้ แต่จะเกิดจริงได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมือประชาชน ใครจะไปจับกับใครอย่างไรก็จับได้ แต่สุดท้ายประชาชนเป็นผู้ให้คำตอบ ประชาธิปัตย์จึงบอกว่า เมื่อเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เราก็เคารพประชาชน เพราะฉะนั้นต้องให้ประชาชนเป็นคนแรกที่ให้คำตอบก่อน ว่าเขาจะให้พรรคไหนเท่าไหร่ และเมื่อถึงเวลานั้น พรรคก็จะพิจารณาว่าจะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร โดยอาศัยที่ประชุมพรรค และต้องเป็นมติด้วย
“พรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นประชาธิปไตยตัวจริง ตัวจริงทั้งประชาธิปไตยในพรรค และประชาธิปไตยนอกพรรคในระบบประชาธิปไตยสากล นี่คือสิ่งที่เรายึด ใครจะไปจับกับใครก็เป็นเรื่องของพรรคนั้น แต่ประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ไปจับกับใคร จึงตั้งหลักไว้ชัดเจนแล้วว่า ก็ต้องรอผลการเลือกตั้ง และเมื่อประชาชนให้คำตอบแล้ว เราก็จะตัดสินใจ เพราะต้องนับหนึ่งด้วยการเคารพเสียงประชาชนก่อน” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ในการรวมเสียงข้างมากนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นที่เท่าไหร่รวมกับที่เท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าเมื่อรวมเสียงประชาชนทั้งหมดแล้วใครมากกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะได้ที่เท่าไหร่ก็สามารถตั้งขั้วหรือจับขั้วรวมกันเป็นรัฐบาลได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ได้รับเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ที่ 2 จะเป็นรัฐบาล ที่ 3 ที่ 4 เป็นฝ่ายค้าน เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคที่ได้คะแนนมาเป็นลำดับ 1 ก็เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งก็เกิดขึ้นได้เพราะการรวมเสียง ดังนั้นประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสที่จะได้รับเสียงที่อยู่ในระดับที่สามารถรวมเสียงกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน
“สถานการณ์การเมืองตอนนี้ หลายพรรคก็ลงมาในขนาดที่พอๆ กัน หรือใกล้เคียงกัน อาจจะยกเว้นบางพรรคที่เสียงอาจจะโด่งไปบ้าง แต่ที่เหลือเสียงก็ใกล้ๆ กัน อาจจะมากน้อยแตกต่างกันอยู่ที่มือประชาชนนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าประชาธิปัตย์จะไม่มีโอกาส และประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสในการที่จะไปรวมเสียงข้างมากได้ ถ้าเราได้เสียงมากพอ แล้วก็มั่นใจว่าเที่ยวนี้เราจะได้ดีกว่าเดิมในทุกภาค ทั้งปักษ์ใต้ กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคเหนือ อีสาน ในหลายจังหวัดมีเสียงตอบรับดีมาก และผู้สมัครของเราก็มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเช่นกัน” นายจุรินทร์กล่าวในที่สุด (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดบทสนทนาป่ารอยต่อ! ชิงจับขั้วตั้งรบ.'บิ๊กป้อม-อนุทิน'ดีดตัวเลข ส.ส.'ใครชนะเอาไป')