"ธนกร"มั่นใจกระแส"บิ๊กตู่"ในกทม.เพิ่มขึ้นแน่เพราะผลงานชัด ชี้"บิ๊กตู่"จะลงปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ กก.บห.หารืออีกครั้ง ย้ำนโยบายภาคใต้รวมไทยสร้างชาติมุ่งมั่นพัฒนาศก.-ส่งเสริมการท่องเที่ยว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงภูมิภาค ส่งเสริมธุรกิจฮาลาลเติบโตเป็นผู้นำตลาดโลก อ้อน 14 พ.ค.นี้ ต้องเลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อให้"ลุงตู่"กลับมาบริหารประเทศ มั่นใจกวาด 25 ที่นั่งสนามเลือกตั้งภาคใต้
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลโพลที่สำรวจ พบว่า ประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรค รทสช.เป็นนายกฯ อันดับที่ 3 รองจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก ก.) จะมีกลยุทธ์หรือแนวทางการหาเสียงอย่างไรในพื้นที่ กทม.ว่า ด้วยนโยบายหลักๆ ของพรรค ทั้งเรื่องของบัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาท ผลงานการลงทุนต่อยอดในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมที่เกี่ยวกับกทม. และนโยบายการดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆ ให้กับประชาชน อย่างอาสาสาธารณสุขสมัครหมู่บ้าน (อสม.) เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาททุกช่วงวัย การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ คิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้กระแสความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลโพลต่างๆ เป็นสิ่งที่เรารับฟัง แต่ผลโพลไม่ใช่ผลการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พื้นที่ กทม.มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลถึงกระแสความนิยม เชื่อว่ายังมีเวลาที่จะสร้างกระแสให้กับพล.อ.ประยุทธ์ และเชื่อว่าผลงานที่ผ่านมาตลอด 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้คน กทม.เทคะแนนเพิ่ม เพราะช่วงเวลาที่มีปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ ก็สามารถจัดการแก้ปัญหาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด หรือการท่องเที่ยว อีกทั้งบ้านเมืองก็สงบ คิดว่าคน กทม.ชอบความสงบ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้คน กทม.ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกครั้ง
นายธนกร กล่าวต่อว่า ทางพรรค รทสช.ได้วางแผนไว้แล้วในด้านต่างๆ ทั้งยุทธศาสตร์การหาเสียง ส่วนการปราศรัยใหญ่ ทางพรรคได้เตรียมกำหนดการไว้แล้ว จะแจ้งกำหนดการปราศรัยตามสถานที่ต่างๆ ให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคจะต้องหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้งว่า มีความเห็นอย่างไร แต่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานกำหนดยุทธศาสตร์พรรค สมาชิกพรรค และเป็นหัวหอกในการลงพื้นที่หาเสียงด้วยตนเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนไว้วางใจพรรคอยู่แล้ว ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะลงปาร์ตี้ลิสต์หรอไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นอกจากนี้ นายธนกร กล่าวถึงนโยบายในการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้อัดงบลงพื้นที่ภาคใต้เป็นจำนวนกว่า 250,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งน้ำ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโครงการที่พรรครวมไทยสร้างชาติเล็งเห็นว่า จะต้องทำต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตามนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” โดยจะเดินหน้าสานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14.6 ล้านคน เป็นบัตรสวัสดิการพลัสเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาท การปล่อยกู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาท กองทุนฉุกเฉินประชาชน 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยประชาชนที่ลำบากลดเงื่อนไขการปล่อยกู้
ทั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติจะสานงานต่อทางด้านการท่องเที่ยว จากตัวเลขภาพรวมนักท่องเที่ยวของไทย ปี 2565 มีนักท่องเที่ยว 11 ล้านคน มีการตั้งเป้าว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยว 27.5 ล้านคน สร้างรายได้ 2.33 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการทำงานอย่างหนักของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ทำให้ประเทศก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 มาได้จนทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นและกลับมาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งการกลับมาของนักท่องเที่ยวจะช่วยกระจายเม็ดเงินสู่ชุมชน เกิดการสร้างอาชีพผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ภาคใต้ การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบจะทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนมีราคาดีขึ้น
นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม อาทิ แผนพัฒนาแลนด์บริดจ์เชื่อมภาคใต้ เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทางและขนส่ง ซึ่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้มีการศึกษาโครงการดังกล่าวมาแล้วทั้งการพัฒนาท่าเรือจังหวัดระนองและท่าเรือชุมพร รวมถึงการสร้างมอเตอร์เวย์และรถไฟทางคู่ แต่ทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและจุดคุ้มทุนทางเศรษฐกิจ ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะเชื่อมโยงการพัฒนาด้านการเกษตรในพื้นที่ด้วยเรื่องการกระจายผลผลิตและสินค้าทางการเกษตร และพรรครวมไทยสร้างชาติยังพร้อมผลักดันนโยบายการพยุงราคาสินค้าเกษตรเพื่อช่วยเกษตรกร
นายธนกร กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ยังมีโอกาสเติบโต เนื่องจากมีศักยภาพในหลายด้านรวมถึงการทำอุตสาหกรรมส่งออกอาหารฮาลาล ที่ปัจจุบันไทยส่งออกเป็นอันดับ 13 ของโลก หากพรรครวมไทยสร้างได้เข้ามาบริหารประเทศ ก็พร้อมที่จะส่งเสริมธุรกิจอาหารฮาลาลในตลาดโลกให้เติบโตมากขึ้น จึงอยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนโยบายที่ทำได้จริง และรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ ก็ทำสำเร็จมาแล้ว ดังนั้น ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ พี่น้องประชาชนที่รักลุงตู่ ต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และเลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อให้พลเอกประยุทธ์ได้กลับมาบริหารประเทศทำตามนโยบายที่พรรครวมไทยสร้างชาติหาเสียงไว้เพื่อพัฒนาประเทศและช่วยดูแลพี่น้องประชาชน โดยการเลือกตั้งภาคใต้มั่นใจว่า จะสามารถพาผู้สมัคร ส.ส.เข้าสู่สภาฯได้ไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่งจากทั้งหมด 60 ที่นั่งเพราะพรรคได้ผู้สมัครที่มีศักยภาพใกล้ชิดประชาชน อีกทั้งพรรคมีนโยบายที่ดีตอบโจทย์ประชาชน ที่สำคัญคนใต้รัก พล.อ.ประยุทธ์
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี