เพื่อไทยไม่โง่ยกเก้าอี้นายกฯให้
‘แม้ว’ดับฝัน‘บิ๊กป้อม’
ลั่นไม่เคยคุยกันมานาน17ปีแล้ว
100ปาร์ตี้ลิสต์รทสช.ไร้‘บิ๊กตู่’
แต่มีชื่อแคนดิเดตนายกฯพรรค
‘อนุทิน’แจงปมดีลจัดตั้งรัฐบาล
รอให้เลือกตั้งเสร็จจึงจะชัดเจน
ปชป.ส่งทัพใหญ่หาเสียงทั่วไทย
“บิ๊กตู่”ปัดตอบลงปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ และไม่ขอพูดเรื่องการเมืองอ้างทำหน้าที่นายกฯ บอกเวทีอื่นค่อยถามขอช่วยกันทำบ้านเมืองสงบเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง“ทักษิณ” ดับฝันดัน “บิ๊กป้อม” นั่งนายกฯโต้ไม่สื่อสาร “วิรัช” นานแล้ว ลั่นเพื่อไทยไม่โง่ยกตำแหน่งนายกฯให้ใคร“ธนกร”ย้ำนโยบายภาคใต้ “รทสช.”มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมธุรกิจฮาลาลผู้นำตลาดโลก อ้อนเลือกทั้งคนทั้งพรรคให้“ลุงตู่”กลับมาบริหารประเทศ มั่นใจกวาด 25 ที่นั่ง สนามเลือกตั้งภาคใต้ ด้าน“อนุทิน”ปัดดีลตั้งรัฐบาลร่วม
“พท.-พปชร.’ให้รอผลเลือกตั้งชัด บอกกินข้าว‘ลุงป้อม’ไม่แปลก ไม่ได้กินข้ามฟาก มีอัพเดตตัวเลขเลือกตั้งปกติ ไม่มีความลับ ดักทางหลังเลือกตั้ง สว.ยังร่วมโหวตนายกฯ แต่แค่พายเรือส่ง ชี้พรรคเล็กได้นั่งนายกฯลำบากแน่นอน ไร้เสถียรภาพ แย้ม เม.ย.จนถึงเลือกตั้ง ไม่อยู่ กทม.จ้องหาวันลาราชการลงพื้นที่
เมื่อเวลา 08.57น.วันที่ 27มีนาคม2566 ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานการประชุมสภาองค์การทหารผ่านศึก ครั้งที่ 1/2566 โดยไม่มีการแจ้งกำหนดการล่วงหน้า เมื่อถามว่า ได้ตัดสินใจลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว พร้อมส่ายหัวและชี้นิ้วไปยังห้องประชุม พร้อมเดินขึ้นไปทันที และกล่าวว่า ประชุมก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มาเข้าร่วมประชุมฯดังกล่าว เนื่องจากมีการเปิดตัวร่วมงานกับพรรคการเมืองไปแล้วจึงเกรงว่า อาจทำให้กระทบกับส่วนราชการ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนแปลงกระทันหันเข้าร่วมประชุมตามปกติ เนื่องจากสามารถทำได้ในฐานะนายกรัฐมนตรี
ปัดตอบดีลลับ‘แม้ว-ป้อม’ไม่พูดการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมสภาองค์การทหารผ่านศึก ครั้งที่ 1/2566 โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่นายกฯพูดถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งตรงกับที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พูดใช้เป็นมอตโตในการหาเสียง จะใช้เป็นมอตโตเดียวกันหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังสอบถามอีกถึงดีลลับระหว่างนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประวิตร โดยนายกฯส่ายศรีษะ พร้อมหันมากล่าวขอโทษสื่อมวลชนว่า ต้องขอโทษนะ วันนี้นายกฯทำหน้าที่อยู่ ฉะนั้นการเมืองไม่ควรจะมาถามนายกฯตรงนี้ ไว้บนเวทีอื่นแล้วกันค่อยมาถาม เมื่อนายกฯขึ้นนั่งบนรถได้รถกระจกลงพร้อมกล่าวว่า“โอเคทุกคนช่วยกันทำงานทำให้ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยเถอะ เราต้องเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ว่ากันไปตามนั้น ทำงาน งานยังมีอีกเยอะ”จากนั้นนายกฯส่งยิ้มหวานให้สื่อมวลชน ก่อนที่ขบวนรถจะเคลื่อนออกไปอย่างทำเนียบรัฐบาล
ชัดเจนไม่มีชื่อ’บิ๊กตู่’ใน100ปาร์ตี้ลิสต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้จัดทำรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสส.แบบบัญชีรายชื่อครบ 100รายชื่อแล้ว โดยเรียงลำดับตามตัวอักษรและจะนำรายชื่อทั้งหมดส่งไปทำไพรมารีโหวต เมื่อเสร็จจากขั้นตอนทำไพรมารีโหวต ก็จะนำรายชื่อส่งกลับมาให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า ในจำนวน 100รายชื่อนี้ไม่มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ รวมอยู่ด้วย แต่จะมีชื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ
‘ธนกร’อ้อนเลือก’รทสช.’เป้า25ที่นั่ง
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงนโยบายในการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ว่า 4ปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้อัดงบลงพื้นที่ภาคใต้กว่า 250,000ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งน้ำ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโครงการที่พรรครทสช.เล็งเห็นว่า จะต้องทำต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาพื้นที่ตามนโยบาย“ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”โดยจะเดินหน้าสานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิ 14.6ล้านคน เป็นบัตรสวัสดิการพลัสเพิ่มเงินเป็น 1,000บาท การปล่อยกู้ฉุกเฉิน 10,000บาท เบี้ยผู้สูงอายุ1,000บาท กองทุนฉุกเฉินประชาชน 30,000ล้านบาท เพื่อช่วยประชาชนที่ลำบากลดเงื่อนไขการปล่อยกู้
ดันอาหารฮาลาลสู่ตลาดโลกมากขึ้น
นอกจากนี้ พรรครทสช.จะสานงานต่อทางด้านการท่องเที่ยว โดยจากตัวเลขภาพรวมนักท่องเที่ยวของไทย ปี2565 มีนักท่องเที่ยว 11ล้านคน ตั้งเป้าว่าปี2566 จะมีนักท่องเที่ยว 27.5ล้านคน สร้างรายได้ 2.33 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการทำงานอย่างหนักของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำให้ประเทศก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 มาได้จนทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นและกลับมาท่องเที่ยวไทย ซึ่งการกลับมาของนักท่องเที่ยวจะช่วยกระจายเม็ดเงินสู่ชุมชน เศรษฐกิจภาคใต้ยังมีโอกาสเติบโต เนื่องจากมีศักยภาพในหลายด้าน รวมถึงการทำอุตสาหกรรมส่งออกอาหารฮาลาล ที่ปัจจุบันไทยส่งออกเป็นอันดับ 13ของโลก หากพรรครทสช.เข้ามาบริหารประเทศ ก็พร้อมจะส่งเสริมธุรกิจอาหารฮาลาลในตลาดโลกให้เติบโตมากขึ้น จึงอยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า นโยบายของพรรคเป็นนโยบายที่ทำได้จริงและรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำสำเร็จมาแล้ว
“ดังนั้นการเลือกตั้งในวันที่ 14พ.ค.พี่น้องประชาชนที่รักลุงตู่ ต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และเลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาบริหารประเทศ ทำตามนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้เพื่อพัฒนาประเทศและช่วยดูแลพี่น้องประชาชน โดยการเลือกตั้งภาคใต้มั่นใจว่า จะพาผู้สมัครส.ส.เข้าสู่สภาฯได้ไม่ต่ำกว่า 25ที่นั่ง จากทั้งหมด 60ที่นั่ง เพราะพรรคได้ผู้สมัครที่มีศักยภาพใกล้ชิดประชาชน อีกทั้งพรรคมีนโยบายที่ดีตอบโจทย์ประชาชน ที่สำคัญคนใต้รัก พล.อ.ประยุทธ์” นายธนกร กล่าว
‘สมศักดิ์’ไม่ตอบโต้โจมตีย้ายเข้าพท.
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีถูกโจมตีหลังเปิดตัวเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ว่า ยอมรับว่า มีกระแสโจมตีอยู่ไม่น้อย ทั้งจากนักการเมืองที่เคยร่วมงานกัน นักวิชาการ รวมถึงสื่อมวลชน แต่เป็นสิ่งที่ตนเข้าใจได้ เพราะอยู่ในช่วงหาเสียงที่อาจใช้วิธีดิสเครดิตแบบเดิม แต่ตนขอยืนยันว่า จะไม่มีการตอบโต้ ให้กลายเป็นประเด็นความขัดแย้ง เพราะตนไม่ถนัดสร้างศัตรู ซึ่งตลอดระยะเวลาทำงานการเมืองเพื่อพี่น้องประชาชน ตนไม่เคยมีคู่ขัดแย้ง เพราะทำงานได้กับทุกฝ่าย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
“เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผมยินดีน้อมรับฟัง เพราะเป็นคนเปิดกว้าง โดยถ้าสิ่งไหนที่มีเหตุและผล ผมก็พร้อมที่จะนำไปแก้ไขปรับปรุง แต่ถ้าจะให้ไปตอบโต้กันผ่านสื่อมวลชน ผมมองว่า ไม่มีประโยชน์กับประชาชน รวมถึงจะไม่ได้เป็นการสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ดี ซึ่งที่ผ่านมา ผมทำงานการเมืองแบบสายกลาง ที่ร่วมงานได้กับทุกฝ่าย หรือ ก้าวข้ามความขัดแย้งได้อย่างแท้จริง เพราะผมสามารถเป็นรัฐมนตรีได้ถึง 14 ครั้งในหลายขั้วรัฐบาล สามารถผลักดันโครงการต่างๆช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเป็นแนวทางในการทำงานการเมืองตลอด 40 ปี ที่ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้แต่ครั้งเดียว” นายสมศักดิ์ กล่าว
พท.ตั้งทีมแก้ปัญหาสังคม-เหลื่อมล้ำ
ที่พรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวแต่งตั้ง“คณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรมและความเสมอภาคเท่าเทียม”
นายประเสริฐ กล่าวว่า สภาพปัญหาด้านสังคมของประเทศขณะนี้ ได้สร้างผลกระทบในภาพรวมต่อการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน กระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบท เป็นสังคมเมือง การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด อาชญากรรม การทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาของรัฐธรรมนูญและระบบการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นสองมาตรฐาน และปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวนับวันจะมีความซับซ้อนและรุนแรง จำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขด้วยการปฏิรูปสังคม ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นประชาธิปไตยและความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อให้สังคมของไทยกลับมาสู่สังคมแห่งความสมานฉันท์ อยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีความเท่าเทียมกัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาดังกล่าว
ฝันกลางวันสยบดีล’บิ๊กป้อม’นายกฯ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวหาว่า มีการตกลงกันยอมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอชี้แจงว่า พรรค พท.โดยคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะร่วมรัฐบาลกับใครหรือไม่ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันเดินหน้ารณรงค์หาเสียงให้เลือกพรรคเพื่อไทยได้ สส.ในสภาให้ถึง 310เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะขณะนี้ปัญหาของประเทศ คือ สว.250 คน ที่ถือว่าเป็นตัวปัญหา หากพรรคเพื่อไทยได้ 310เสียงขึ้นไป ไม่มีเหตุผลใดที่จะจับมือกับใคร มีเงื่อนไขเดียว คือจับมือกับพรรคการเมืองที่มีกรอบความคิดตรงกัน หรือฝ่ายค้านที่เคยทำงานร่วมกันมา
“การมีคนพยายามที่จะโหนพรรคพท.เพื่อทำลายอำนาจที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน คนที่จะตัดสินใจการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและตัดสินใจว่า ใครเป็นรัฐบาล คือประชาชน ถ้าคะแนนเสียงออกมาอันดับ 1 พรรคนั้นก็ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล อันดับถัดมาก็จะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับถัดไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆเรื่อง จึงขอย้ำอีกครั้งการจับมือกับพปชร.จะจับมือพรรคนั้นพรรคนี้ เป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งสิ้น หรือมีเจตนาแอบแฝงที่จะฉุดรั้งความนิยมของประชาชนออกไปจากเรา ขอให้ประชาชนมั่นใจ วันนี้พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นเป็นรัฐบาลให้ได้ เพื่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เกิดขึ้นและจะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ขอความเป็นธรรมให้พรรคเพื่อไทยและประชาชนด้วย” นายภูมิธรรม กล่าว
‘แม้ว’ยัน’พท.ไม่โง่ยกนายกฯให้บิ๊กป้อม
จากกรณีเมื่อวันที่ 25มีนาคมที่ผ่านมา นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นระบุ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่30 แต่มีหลายคนตั้งคำถามว่าไม่พบข้อมูลดังกล่าวในหน้าสื่อต่างประเทศและนำข้อมูลมาจากไหนมาเปิดเผย โดย นายวิรัช มั่นใจในข้อมูลดังกล่าว พร้อมโยนเรื่องให้ นายทักษิณ โฟนอินตอบเอง
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายทักษิณ ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทางทวิตเตอร์ @ThaksinLive ยืนยันว่า ตอบ วิรัช “เรื่องยกตำแหน่งนายกฯให้ป้อม”1.ผมไม่ได้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทย 2.ผมไม่เคยสื่อสารกับคุณวิรัชมานานมากแล้ว อีกทั้งไม่เคยคุยกับ พล.อ.ประวิตร มา17ปีแล้ว 3.ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง เชื่อว่าพรรคไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกฯให้’ป้อม’
‘อนุทิน’ตอบชัดดีลตั้งรัฐบาลพท.-พปชร.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดีลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งมองกันว่าพรรค ภท.จะอยู่ในสมการนั้นด้วย ว่า ยังไม่รับทราบเรื่องพวกนี้เลย อ่านจากข่าวเหมือนกัน ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยใดๆเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รอเลือกตั้งดีที่สุด หลังการเลือกตั้งทิศทางจะออกมาเอง รอผลเลือกตั้ง
กินข้าวพรรคร่วมเรื่องปกติ-ไม่ข้ามฝาก
เมื่อถามว่า การไปทานข้าวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.2รอบ มีการพูดคุยถึงการจับมือจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดมากไปหรือเปล่า ทำงานมาด้วยกัน 4ปี กินข้าวกันมันแปลกตรงไหนและตนไม่ได้ข้ามฟากไปกินกับอีกฟากหนึ่ง ก็กินกันอยู่ในนี้มันเป็นเรื่องปกติมากกว่า หากจะพูดคุยความลับกันจริงๆพูดคุยเรื่องที่มีการวิเคราะห์ออกมาตามสื่อที่ไปตั้งรัฐบาลให้ใครเป็นนายกฯถ้าจริงคงไม่คุยกันแค่ 8คนมั่ง ใช่ไหม อันนั้นไม่มีความลับอะไร เป็นการไปกินข้าวกันธรรมดา เมื่อถามว่า นอกเหนือจากการคุยเรื่องทางการเมืองแล้ว มีข่าวว่าไปคุยเรื่องคดีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ หลังหยุดปฏิบัติหน้าที่รมว.คมนาคม นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีเลย นายศักดิ์สยาม มั่นใจในข้อกล่าวหาว่าเขาสามารถเตรียมเอกสารไปแก้ข้อกล่าวหาได้ การไปกินข้าวเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของราชการและไม่ใช่เรื่องของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใครที่โดนเขาก็มีหน้าที่ชี้แจงไป
ใครนั่งนายกฯยึดตามหลักกติกาสากล
เมื่อถามว่า ในพื้นที่อีสานไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ หลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาโจมตีหลายๆเรื่อง นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตอนที่มีเรื่องนี้ออกมา เราก็เร่งทำโพลในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ก็เห็นแล้วว่า มีโพลออกมาบอกว่า เราไม่ได้รับผลกระทบอะไร ตรงกันข้ามคะแนนนิยมในตัวบุคคลของ ภท.มีมากขึ้น ถามว่า ถ้าอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯพรรค รทสช.ได้คะแนนน้อยกว่า ภท.จะหลีกทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กติกาสากลมีอยู่แล้ว อย่าเพิ่งถามเลย ถามตรงนี้หากบอกคนนี้น้อยคนนี้มากคนได้น้อยจะไม่พอใจ หรือเสียกำลังใจ กติกาสากลมีอยู่แล้ว คะแนนมากจะต้องทำตัวอย่างไร คะแนนน้อยต้องทำตัวอย่างไร เรื่องการเมืองไม่พ้นกติกาสากลเหล่านี้หรอก อย่าไปกังวล รอผลการเลือกตั้งออกมาให้นิ่งและชัดเจนก่อน ไม่ต้องไปรอรับรองอย่างเป็นทางการหรอก อย่างที่ตนเรียนเย็นวันที่ 14พ.ค.4-5ทุ่ม มันก็พอเห็นเค้าลางแล้ว แล้วเราค่อยดำเนินการอะไรจากนั้นไป ตอนนี้พูดอะไรไปสิ่งที่ตนกลัวที่สุดคือ มันจะเหมือนกับว่า ไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน ฉะนั้นตนจะไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องทิศทางใดๆจนกว่าผลการเลือกตั้งจะออกมา
รวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งคนนั้นชนะไป
“แต่ในที่สุดนายกฯต้องอยู่ได้เพราะสส.แต่ท่านสว.ภายเรือมาส่ง แต่จะอยู่คอยประคับประคองไม่ได้ มีปัญหามานั่งเรือสว.ไม่ได้ พายเรือมาแล้วต้องมาส่งทอดเข้าไปในเรือสส.สุดท้าย ถ้าส.ส.พวกไม่มากพอก็อยู่ไม่ได้ แล้วใครเขาอยากจะไปอยู่ในสภาพนั้น ผมไม่กังวลตรงนั้นเลย ถ้ารวบรวมเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสส.จัดตั้งรัฐบาลยากลำบากแน่นอน นี่คือเหตุผลที่ผมถึงบอกว่า ยังไม่ไปคิดถึงเรื่องนั้นหรอก คิดในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบก่อนคือพรรค ภท.ต้องพยายามทำให้ได้ที่นั่งในสภาฯจากประชาชนให้ได้มากที่สุด มันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การบริหารการเมืองเป็นไปได้เรียบร้อยมากยิ่งขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
ปชป.ดันโปรโมทนโยบายเข้าถึงปชช.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคปชป.เปิดเผยก่อนการประชุมทีมสื่อสารนโยบายพรรค โดยมีกรรมการบริหารพรรคฯ,กรรมการฯยุทธศาสตร์,อดีตสส.และว่าที่ผู้สมัคร ว่า เป็นการประชุมที่เรียกว่า การประชุมลำโพงพรรคปชป.โดยผู้มาร่วมประชุมจะเป็นผู้นำนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคไปขยายผลและขับเคลื่อนผ่านสื่อและเผยแพร่ต่อประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้การสื่อสารในนามพรรคฯตรงกันและเป็นการสะท้อนว่า พรรคพร้อมจะก้าวสู่การเลือกตั้ง
สำหรับผลการสำรวจของนิด้าโพลที่ระบุว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ติด1ใน10ของคนที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ครั้งที่แล้วพรรคฯไม่ได้ สส.ในพื้นที่กรุงเทพฯแม้แต่คนเดียว ครั้งนี้คาดว่า น่าจะได้หลายคน จากลงพื้นที่มั่นใจคะแนนทั้ง สส.เขตและบัญชีรายชื่อ เพราะเสียงตอบรับใกล้เคียงกัน บางคนถึงขนาดบอกว่า รอบที่แล้วไม่ได้เลือก แต่ครั้งนี้จะเลือก จึงต้องขอบคุณที่จะกลับมาสนับสนุนปชป.อีกครั้ง เพราะพรรคอยู่คู่ประเทศมาโดยตลอด ขอให้มั่นใจว่าจะไม่พาประเทศหลงทาง
คลอดผู้สมัครครบ2ระบบ29มี.ค.นี้
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการเตรียมผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อว่า จะประชุมกก.บห.เพื่อรับรองบัญชี สส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อวันที่ 29มีนาคม ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามข้อบังคับพรรคและกฎหมาย โดยจะต้องผสมไปตามสัดส่วนผู้มีความรู้และความเหมาะสม จากผู้อาวุโส คนรุ่นใหม่ สตรีและจากหลากหลายภาคส่วน พร้อมย้ำว่า จะจัดทัพหัวหน้าพรรคฯ เลขาธิการพรรคฯ และอดีตหัวหน้าพรรคฯ ขับเคลื่อนทั่วประเทศเพื่อหาเสียงอย่างมีเอกภาพ ซึ่งได้คุยกับทุกคนต่างยื่นยันพร้อมหาเสียงทั่วประเทศ
เปิดตัวผู้สมัครภาคเหนือครบ68เขต
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ ได้เปิดตัวว่าผู้สมัคร ส.ส.ที่เหลือ 12เขตและบัญชีรายชื่ออีก 3คน โดย นายนราพัฒน์ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัครคือ จ.พิษณุโลก น.ส.ปุญชรัสมิ์ ศิริสวัสดิ์ เขต 2 นายวิมล สารมะโน เขต3 นายพลิ้ง บุญแสงสวัสดิ์ เขต 5 จ.เชียงราย นายไอใจ ปู่หมื่อ เขต 1 ซึ่งเป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์ นายนิกร จันทร์หอม เขต2 นายหาญ ดอนลาว เขต3 นายปิยะวัฒน์ ปิยะวัฒน์หิรัณย์ เขต 7 จ.แพร่ นายสุรกิจ ศิริวาท เขต1 นายวิโรจน์ ยิงช้าง เขต2 นายมงคล ภัทรทิพย์มงคล เขต3 จ.ตาก น.ส.ถนอมจิต แสงงาม เขต 2 ซึ่งลงสมัครแทนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต ส.ส.ตาก ปชป. ที่ประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ จ.น่าน นายเรืองเดช จอมเมือง เขต3 ซึ่งเป็น ส.อ.จ.น่านเขต 1 และยังเป็นผู้ร่วมจัดตั้งมูลนิธิกลุ่มฮักเมืองน่าน ส่วนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีราย คือ 1.นายณัฐชา ลิขิตกิตวรกุล 2.นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล 3.นายฉัตรณพัฒน์ เทียนมงคล
เสนอชื่อ’จุรินทร์’นั่งนายกฯคนเดียว
นายนราพัฒน์ กล่าวอีกว่า ถือว่าภาคเหนือได้เปิดตัวผู้สมัคร สส.ครบทั้ง 68 เขตเลือกตั้ง และมีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้แน่นอน มั่นใจว่าจะได้ สส.ภาคเหนือมากขึ้นกว่าเดิม และจะทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะครั้งที่เราเคยได้ สส.สูงสุด 13คน เราคิดว่าจะได้เกินเป้าหมายและจะนำพรรค ปชป.กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ทั้งนี้มั่นใจว่าจะทำให้พรรค ปชป.ชนะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเสนอ นายจุรินทร์ เป็นนายกฯ
ขณะที่ นายจุรินทร์ กล่าวยืนยันว่า ทุกคนที่ตัดสินใจมาร่วมอุดมการณ์กับเรา ท่านตัดสินใจไม่ผิด และถ้ายังต่อสู้ทางการเมืองอย่างมั่นคงต่อไป ท่านจะได้อยู่กับพรรคที่ตนยืนยันว่า มีอนาคต และพรรค ปชป.ก็พร้อมให้อนาคตกับทุกคนที่มาร่วมอุดมการณ์กับพรรค ปชป.ที่สำคัญคือจิตวิญญาณที่มารับใช้ประชาชนพรรค ปชป.ไม่เคยจืดจาง และหวังว่าทุกคนจะมีจิตวิญญาณเดียวกันกับพรรค