วันที่ 30 มีนาคม 2566 นายอภิมุข ฉันทวานิช ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส. เขตยานนาวา-บางคอแหลม พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความกังวลต่อข้อมูลผู้ป่วยจากโรคที่มาจากมลพิษทางอากาศ โดยกระทรวงสาธารณสุข และได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่ทำได้จริง และทันที เพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพของคนไทยต่อโรคที่มาจากมลพิษทางอากาศ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ 

“ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลการเฝ้าระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 19 มีนาคม ที่ผ่านมา 

ประเทศไทยมีผู้ป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ รวมแล้ว 1,730,976 ราย โดยในสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา กว่า 2 แสนราย 

กลุ่มโรคที่พบสูงสุด ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ 

ทางสาธารณสุขให้ข้อแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการออกนอกอาคารโดยไม่จำเป็น ปิดประตูหน้าต่างที่บ้านให้มิดชิด หากทำห้องปลอดฝุ่นได้ ให้เก็บตัวอยู่ในห้องนั้น และถ้ามีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที 

เราต้องทนอยู่กับฝุ่นพิษกันแบบนี้จริงหรือครับ?

ผม และพรรคประชาธิปัตย์ โดยพี่เอ้ ศ.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จะไม่ยอมอีกต่อไป นโยบายประกาศสงครามกับฝุ่นพิษ PM 2.5 ของเรา คือแนวทางการลดความเสี่ยงทางสุขภาพของประชาชนที่ดีที่สุด โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นพิษใน กทม. 

เราจะคืนอากาศบริสุทธิ์ให้ประชาชน ด้วยการผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ที่มาจากความต้องการของหลายฝ่าย สู่การบังคับใช้เป็นกฎหมายทันที 

กทม. 16 เขตชั้นใน ต้องเป็นเขตมลพิษต่ำ รวมไปถึงการปรับเพิ่มภาษีสำหรับต้นทางของการปล่อยฝุ่นพิษ และให้สิทธิทางภาษีแก่พื้นที่สีเขียวตามอัตราที่กำหนด 

สำคัญที่สุด คือ กฎหมายที่มีต้องบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพทันที รถควันดำ จับ ปรับ หยุดใช้งาน โรงงานปล่อยมลพิษเกินค่าที่กำหนด จับ ปรับ เตือน และอาจไปถึงการยึดใบอนุญาต 

รวมไปถึงการตรวจสภาพรถ-เรือโดยสารสาธารณะ และรถยนต์ส่วนตัว ที่ต้องเพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ต้องรณรงค์ในเรื่องการเผาขยะ ให้ทราบถึงผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อที่ชาวชุมชนจะช่วยกันในการสอดส่องดูแล 

ผมเชื่อว่า ถ้านับหนึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายที่มี ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้น เพิ่มความเข้มข้นด้วยการส่งกฎหมายอากาศสะอาดสู่การพิจารณา และบังคับใช้ทันที มีเขตมลพิษต่ำในพื้นที่การจราจรหนาแน่น และให้นโยบายด้านภาษีทำงานในการควบคุม และส่งเสริม 

ทั้งหมดนี้ คือ อาวุธสำคัญที่จะทำให้ PM 2.5 ไม่เป็นปัญหาทางสุขภาพของคนไทยอีกต่อไป 

สนับสนุนเราเข้าไปคืนอากาศบริสุทธิ์ให้แก่พี่น้องประชาชน ด้วยชุดนโยบายที่ทำได้จริง และทันที ภายใต้ทีมงานที่มีประสบการณ์ 

ผมจะไม่หนีอีกต่อไป!!
ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ต้องจบที่รุ่นเรา”