ปลัดมท.น้อมนำพระดำริ
‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’สู่ความยั่งยืน
แถลงประกวด‘ผ้าลายดอกรักราชกัญญา’
ปลัดมท.น้อมนำพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” สู่ความยั่งยืน นำแถลงประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” เชิญชวนกลุ่มผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP และช่างหัตถกรรม ทั่วประเทศ ส่งผลงานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม-4 สิงหาคม 2566 ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอในพื้นที่ภูมิลำเนา
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 เมษายน 2566 ที่มณฑาทิพย์ ฮอลล์ ต.หมากแข้งอ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยพร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ดร.ศรินดา จามรมาน ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย นายศิริชัย ทหรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านผ้าไทย นักออกแบบและเจ้าของแบรนด์ THEATRE นายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข นักออกแบบเจ้าของแบรด์ WISHARAWISH นายพลพัฒน์ อัศวะประภา นักออกแบบเจ้าของแบรนด์ASAVA นายภูภวิศ กฤตพลนารา นักออกแบบเจ้าของแบรนด์ ISSUE ร่วมแถลงข่าวโครงการประกวดผ้าลายพระราชทาน“ผ้าลายดอกรักราชกัญญา”และงานหัตถกรรม โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าฯอุดรธานี นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว นายสุรศักดิ์ อักษรกุล นายเจนเจตน์ เจนนาวิน นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร รองผู้ว่าฯอุดรธานี นายวิฑูรย์ นวลนุกูล นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผศ.รวิเทพ มุสิกปาน อ.กรกลด คำสุข อ.นุวัฒน์ พรมจันทึก ผู้เชี่ยวชาญด้านการย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการOTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ช่างทอผ้า และช่างหัตถกรรม และสื่อมวลชน ร่วมรับฟัง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นับเป็นบุญของคนไทยทุกคนที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเพียรพยายามมามากกว่า 50 ปี นับเนื่องตั้งแต่ที่บ้านนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนมในปี2513 ก่อกำเนิดเป็นศูนย์ศิลปาชีพแห่งแรกในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพัฒนาเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ และยิ่งเป็นความโชคดีของพวกเราคนไทยทุกคนที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปณิธานที่มุ่งมั่นแน่วแน่ในการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ด้วยการทรงเข้ามาสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงลงมาเป็นหัวขบวนในการขับเคลื่อนการพัฒนายกระดับและส่งเสริมให้ผู้คนได้เห็นคุณค่าของผ้าไทย และพระราชทานโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพราะผ้าไทยนั้นไม่ใช่แค่เครื่องนุ่งห่มที่เรามีไว้เพื่อให้เกิดความสวยงาม แต่ผ้าไทยยังเป็นเครื่องมือในการที่จะพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องในชนบทอีกเป็นล้านครอบครัวให้ได้มีรายได้ที่ดี ซึ่งพระองค์ท่านทรงมุ่งหวังในการที่จะช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ท่านให้ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยทรงนำองค์ความรู้ทางวิชาการที่ทรงศึกษา ทั้งเรื่องของแฟชั่นสมัยใหม่ ศิลปะ การตลาด มาต่อยอดสิ่งที่สมเด็จย่าของพระองค์ได้ทำไว้ให้กับช่างทอผ้าและคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า”ต่อยอดเป็นสิ่งที่ยาก”แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตรราชกัญญา สิ่งมหัศจรรย์จึงได้เกิดขึ้น มีตัวอย่างความสำเร็จ เช่น แบรนด์ขวัญตาของน้องอ๋อย สุมามาลย์ เต๊จ๊ะ ที่สามารถน้อมนำพระราชดำริ มาทำให้เกิดเป็นผืนผ้าที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ตามแฟชั่นสมัยใหม่สอดคล้องความต้องการของตลาด
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่พระองค์ท่านได้พระราชทาน นอกจากการทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว คือ เรื่องความรู้และการคำนึงถึงความยั่งยืนของโลกเรา ดังคำกล่าวที่ว่า No plan B because we have only one planet “เรามีเพียงแผนเดียวเท่านั้นเพื่อโลกใบเดียวนี้ เราต้องช่วยกันรักษาและช่วยกันทำเดี๋ยวนี้” ซึ่งพระองค์ได้ทรงทำให้ผ้าไทยในทุกวันนี้ได้ช่วยรักษาโลกใบนี้ เพราะพระองค์ทรงสอนให้เราใช้สีธรรมชาติ ใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้เส้นไหมจากโรงงาน ไม่ใช้เส้นฝ้ายจากโรงงาน แต่เป็นเส้นไหมเส้นฝ้ายที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเรา ด้วยการปลูกฝ้าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปลูกต้นไม้ให้สีธรรมชาติ เอาสิ่งรอบตัวจากธรรมชาติมาผสมผสาน ใช้ย้อมสี ซึ่งด้วยพระอัจฉริยภาพดังกล่าว กลายเกิดเป็น Sustainable Fashion หรือ “แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” จนล่าสุดองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก ได้รับรอง carbon footprint ว่าผ้าไทยเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เพราะไหมและฝ้ายที่ทุกคนได้น้อมนำพระดำริมาขับเคลื่อนนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นผืนผ้ารักษ์โลก นอกจากนี้ พระองค์ยังได้พระราชทานพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน:Sustainable Village”ให้ชาวมหาดไทยทั้ง 878อำเภอ7,255ตำบล ได้น้อมนำมาส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งการสวมใส่ใช้ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน การพึ่งพาตนเอง ปลูกพืชผักสวนครัวที่เป็นผักปลอดภัยปลอดสารพิษไว้รับประทาน ช่วยลดรายจ่าย ทำให้มีเงินในกระเป๋าเหลือมากขึ้น คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนและมีการคัดแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือน รวมทั้งถ่ายทอดประเพณีวัฒนธรรมองค์ความรู้ของชุมชน/หมู่บ้าน เพิ่มมากขึ้น
กระทั่งล่าสุดคณะจากองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้เชิญรองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ไปดูงานที่บ้านโก่งธนู อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี และยกย่องสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาว่า ทรงเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนที่ก่อให้เกิดการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเกิดขึ้น โดยทรงเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนผ้าไทยสู่ความยั่งยืนโดยองค์รวม เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงขอให้พวกเราได้ช่วยกันน้อมนำพระดำริ ทำให้เกิดการขยายผลไปยังพี่น้องประชาชนช่างทอผ้าและคนไทยทั่วประเทศ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ด้าน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินโครงการประกวดผ้าลายพระราชทาน“ผ้าลายดอกรักราชกัญญา”โดยมีเป้าหมายกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ช่างทอผ้าและงานหัตถกรรม ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวม5,000ชิ้น ร่วมโครงการฯเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชน ดำเนินการพัฒนาผ่านการประกวดผ้าลายพระราชทาน“ผ้าลายดอกรักราชกัญญา”เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1พฤษภาคม-4สิงหาคม2566 ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอ ในพื้นที่ภูมิลำเนาของผู้สมัคร โดยการตัดสินการประกวดระดับภาค และรอบก่อนรองชนะเลิศ กรมการพัฒนาชุมชน ได้กำหนดพื้นที่5จุดดำเนินการ ในระดับภาค4ภาคและรอบก่อนรองชนะเลิศ ได้แก่ 1.ภาคกลาง ระหว่างวันที่ 18-19สิงหาคม2566 2.ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 25-26สิงหาคม2566 3.ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 1-2กันยายน2566 4.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 8-10กันยายน2566และ5.กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 23-24กันยายน 2566 (รอบก่อนรองชนะเลิศ) การตัดสินการประกวดระดับประเทศ รอบรองชนะเลิศ (Semi Final) ในวันที่ 30 กันยายน 2566 และรอบตัดสินระดับประเทศ (Final) ในวันที่ 31ตุลาคม2566
นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์การประกวดในปีนี้ ผู้ที่จะส่งผ้าเข้าประกวดต้องเป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP หรือช่างทอผ้า หรือช่างงานหัตถกรรมที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่สมัครเข้าประกวด โดยมีหลักเกณฑ์ เช่น ผู้ส่งผ้าหรืองานหัตถกรรมลายพระราชทานเข้าประกวดให้ส่งตามภูมิลำเนาที่ผลิตและผ้าที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นผ้าทอมือ หรือทำจากมือเท่านั้น ไม่รับพิจารณาผ้าที่ทอจากกี่กระตุกหรือระบบอุตสาหกรรม โดยต้องเป็นผ้าที่ตัดจากกี่ ไม่ผ่านการซัก อบ รีด หรืออาบน้ำยาเคมีใดๆ(Authentic) ยกเว้น ผ้าบาติก/ผ้าพิมพ์ลาย/ผ้ามัดย้อมและไม่รับพิจารณาผ้าที่เย็บเป็นถุง/เย็บริมผ้าด้วยจักรและผู้ที่ส่งผ้าและงานหัตถกรรมเข้าประกวด ต้องเป็นไหมพันพื้นบ้าน หรือฝ้ายเข็นมือและต้องระบุแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้อย่างละเอียด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี