‘วิเวียน ชาติพัฒนากล้า’ดีกรีวิศวกรพลังงาน เชื่อมั่นนโยบายพรรคดี ไม่เน้นลดแลกแจกแถม แต่หาเงินสร้างอนาคตประเทศ มั่นใจ ปักธง จัตุจักร-หลักสี่ได้ แม้เป็นผู้สมัครหน้าใหม่
18 เมษายน 2566 นางสาววิเวียน จุลมนต์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 8 (จตุจักร-หลักสี่) เบอร์ 10 พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า แม้ในพื้นที่จะมีการแข่งขันกันสูง จากพรรคการเมืองที่มีทั้งฐานเสียงและคะแนนนิยม แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่กลัว ถ้าติ๊กตอก ชนะเฟซบุคได้ เราก็สามารถชนะได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะเราเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีการออกแบบมาอย่างดีเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ อยากให้คนไทยทุกคนมีสติในการเลือก โปรดดูที่นโยบาย คิด ไตร่ตรองว่านโยบายพรรคไหน ใส่ใจประเทศในระยะยาว เพื่อตัวเราวันนี้ วันหน้า และเพื่อลูกหลานของเราในอนาคต
นางสาววิเวียน กล่าวถึงกลยุทธ์ในการหาเสียงว่า เราเน้นแนะนำตัวรายบุคคล บอกชื่อ บอกหมายเลข เพราะเราเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ จากนั้นเราจะแนะนำว่าเรามีหัวหน้าพรรคชื่อ นายกรณ์ จาติกวณิช ที่ครั้งหนึ่ง ทั่วโลกยกให้เป็นรัฐมนตรีคลังโลก ซึ่งเป็นเครื่องการันตี ถึงความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินอย่างสูง และเมื่อถามถึงเหตุผลของการลงการเมือง ทั้งที่ตัวเองก็ จบปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นติวเตอร์กลุ่มวิชาเทคโนโลยีการจัดการและวิชาการเงิน SIIT มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในสถาบัน Apogee และวิศวกรฝ่ายขาย บริษัท โดนัลด์สัน(ประเทศไทย) จำกัด เป็นงานที่มั่นคงอยู่แล้ว ซึ่งตนก็จะบอกว่า วันที่เราเป็นวิศวกร เราดูด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการอากาศ การจัดการของเสีย ตอนนั้นเราดูเรื่องของการบำบัดขยะ เรามองว่าบางที่มีระบบการจัดการที่ดี แต่บางที่การจัดการยังดีไม่พอ การที่ทำแล้วดีไม่พอ ด้วยความที่ความหละหลวมของกฎหมาย ยังไม่มีความทันสมัย เราก็ตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่มีการออกกฎหมายมาบังคับใช้ หรือมีการออกแบบให้ทันสมัยเข้ากับยุค การเป็นนักวิชาการเขียน คอมเมนท์ในโซเชียลมีเดียก็เท่านั้น แต่ถ้าเราเข้าไปเป็นนักการเมือง ได้ออกหมาย ปรับปรุงกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ล้ายังล้าหลังมาก
“พอดีช่วงนั้น คุณกรณ์ ตั้งพรรคกล้า และเปิดรับสมัครผู้กล้า ใครมีความเชี่ยวชาญด้านไหน ให้เขียนเข้ามาเลยคุณกรณ์ยินดีรับฟัง เราก็เขียนเข้าไป ว่าเราอยากช่วยเรื่องบำบัดขยะ เรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชน เบื่อมากที่เมื่อเห็นโรงไฟฟ้าจะสร้างทีไร คนจะออกมาประท้วง เพราะคนทั่วไปยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการขยะ ก็คิดว่า มันจะเกิดขึ้นได้ มันต้องเกิดจากภาคการเมือง และคนที่ทำการเมือง ก็ต้องการจัดการจริงเราจึงเสนอตัว มาทำงานด้านนี้” ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมเลือกถึงเลือกพรรคชาติพัฒนากล้า นางสาววิเวียน กล่าวว่า เพราะพรรคชาติพัฒนากล้า มีหัวหน้าพรรคชื่อ กรณ์ ซึ่งเป็นคนให้โอกาสคนที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคม สอดรับกับนโยบายของพรรคที่เน้นเรื่องโอกาสนิยม ขณะเดียวกันคนในพรรคเองก็ผสมผสานด้วยคนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ การจะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในบ้านเมือง นี่จึงเป็นโอกาสว่าเราจะใช้บุคคลอย่างไรให้เหมาะสม แต่ทุกวันนี้การเมืองไทยไม่เป็นเช่นนั้น
นางสาววิเวียน กล่าวว่า สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ก่อนคือ ฝุ่น pm 2.5 ก่อนหน้านี้รัฐบาลมักจะพูดว่า ฝุ่นมาจากรถยนต์ แต่ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา รถวิ่งบนถนนน้อยมาก แต่ฝุ่นก็ยังมหาศาล นั่นหมายความว่าปัญหาฝุ่นไม่ได้มาจากรถยนต์เป็นหลักแต่น่าจะมาจากการเผาในที่โล่ง เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องถูกจัดการอย่างเร่งด่วน และการเผามาจากภาคการเกษตร การเผาไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เราเข้าใจสัมมาชีพ แต่มันก็มีทางออกคือเปลี่ยนวิถีเกษตรเลิกปลูกข้าวโพด มาปลูกป่า ตามนโยบายพันธบัตรป่าไม้ และรัฐต้องเป็นเจ้าภาพในการจัดการรายได้รายเดือนให้กับเกษตรกร และมีส่วนแบ่งกำไรจากการตัดขายในอนาคต ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาในประเทศ แล้วเพื่อนบ้านยังเผาอยู่ ต้นไม้จะช่วยซับฝุ่น และกรองฝุ่นได้มาก และยังเป็นประโยชน์ในเรื่องของคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะเป็นรายได้อีกทางของเกษตรกรด้วย
นางสาววิเวียน กล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายลดแลกแจกแถม ที่หลายพรรคนำมาสู้กัน ในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น พรรคชาติพัฒนากล้าไม่กังวลเลย เพราะนโยบายเราถูกออกแบบมาเพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่ดี จากนโยบายเฉดสี ถ้าเราสามารถทำได้ ก็จะสามารถดึงเงินเข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทได้ใน 4 ปี เช่น การท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง จ.ภูเก็ต ต่างชาติส่วนใหญ่มาเป็นคู่ หรือครอบครัว ถ้าเราทำให้เขาอยู่นานขึ้น ธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งที่พัก อาหาร เช่ารถ และอื่น ๆ ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย และหากทำแบบเดี่ยวกันให้เกิดขึ้นทั้ง 77 จังหวัดได้ โดยเสริมเรื่องเศรษฐกิจสายมู คนไทยรวยแน่นอน
“นโยบายพรรคเราสรุปง่าย 3 คำ คือ รื้อ เร่ง รวย โดยรื้อคือ รื้อโครงสร้าง 4 ด้าน คือ 1.พลังงาน เพราะค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า เป็นต้นทุนของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต จึงต้องรื้อเพื่อให้ ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้าถูกลง 2.รื้อระบบสินเชื่อ โดยการยกเลิกแบล็กลิสต์ ถ้าคนที่ติดแบล็กลิสต์จะรู้ว่าเหมือนติดคุก 3 ปี ถ้าเราต้องหาเงินหมุน ก็ต้องพึ่งหนี้นอกระบบ ระบบธนาคาร ระบบราชการ ต้องเอื้อระโยชน์กับผู้ประกอบการและประชาชน 3. รื้อระบบภาษี คนรายได้ต่ำกว่า 40,000 ไม่ต้องเสียภาษี คนกลุ่มนี้ควรมีโอกาสมีเงินเก็บในชีวิต มีความคิดสร้างสรรค์ ที่จะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไรกับชีวิต 4. รื้อระบบราชการ ให้เกิดเป็น all service center เราไม่ได้ไปทะเลาะกับราชการ แต่เราเอาระบบไปช่วยระบบราชการให้ทำงานง่ายและคล่องตัวขึ้น เขาจะยินดีรับฟัง ส่วนเร่ง คือ เร่งด้วยนโยบายเฉดสี และนำไปสู่ตัวสุดท้ายคือ รวย” นางสาววิเวียน กล่าว
นางสาววิเวียน กล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งนโยบายที่ได้รับความสนใจมากคือ อารยสถาปัตย์ ปรับปรุงบ้านให้ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ตนในฐานะที่มีแม่เป็นทั้งผู้สูงอายุ และผู้พิการ เราไม่อาจคาดคิดได้เลยว่า วันหนึ่งแม่เราจะต้องตัดขา ช่วงนั้นเราต้องนำเงินเก็บมาซ่อมแซมบ้านเพื่อ ให้คนที่เรารักปลอดภัย หมดไปประมาณ 50,000 บาท สอดรับกับตัวเลขของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่คำนวณมาแล้วเช่นเดียวกัน ความปลอดภัยของคนที่เรารักควรเกิดขึ้นที่บ้าน และควรทำทั่งประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี