เข้าสู่ช่วง “โค้งสุดท้าย” สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กันแล้ว ดังนั้นเชื่อได้ว่าเวลาอีกราว 1 สัปดาห์ที่เหลือ ก่อนจะถึงกำหนดเข้าคูหากากบาท “เลือกคนที่รัก-เลือกพรรคที่ชอบ” ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 บรรดาพรรคการเมืองย่อมต้องเร่งเครื่องเพื่อเรียกคะแนนจากปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแน่นอน ซึ่งก็ต้องบอกว่าการเลือกตั้งรอบนี้ดูจะคึกคักกว่าหลายครั้งก่อนหน้า เนื่องจากมีพรรคการเมืองที่โดดเด่นน่าจับตามองอยู่หลายพรรคเลยทีเดียว
หนึ่งในนั้นคือ “พรรคไทยสร้างไทย”ภายใต้การนำของ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เคยมาบอกเล่ากับ “นสพ.แนวหน้า” ถึงประสบการณ์30 ปีที่คร่ำหวอดในแวดวงการเมือง จนถึงปัจจุบันกับการประกาศ “ภารกิจสุดท้าย”ในการ “พาประเทศไทยออกจากวังวนความขัดแย้ง” ที่ยืดเยื้อยาวนานเกือบ 2 ทศวรรษส่วนในครั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวถึง“นโยบาย” อันเป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการตอบคำถามว่า เหตุใดประชาชนจึงควรสนับสนุนพรรคไทยสร้างไทยให้ได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร
l วันนี้มาถึงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งแล้ว ถามกันตรงๆ ว่าทำไมถึงควรเลือกพรรคไทยสร้างไทย? : ต้องนึกว่า 17 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ที่แย่งอำนาจกันระหว่างการเมือง 2 ขั้ว มันทำให้ประชาชนทุกข์ยากพอแล้วหรือยัง? เราสุขหรือทุกข์มากขึ้น? เรารวยขึ้นหรือจนลง? หนี้สินเรามากขึ้นหรือน้อยลง? และครั้งนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของทั้ง 2 ขั้ว ดังนั้นจบการเลือกตั้งครั้งนี้มันมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ เป็นสงครามที่ใหญ่กว่าเดิม
แล้วประชาชนจะวนอยู่กับปัญหาเดิมๆ ทั้งๆ ที่ต้นทุนตัวเองลดลงทุกปีแล้วนะ เงินติดตัวไม่มีแล้ว หนี้สินท่วมหัว แล้วเราจะเอาประเทศกลับไปเสี่ยงกับปัญหาความขัดแย้งเดิมๆ อีกต่อไปไหม? วันนี้เขามาขายฝันสารพัด ท้ายที่สุดทุกคนทำเพื่อตัวเองอย่าง 17 ปีที่ผ่านมา ถ้าเลือกพรรคเดิมขั้วเดิมๆ ประเทศไปต่อไม่ได้ แต่ไทยสร้างไทยเราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เรามีวิธีที่จะพูดกับทั้ง 2 ขั้วให้ทำเพื่อประชาชน เพราะเรามีประสบการณ์
l นอกจากเรื่องปลดล็อกประเทศไทยจากวิกฤตการเมือง 2 ขั้วแล้ว พรรคไทยสร้างไทยยังมีอะไรเป็นจุดขายอีกบ้าง? : เรามีนโยบายที่ดีคิดรอบคิดครบวงจร และคิดอย่างยั่งยืน และเรามีตัวบุคคลที่มีความสามารถ ทำงานสำเร็จมาแล้ว เราเชี่ยวพอจะรู้กลไกของรัฐราชการและผลักดันนโยบายได้ ดังนั้นเลือกไทยสร้างไทยไม่เกิดวิกฤตความขัดแย้ง ไม่พาประเทศไปเสี่ยงต่อการรัฐประหาร ไม่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่คดโกง และทั้งหมดจะทำเพื่อชัยชนะของประชาชน ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เราจะเปลี่ยนรูปร่างเศรษฐกิจจากสามเหลี่ยมที่รวยกระจุกจนกระจายด้วยนโยบายให้เป็นลูกรักบี้ มีคนจน-คนรวยนิดเดียว คนตรงกลางพออยู่พอกิน ไม่มีหนี้สิน แค่นี้ประเทศไทยก็ไปได้แล้ว และไทยสร้างไทยเรามองไปไกลกว่านั้น เมื่อเราดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่อย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรีแล้ว ก้าวต่อไปคือประเทศของเราต้องออกจากกับดักรายได้ปานกลางที่ติดหล่มอยู่ 30-40 ปี
เราจะมีโครงการที่เป็น New Engine (เครื่องยนต์ใหม่) ที่จะรีสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย ที่จะเพิ่ม GDP อย่างก้าวกระโดดโดยใช้ 2 เรื่อง 1.เรื่องของความแข็งแรงเดิมของประเทศไทย คือเรื่องอาหาร-เกษตร เราต้องเป็นศูนย์กลางหรือมหาอำนาจด้านการส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรคุณภาพ เรื่องท่องเที่ยวเราแข็งแรงที่สุดและลงทุนน้อย เราตั้งเป้าสร้างรายได้กับการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 40 ล้านเป็น 60 ล้านคน แต่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ
เรื่องของ Medical Hub (ศูนย์กลางการแพทย์) ซึ่งเราทำเป็นคนแรกเมื่อ 22 ปีที่แล้วพาโรงพยาบาลเอกชนไปตะวันออกกลาง แต่วันนี้เราจะขยายให้เป็น Well-Being Hub (ศูนย์กลางสุขภาพดีครบวงจร) ทั้งเรื่องเสริมสวย สร้างสุขภาพ รักษาพยาบาล ตลาดนี้มีอยู่ประมาณ 150 ล้านล้านบาท เราขอส่วนแบ่ง 1% แล้วเราทำได้ด้วย มันเท่ากับ 1.5 ล้านล้านบาท สุดท้ายคือขายความเป็นไทย หรือ Thainess Economy 4 ตัวนี้เราจะสร้างรายได้ให้กับประเทศ 5 ล้านล้านบาทภายใน 3 ปี
และเราจะสร้าง New Engine อีกตัวหนึ่งเพื่อให้พ้นกับดักรายได้ปานกลาง เราจะใช้ Location (ทำเลที่ตั้ง) คือ Asset (สินทรัพย์) เรามี 2 อย่างแค่นั้นเอง คือคนกับ Location เราเป็นประเทศเดียวนะที่ขวางมหาสมุทรใหญ่ แปซิฟิกและอินเดีย เราเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและของโลก ดังนั้นเราจะทำให้ประเทศไทยเป็นเกตเวย์ของโลกด้านโลจิสติกส์ โลกปัจจุบันโลจิสติกส์สำคัญที่สุด
ดังนั้นเราจะเจรจากับจีนเพื่อเชื่อมทางรถไฟลงไปสู่ใต้ ไปสู่สิงคโปร์ให้สำเร็จ เราจะเชื่อมทั้งทางรถยนต์และรถไฟ จากอีสานไปเวียดนาม เราต้องเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งทางบกของภูมิภาคและของโลก ขณะที่ทางอากาศ ดูสิ! ขนาดสนามบินเรายังไม่เพียงพอแต่แทบทุกสายการบินก็จะมาที่นี่ เพราะ Location เราทำได้ แต่โครงการที่เราจะฟื้นมา บางคนบอกว่าเชยแต่เราบอกไม่เชยเพราะเราคิดใหม่ ก็คือคลองไทยหรือคอคอดกระเดิมเมื่อสมัย 40-50 ปีก่อน วันนั้นคิดว่ามันคือ Transportation Corridor (ระเบียงการขนส่ง) หรือทางขนส่ง
แต่เราไม่ได้มองอย่างนั้นแล้ว โลกมันเปลี่ยน เราต้องการสร้างพื้นที่การลงทุนใหม่ให้กับประเทศ ฉะนั้นเราจะมองการผลักดันคลองไทยเพื่อที่ไม่ใช่เป็นเรื่องโลจิสติกส์แล้ว แต่เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่จะดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก เป็น Economic Corridor (ระเบียงเศรษฐกิจ)เป็นศูนย์กลางการลงทุนจากทั่วโลกที่จะมาลงทุนที่นี่แล้วขนส่งไปทางซีกโลกตะวันออกหรือตะวันตกได้ง่ายที่สุด ลงใต้หรือขึ้นเหนือก็ง่ายที่สุดเพราะเชื่อมทางรถไฟ เราจะกลายเป็นศูนย์กลาง บน-ล่าง ออก-ตก ด้วยคลองไทย ต้องเรียกว่าใหญ่กว่า EEC (ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก)เป็นร้อยเท่า
l การเลือกตั้งที่ผ่านมารวมถึงในครั้งล่าสุดนี้ประชาชนคนระดับฐานรากถือเป็นฐานเสียงหรือกลุ่มเป้าหมายสำคัญของพรรคการเมือง แทบทุกพรรคมีนโยบายจัดเต็มเอาใจคนกลุ่มนี้เต็มที่ อะไรคือความแตกต่างของนโยบายพรรคไทยสร้างไทยกับพรรคอื่น? : เราคิดนโยบายอย่างครบวงจร คิดอย่างรอบคอบและยั่งยืน ไม่ใช่ว่ามาแจก 6 เดือน 1 หมื่นบาท แล้วก็แจกเป็นคูปองบ้าง ดิจิทัลบ้าง มาเทียบกับโครงการบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ปีละ 36,000 บาทหรือ 6 เดือนก็ 18,000 บาท มากกว่า 6 เดือน 10,000บาทแล้ว 6 เดือน 10,000 บาทนี่วันละ 55 บาท
แต่ของเรานี่วันละ 100 บาท และให้ต่อเนื่องไปตลอดชีวิต แต่ไม่ใช่โครงการแจกเงินฟรีเพราะเราให้พร้อมหน้าที่ นั่นคือต้องสร้างสุขภาพดีถ้าเอาไปกินเหล้า-สูบบุหรี่เราไม่ให้ พอเราให้แบบนี้มันเกิดประโยชน์ 4-5 ด้าน 1.ผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ เราจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้เพราะเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีสัดส่วนประชากรสูงวัยสูงที่สุดในโลก และคนแก่ของเราแก่ก่อนรวย เมื่อมีฐานะยากจน สุขภาพไม่ดี ประเทศไม่เกิด Productivity (ผลิตภาพ) ฉะนั้นเราจึงต้องการให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ พออยู่ได้
2.มันจะลดภาระลูกหลานเขา เด็กจบใหม่เงินเดือนก็น้อย ค่าครองชีพก็สูง ต้องดูแลพ่อแม่อีก พ่อได้ 3,000 แม่ได้ 3,000 เขาตั้งตัวได้ เราจึงจะไม่ส่งต่อความยากจนและภาระหนี้สินให้คนรุ่นถัดไป 3.อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ให้เงินฟรี เราให้พร้อมหน้าที่สร้างสุขภาพ เราจะมีศูนย์สร้างสุขภาพประจำหมู่บ้านซึ่งไม่ไปก่อสร้างใหม่ แต่ใช้โปรแกรม ใช้เครื่องไม้เครื่องมือลงไป อาคารไม่ต้องก่อสร้างมีเยอะแยะ วัด โรงเรียน ศาลาประชาคมสร้างกันเต็มไปหมด เราแค่เอาเครื่องมือกับเทคโนโลยีเข้าไป
แล้วก็ฝึก อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) อสส. (อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร) รวมทั้งประธานกรรมการหมู่บ้านหรือชุมชน เอามาฝึกให้เป็น Caretaker (ผู้ดูแล) เพื่อดูแลผู้สูงอายุ แล้วก็ให้เงินเดือนเขา 2,500 บาท ให้เขาดูแลผู้สูงอายุให้สุขภาพดี แล้วก็มีตัวชี้วัด เพราะเรามีโครงการที่เรียกว่า 30 บาทพลัส คือเราเป็นคนที่ทำ 30 บาทรักษาทุกโรค อยู่เป็นรัฐมนตรี 4 ปี (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐบาลไทยรักไทย 2544-2548) เราจะต่อยอด 30 บาทด้วยเทคโนโลยี เอามาช่วยกับ 3,000 บาท เพื่อดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้แข็งแรง
เราจะใช้หมอมือถือ เป็นหมอประจำตัว 24 ชั่วโมง โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็น AI ที่เก่งเท่าๆ หมอคน หรือเก่งกว่าหมอคนบางท่าน เรียกว่า ChatGPT เขาเก่งเท่าหมอคนเลย สอบวิชาแพทย์ของอเมริกาได้ 70-90 คะแนน ทุกวิชาเลยและสอบใบประกอบโรคศิลปะได้ เราเอาเขามาอยู่ในมือถือ พูดจาตอบกันเป็นภาษาไทยได้ ผู้สูงอายุเล่นไลน์ได้ก็จะคุยกับหมอมือถือได้ 24 ชั่วโมง เช่น ท้องเสียบอกว่าลักษณะการถ่ายเป็นอย่างไร ปวดมวนท้อง หมอมือถือจะออกใบสั่งยาให้ เดินไปร้านขายยาใกล้บ้านแล้วก็รับยามากินฟรีในโครงการ 30 บาทพลัส
แล้วถ้าเกิดต้องไปหาหมอ ต้องผ่าตัด หมอมือถือก็จะหาหมอที่เก่งที่สุดโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด คิวที่เร็วที่สุด นัดหมอไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องรอใบส่งตัว ทั้งหมดมันจะถูกบันทึกใน Cloud มันจะบันทึกสุขภาพของผู้สูงอายุได้ ร่วมกับโครงการบำนาญประชาชน พอมีศูนย์สร้างสุขภาพ มีหมอมือถือ ทำให้สุขภาพผู้สูงอายุแข็งแรงขึ้น กลับไปทำงานได้ 4.ผู้สูงอายุกลับไปทำงานได้ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก สร้าง GDP ให้กับประเทศ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว
และ 5.ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพราะผู้สูงอายุแข็งแรง ปีละเป็นแสนล้านบาท เรายืดเวลาการเจ็บป่วยจากอายุ 60-70 เป็น80-90 นี่คือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคไทยสร้างไทย ไม่ใช่แจกเงินฟรีเพราะเราให้พร้อมหน้าที่และให้เขาไปจนตลอดชีวิต จะลดความเหลื่อมล้ำเพราะคนที่ได้รับคือคนที่มีรายได้น้อย มันจะสร้างเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก ทำให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวและแข็งแรงอย่างยั่งยืนภายใน 4-5 ปี จะเพิ่ม GDP ได้ 5-7% อันนี้นักเศรษฐศาสตร์คำนวณให้แล้ว และจะเก็บภาษีได้ 5 ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท
เท่าที่ดูหลายๆ นโยบายของพรรคไทยสร้างไทย มีหนึ่งนโยบายน่าสนใจมาก คือ “กองทุนประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก” เพราะที่ผ่านมารัฐบาลทุกชุดพยายามแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแต่ไม่เคยสำเร็จ ปราบปรามจับกุมไปก็มีนายทุนเงินกู้รายใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเพราะมีคนพร้อมจะไปใช้บริการ อยากให้ช่วยขยายความนโยบายนี้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร? : เราจะเปลี่ยนบัตรคนจนเป็นบัตรเครดิตประชาชน เราต้องการให้ไปล้างหนี้นอกระบบแล้วก็เอาไปเป็นทุนตั้งตัว เพราะหนี้นอกระบบมันโหดแสนโหด ร้อยละ 20 ต่อเดือน บางทีเก็บเป็นรายวัน ไม่มีทางเลยที่คนจนจะฟื้นตัว
อย่าว่าแต่ร่ำรวยเลย แค่จะตั้งตัวก็ยังไม่ได้เพราะเขาเข้าไม่ถึงแหล่งทุน หนี้นอกระบบคนจนต้องกู้ 240% ต่อปี ขณะที่คนรวยเสีย 2-3% ต่อปีมันเหลื่อมล้ำขนาดไหน ดังนั้นกองทุนนี้เราแจกเป็นบัตรเครดิตให้กับคนไทย ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน ติดหนี้อย่างอื่น ติดเครดิตบูโรก็กู้ได้ ขออย่างเดียวเอาเครดิตตัวเองมาค้ำประกัน คือไม่โกงไม่เบี้ยวหนี้ ให้กู้ตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท ตราบใดที่คุณไม่ตั้งใจว่าจะเบี้ยวหนี้ ไม่โกงรัฐ คุณใช้บัตรหนี้ไปกู้เงินเวลาคุณเดือดร้อนได้ตลอดชีวิต
เขาเรียกว่าเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงินไปตลอดชีวิต อันนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้และเงินก็ใช้ไม่เยอะ เพราะคนจนกู้เงินน้อยมาก รายละ 5 หมื่น แล้วถ้าสมมุติว่ากู้ 5 พัน ผ่อน 6 เดือนแล้วเกิดวิกฤตขึ้น ขอยืดเป็นอีก 2 เดือนได้ไหม? อย่างนี้ไม่ถือว่าเบี้ยวหนี้ อยู่ในระบบได้ บัตรเครดิตจะอยู่กับตัวเองไปตลอดชีวิต แต่ถ้ากู้เสร็จเบี้ยวเลยหายเลยแบบนี้ต้องไปอยู่นอกระบบ
ดังนั้นถ้ามีบัตรเครดิตประชาชนอยู่กับตัว เหตุการณ์เศร้าสลดแบบ 2 ปีที่แล้ว ที่มีวินมอเตอร์ไซค์ เอาผ้าขาวม้าผูกเอวลูก 4 ขวบ โดดน้ำตายเพราะค้างค่าเช่าห้องพักเท่ารูหนู 500 บาท ต่อเดือน เงินติดตัวมีไม่ถึง 10 บาท กลับบ้านนอกก็ไม่ได้ แต่ถ้าเขามีบัตรนี้เขาเดินไปธนาคารของรัฐเขาขอกู้ 3 พันบาท 5 พันบาท แล้วแต่ที่เขาจะใช้ได้ทันที ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อเดือน
“ทำไมถึงต้องเลือกไทยสร้างไทย? เพราะด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือเราจะมายุติความขัดแย้งทางการเมือง 17 ปี พอทีกับความขัดแย้ง ไทยสร้างไทยคือคำตอบ พรรคไทยสร้างไทย พรรค ส-เสือ เบอร์ 32” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวในตอนท้าย
'พอทีกับความขัดแย้ง ไทยสร้างไทยคือคำตอบ พรรคไทยสร้างไทย พรรค ส-เสือ เบอร์ 32'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี