ในระยะหลังปฏิเสธไม่ได้ว่า "ผู้หญิง" กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญกับระบบการเมืองไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ที่ความสามารถของสตรีเพศได้รับการยอมรับถึงศักยภาพแท้จริงที่มีอยู่ในตัว แม้หากพิจารณาจากสัดส่วนที่ผ่านมาอาจถือว่ายังไม่มากเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ แต่ในศึกชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะถึงนี้ คืออีกหนึ่งเวทีที่ทำให้เราได้เห็นบทบาทของหญิงเก่งมากความสามารถ เป็นจำนวนมากมาย
วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับ "น.ส.แอนศิริ วลัยกนก" หรือ "แอน" สาวเจนวายแห่งย่านธนบุรี ด้วยวัยเข้าสู่เลขสี่ เธอคนนี้พกสิ่งติดตัวมาพรั่งพร้อมทั้งประสบการณ์ สอดประสานกับความคิดความอ่านในแบบฉบับของ "คนรุ่นใหม่" พร้อมทั้งเป็นอีกหนึ่งผู้สมัคร ส.ส.เขต ซึ่งรับรู้ปัญหาในท้องที่ได้เป็นอย่างดี ในฐานะ "คนพื้นที่" ตัวจริง แห่งเขตเลือกตั้งที่ 25 เขตทุ่งครุ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร (กทม.)
แอน เติบโตมาในพื้นที่ย่านทุ่งครุ-ราษฎร์บูรณะ โดยจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมจาก เรียนโรงเรียนบูรณะศึกษา ก่อนที่จะได้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และระดับปริญญาโท MBA จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จนได้ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงานในแวดวง "การเงินการธนาคาร" มานับตั้งแต่ พ.ศ. 2548-2565 ด้วยตำแหน่งสุดท้ายคือผู้จัดการธนาคารทหารไทยธนชาต
ด้วยประสบการณ์ทำงานในภาคธนาคารมาเป็นเวลาถึง 17 ปี เธอคนนี้จึงเข้าใจและเห็นภาพ "สถานการณ์ทางการเงิน" ของผู้คน ที่มีความเชื่อมโยงไปถึงปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนได้อย่างชัดเจน
แอน เล่าว่า เธออยู่ในเหตุการณ์เรื่อยมานับตั้งแต่ช่วงที่ประเทศไทยมีเศรษฐกิจเฟื่องฟู สถาบันการเงินดี ผู้คนมีการทำธุรกรรมเพื่อไปต่อยอดการดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวก จนกระทั่งมาในช่วงระยะเวลาที่ประเทศไทย "ติดหล่ม" ภายหลังการรัฐประหารมาต่อเนื่องตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา สิ่งต่างๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ภาพของความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวสูงขึ้นทั่วประเทศ
"เศรษฐกิจไทยไม่ใช่แค่ถูกฉุดเอาไว้ไม่ให้เดินหน้า แต่ยังเหมือนถูกพาถอยหลังออกไป สังคมอ่อนแอ โครงสร้างป่วยไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญวิกฤตโควิด-19 ประชาชนต้องช่วยกันฝ่าฟันอย่างสาหัส หันมาพึ่งพากันเอง การลงทะเบียนต่างๆ ของภาครัฐก็ยากเย็นเกินความสามารถของคนส่วนใหญ่ในประเทศ จนตอนนี้เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้น ข้าวของแพง ค่าแรงถูก คนรวยรวยขึ้นจนทะลุเพดาน ส่วนคนจนก็กระจายวงกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน" เธอถ่ายทอดความเดือดร้อนในมุมประชาชน
แน่นอนว่าภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เธอเป็นประจักษ์พยานได้ดีกว่าใคร ผ่านแว่นตาของผู้จัดการธนาคารที่พบเจอกับอุปสรรคของลูกค้า ทั้งการผิดนัดชำระหนี้ ติดเครดิตบูโร หรือหนี้เสีย (NPL) ที่กระจายตัวมากขึ้นเป็นวงกว้าง ขณะที่ความช่วยเหลือจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินสวัสดิการ โครงการต่างๆ ก็ปรากฏเป็นภาพที่ประชาชนต้องไปเสียเวลาต่อคิว แย่งชิง กระทั่งผิดหวังจากการไม่ได้รับ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงการตีความไปเองของเธอเท่านั้น หากแต่ยังสอดคล้องตรงกันกับเสียงสะท้อนที่เธอได้รับฟังในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาค่าครองชีพสูงสวนทางกับรายได้ที่ลดลง ธุรกิจร้านค้าประสบปัญหาจากทุนผูกขาด และอีกมากมาย ที่ทำให้แอนเชื่อได้ว่าขณะนี้ประชาชนต่างกำลังตั้งตารอคอยความหวัง และพร้อมที่จะออกมา "เลือกตั้ง" เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ท่ามกลางความช่วยเหลือจากเงินกู้ ซึ่งจะส่งต่อภาระหนี้สินไปถึงลูกหลาน ภาพการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ไม่ได้พุ่งไปยังต้นเหตุ อย่างการปลูกฝังอาชีพ หรือสร้างรายได้ให้ประชาชนที่ยั่งยืนกว่าการแจก ทั้งหมดทั้งมวลคือเหตุผลเพียงพอที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ แอน ตัดสินใจลุกขึ้นมาพลิกชีวิตที่เหลือ เพื่อใช้ประสบการณ์ที่มีเข้ามาร่วมภารกิจส่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับคนรุ่นต่อไป
เมื่อ "นักการเงิน" รายนี้เลือกเบนเข็มเส้นทางเข้ามาสู่ถนนของ "นักการเมือง" ด้วยสายตาที่มองเห็นถึงอุดมการณ์เดียวกัน ในที่สุดเธอก็ได้รับความไว้วางใจจากพรรคก้าวไกล ให้เป็นตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.เขตของ กทม. เพื่อลงศึกเลือกตั้งปี 2566 ในครั้งนี้ ภายใต้จุดร่วมที่สอดคล้องกัน นั่นคือการผลักดัน "รัฐสวัสดิการ" ที่ทำได้จริง ไม่ใช่ขายฝัน และเป็นนโยบายสวัสดิการที่ก้าวหน้าตั้งแต่ "เกิด" จน "ตาย"
แอน ขยายความถึงตัวอย่างของสวัสดิการตั้งแต่ "วัยเกิด" มีของขวัญแรกเกิด 3,000 บาท ให้พ่อ-แม่ซื้อสิ่งของจำเป็นในการเลี้ยงลูก รวมถึงเงินอุดหนุนเด็กเล็กอีกเดือนละ 1,200 บาท "วัยเติบโต" จะมีการเรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง พร้อมคูปองเปิดโลกให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน ส่วน "วัยทำงาน" ที่เป็นหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะมีค่าแรงขั้นต่ำเริ่มต้น 450 บาทและปรับขึ้นทุกปี มีสัญญาจ้างเป็นธรรม ทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมง/สัปดาห์ ขณะที่ “สูงวัย” จะมีเงินผู้สูงวัยเดือนละ 3,000 บาท พร้อมสร้างระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น
“นโยบายสวัสดิการของเราจะสร้างประเทศที่เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมสร้างประเทศที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยการวางตาข่ายรองรับคุณภาพชีวิตและโอกาสที่เท่าเทียมกันของประชาชน และสร้างประเทศที่ปลดปล่อยศักยภาพของคนไทยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไปข้างหน้า” เธอให้หลักการ
ในฐานะ “Working Woman” ที่อุทิศเวลากว่าครึ่งชีวิตให้กับการทำงาน จนครองสถานะโสดมาจนถึงปัจจุบัน เธอยืนยันว่าขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะทุ่มเทหัวใจดวงนี้ให้กับพี่น้องประชาชน ภายใต้บทบาทใหม่จาก “ผู้จัดการ” สู่ “ผู้รับใช้” ที่จะเป็นตัวแทนนำพาความเดือดร้อนของประชาชน ไปสู่การดำเนินนโยบายที่แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันแม้จะเป็น “หน้าใหม่” แต่ก็ไม่ไร้ซึ่งประสบการณ์ เพราะช่วงที่ผ่านมาเธอยังได้มีโอกาสเข้าไปเป็นที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ของสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนมาแล้วด้วยเช่นกัน
“การเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีความสำคัญมากต่อการเมืองไทยในอนาคต พรรคก้าวไกลอยากทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนน และเราเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเมืองแบบนี้ให้เกิดขึ้นจริงได้ ถ้าเป็นจริงได้จะทำให้คนอื่นทำตาม แต่ถ้าล้มเหลวการเมืองไทยก็จะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนาน” แอน ทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี