“จตุพร”แนะ“ก้าวไกล”ตลบหลังเพื่อไทย เสนอใช้แผน"หมูไปไก่มา"รอคุณสมบัติ"พิธา"ถึงที่สุดก่อนค่อยคุยตำแหน่งประธานสภาฯ ถ้าไปต่อไม่ได้ให้เอานายกฯไปแลก จับตาดีลลับสิงคโปร์ของจริง เผยแผน พท.บ่มเพาะความขัดแย้งท่องคาถาหนุน"พิธา"นายกฯทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีวันผ่านด่าน 376 เสียง เพื่อรอวันแยกวงไปอยู่ขั้ว 188 เสียง คาดปลายเดือน ก.ค.-ส.ค.จะได้พิสูจน์กันจะเปลือยล้อนจ้อนใครจะทรยศหักหลังประชาชน
เมื่อ 30 พ.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "งง!!" โดยวิเคราะห์ดีลลับตั้งรัฐบาลหักหลังประชาชนที่สิงคโปร์ว่า แม้ทักษิณ ชินวัตร ออกมาปฎิเสธแบบงงๆ แต่พฤติกรรมโจ่งแจ้ง ฉาวโฉ่ ล่อนจ้อน หาเรื่องแตกแยก เตรียมแหวกหนี 312 เสียงไปร่วมกับฝ่าย 188 เสียง คงต้องรอพิสูจน์ขบวนการหลอกลวงประชาชนในปลาย ก.ค.นี้
นายจตุพร กล่าวว่า อย่าไปสนใจรูปนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พบและคุยกันที่สนามฟุตบอลเลสเตอร์ ซีตี้ ประเทศอังกฤษ เป็นการหารือหรือดีลลับจับขั้วการเมืองหรือไม่ เพราะนายเศรษฐา ไม่มีอำนาจจริงในการเจรจาดีลลับ และเช่นกันกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งไม่มีอำนาจจริงในพรรคเพื่อไทย เนื่องจากผู้มีอำนาจของจริงคือ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้ปักหลักที่สิงคโปร์ อีกทั้งสาเหตุที่ไม่ออก care talk คงกลัวถูกถามกรณีดีลลับแล้วจะเก็บอาการไม่อยู่
ดังนั้น การปฏิเสธดีลลับจับขั้วการเมืองนั้น อย่างน้อยใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร จะเป็นดีลลับหรือดีลรักกันแน่ อีกอย่างต้องรอดูพรรคก้าวไกลกำลังเล่นบทลูกแกะถูกหมาป่ารังแก แล้วจะลงท้ายด้วยพรรคเพื่อไทยเป็นตัวร้ายจ้องทำร้ายพรรคก้าวไกลหรือไม่ ในเดือน ก.ค.นี้จะมีผลลัพธ์ออกมายืนยันในสิ่งที่เป็นจริงกัน
“พรรคก้าวไกลเป็นสิ่งแปลกปลอมของนักเลือกตั้ง เพราะจุดเด่นของพรรคนี้ยังไม่ถูกวิจารณ์เรื่องทุจริต เนื่องจากไม่เคยบริหารประเทศ และการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ทุกฝ่ายล้วนเชื่อกันว่า ก้าวไกลไม่มีทางได้เสียงถึง 376 เพื่อส่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้เป็นนายกฯ”
นายจตุพร ย้ำว่า การออกแบบให้ฝ่าย 188 เสียงบวก ส.ว. 250 ประสานบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับองค์กรอิสระล้อมเสียง 312 และกดดันให้ทรยศหักหลังกันเอง โดยมีการแสดงพฤติกรรมโจ่งแจ้งของพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการจับมือกันตามคำพูดที่สวยหรูเลย เป็นสิ่งบอกเหตุการเตรียมแยกขั้วกันได้ชัดเจนยิ่ง
สิ่งสำคัญของพฤติกรรมแกนนำพรรคเพื่อไทยแสดงอย่างฉาวโฉ่ต้องการตำแหน่งประธานสภา ซึ่งจะเป็นจุดหักเหไปสู่ตำแหน่งนายกฯ ในอนาคต หากพรรคก้าวไกลถูกยื้อไม่ให้ไปถึงเสียง 376 แล้วลามไปถึงการแบ่งสรรรัฐมนตรีกันก็จะไม่เป็นจริงกันเลย
อีกทั้ง เห็นว่า พรรคเพื่อไทยรู้ดี กรณีคุณสมบัติของนายพิธา ถือหุ้นไอทีวี ยิ่งหลักฐานต่างๆ ที่นำมาแสดงนั้นมันมีมากเกินไปจนน่าเคลือบแคลง และเอกสารบางชิ้นยากต่อการเข้าถึง แต่นำออกมาเล่นงานมัดนายพิธาได้ ประกอบกับการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2566 นั้นมีคำถามที่แสดงออกอย่างไม่ปกติ แล้วสิ่งเหล่านี้ยังนำมามัดนายพิธา จนยากจะดิ้นหลุดได้ อาการเหล่านี้ล้วนบอกถึงการจัดสร้างฉากทำลายทางการเมืองกัน
“กรณีคุณสมบัติของนายพิธา ย่อมรู้กันดีว่า ปลายทางต้องเจออะไรบ้าง และยังมีอาฟเตอร์ช็อกหลังนายพิธาต้องมีเหตุอันเป็นไปถึงขนาดไหน อีกอย่างตามเวลาแล้วภายใน 13 ก.ค.นี้ กกต.ต้องรับรอง ส.ส.ให้เสร็จสิ้น ดังนั้น เงื่อนเวลาเช่นนี้ กรณีของนายพิธา หากผลออกมาเป็นลบ อย่างไรก็เดินไปไม่ถึงการประชุมสภา แต่เราได้พยายามคิดผลทางบวก กลับหาไม่เจอ เพราะนี่คือการลงมือทำลายนายพิธา ไม่ใช่การต่อสู้โดยธรรมชาติ”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายพิธา เจอเหตุก่อนการเปิดประชุมสภาแล้ว พรรคก้าวไกลย่อมไม่มีอำนาจต่อรอง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงต้องการเร่งรุดตกลงเอาประธานสภาให้ได้ก่อน ถึงพรรคก้าวไกลไม่ยอม พรรคเพื่อไทยก็จะได้อยู่ดีด้วยการไปโหวตในสภา
“ขณะนี้มีแรงกดดันให้ 312 เสียงต้องแตกแยกกัน ถ้าพรรคก้าวไกลเล่นบทรอให้ผลการร้องเรียนคุณสมบัติของนายพิธา ได้เป็นที่ยุติก่อนแล้ว โดยยกขึ้นมาต่อรองกับพรรคเพื่อไทยว่า หากนายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยแทน แต่ตำแหน่งประธานสภาฯขอให้อยู่กับพรรคก้าวไกล” นายจตุพร เสนอแนวทางต่อให้พรรคก้าวไกล
พร้อมกับเสนอว่า การต่อรองแนวทางนี้ เป็นไปด้วยเหตุผลในทำนองไม่แตกต่างจากการถูกพรรคเพื่อไทยกดดันว่า ไม่กินรวบ ต้องกินแบ่ง และการต่อรองนี้ย่อมเป็นหนทางแก้เกมพรรคเพื่อไทยได้อย่างสาสมที่สุด
รวมทั้ง ย้ำว่า อย่างไรก็ตาม ในฝ่าย 312 เสียงจาก 8 พรรคการเมือง ถึงจับมือกันได้แน่นหนาไม่แตกแยกแล้ว ก็ไม่มีวันที่จะได้ 376 เสียงเพื่อนำทางสู่การตั้งรัฐบาลที่เป็นจริงได้ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงหาเหตุขัดแย้งส่งสัญญาณกันโต้งๆ ที่จะแหวกวงล้อมไปสมคบคิดกับฝ่าย 188 เสียงตั้งรัฐบาล
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงหาเหตุบ่มเพาะความขัดแย้งรอวันแยกตัวออกไป ด้วยพฤติกรรมแบบนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่า เกมยึดประธานสภากับเน้นพูดกล่อมจะโหวตหนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ย่อมเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ตายใจ แล้วรอให้ขัดแย้งแตกแยกเพื่อตีจากกันได้สมเหตุสมผลที่อยู่ร่วมกันไม่ได้
นายจตุพร ย้ำว่า ด้วยเหตุนี้ ในปลาย ก.ค. จะรู้เห็นกันชัดเจนว่า ใครพูดโกหก แล้วประชาชนจะเอากันอย่างไร ยิ่งในอดีตคนชื่อทักษิณ ยังเคยกล้าเอาชีวิตคนเสื้อแดงไปแลกเปลี่ยนเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเองมาแล้ว แต่คนยังนิ่งนอนใจ และเชื่องมงายกับทักษิณ อยู่อีก
“ที่สำคัญคือ ในสถานการณ์การดีลตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะเป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุด และจะไม่ต้องรอพิสูจน์เป็นปี แค่รอเวลาเป็นเดือนเท่านั้น ด้วยความเห็นแก่ตัวในที่สุดจะเปลือยตัวออกมาอย่างล่อนจ้อนที่สุด แล้วอยู่ดีๆก็มาสิงคโปร์ มานั่งบัญชาการที่นั้น ใครก็แห่ไปพบที่นั้นร่วมวงดีลลับตั้งขบวนการหลอกประชาชน หักหลังประชาชนซ้ำอีกตามเดิม”
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคก้่าวไกลไม่มีพวกนักเลือกตั้งรักเลย แต่ประชาชนรักจึงเลือกให้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง จึงถูกนักเลือกตั้งวางแผนกำจัด และคนกำจัดได้ดีก็คือ เอาพรรคใน 312 เสียงแหวกวงล้อมออกไปจับมือกับพรรคฝ่าย 188 เสียงที่อยู่ตรงข้าม ดังนั้น เราอาจคิดได้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สงบนิ่งอาจได้มาเป็นนายกฯ ก็ได้
อย่างไรก็ตาม เราเคยถามพรรคเพื่อไทยว่า จะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ปฏิเสธแล้ว ดังนั้น กองเชียร์พรรคเพื่อไทยจะรับได้หรือไม่ ถ้าพรรคเพื่อไทยแหวกวงล้อมออกไปตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียง ซึ่งมีพรรคพลังประชารัฐมาร่วมด้วย
อีกทั้ง กล่าวว่า ในสถานการณ์ขณะนี้ ดูเหมือนจะเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประวิตร ดังนั้น ดีลต่างๆ จะปฎิเสธอะไรก็ได้ พรรคเพื่อไทยก็พูดท่องเหมือนบทสวดมนต์ว่า ขอประธานสภา และหนุนนายพิธา เป็นนายกฯ เพราะรู้ว่านายพิธา ไปไม่ถึงแล้วในตำแหน่งนายกฯ
ดังนั้น การหาเหตุรีบชิงประธานสภาจึงต้องรีบเสร็จก่อนเรื่องนายพิธา จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันยังสร้างความสมเหตุสมผลในการแตกหักกันเพื่อแหวกออกมาตั้งรัฐบาลกับอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ ซึ่งปลาย ก.ค.-ส.ค. จะได้พิสูจน์กัน
"คุณประชาชนทั้งหลาย ถ้านักการเมืองทรยศ ตระบัดสัตย์ต่อคุณ แล้วคุณจะลุกขึ้นมาจัดการนักการเมืองที่ทรยศประชาชนหรือไม่ ซึ่งปลาย ก.ค.ผลลัพธ์ทุกสิ่งและการทรยศทุกอย่าง นักการเมืองจะแสดงออกมาอย่างล่อนจ้อนกัน เราต้องรอพิสูจน์กัน แล้วประชาชนจะทรยศต่อตัวเองหรือไม่”นายจตุพร กล่าว