วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ยกบทเรียน‘300บาท’ นักเศรษฐศาสตร์ฝาก3ข้อพิจารณาก่อนปรับ‘ค่าจ้างขั้นต่ำ’

ยกบทเรียน‘300บาท’ นักเศรษฐศาสตร์ฝาก3ข้อพิจารณาก่อนปรับ‘ค่าจ้างขั้นต่ำ’

วันพฤหัสบดี ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 10.58 น.
Tag : ค่าแรง ค่าแรงขั้นต่ำ ค่าแรง450 ค่าจ้างขั้นต่ำ
  •  

ยกบทเรียน‘300บาท’ นักเศรษฐศาสตร์ฝาก3ข้อพิจารณาก่อนปรับ‘ค่าจ้างขั้นต่ำ’

1 มิถุนายน 2566 นายสันติธาร เสถียรไทย ประธานทีมเศรษฐกิจ (Group Chief Economist) และกรรมการผู้จัดการ Sea Ltd แพลตฟอร์มดิจิทัล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สันติธาร เสถียรไทย - Dr Santitarn Sathirathai” ดังนี้…


ก่อนอื่นคงต้องขอออกตัวว่าส่วนตัวผมเห็นด้วยว่าการความเหลื่อมล้ำเป็นโจทย์ใหญ่ของเศรษฐกิจไทยที่ต้องรีบได้รับการแก้ไข

และเห็นด้วยว่าในทศวรรษที่ผ่านมาค่าแรงโดยรวมในประเทศไทยนั้นเติบโตค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย (ซึ่งก็ไม่ได้โตเร็วอยู่แล้ว)

โดยเฉพาะค่าแรงขั้นต่ำนั้นเมื่อหักเงินเฟ้อแล้วเท่ากับว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยใน 10 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้นการจะพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจึงเป็นสิ่งที่สมควรทำ แต่ทุกนโยบายย่อมมีทั้งผลกระทบทางบวกและทางลบ

จึงควรคำนึงถึง 3 ประเด็นสำคัญคือ “โจทย์ จังหวะและ เวลา”

1.โจทย์ - ต้นเหตุของการที่ค่าแรงไม่ค่อยโตคืออะไร

การใช้นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะช่วยได้ในกรณีที่ปัญหาหลักคือการที่แรงงานไม่ค่อยมีอำนาจต่อรองกับนายจ้าง การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจึงเป็นการที่ภาครัฐมาช่วยเซ็ตแสตนดาร์ดใหม่ให้พื้นของค่าแรงสูงขึ้น โดยในความเป็นจริงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมักไม่ได้มีผลแค่กับแรงงานกลุ่มค่าจ้างต่ำเท่านั้นแต่มีผลดันให้ธุรกิจต่างๆต้องขึ้นค่าแรงสำหรับกลุ่มค่าจ้างระดับกลางไปด้วยเพราะค่าแรงขั้นต่ำเป็นเสมือนค่าจ้างอ้างอิงในการต่อรองเจรจา

บทเรียนจากตอนขึ้นค่าแรง 300บาทในปี2012-2013 ชี้ให้เห็นว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ (พร้อมปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ) ชี้ให้เห็นว่ามีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางค่าจ้างของแรงงานได้ระดับนึง ด้วยการเพิ่มค่าจ้างให้แรงงานกลุ่มค่าแรงต่ำถึงปานกลาง (เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 15-60)ให้สูงขึ้น (ดูการศึกษาโดยนักเศรษฐศาสตร์ที่World Bankในคอมเมนท์ด้านล่าง)

แต่ในทางกลับกัน หากปัญหาส่วนใหญ่เกิดมาจากที่ผลิตภาพ(productivity) ของแรงงานเราต่ำ (พูดง่ายๆคือจ้างคนเพิ่มหนึ่งคนไม่ค่อยสร้างผลผลิตให้ธุรกิจเท่าไรก็เลยทำให้นายจ้างให้ค่าจ้างน้อยไปด้วย) ในกรณีนี้หัวใจสำคัญจะอยู่ที่การเพิ่ม productivity พัฒนาทักษะให้แรงงานเก่งขึ้น ธุรกิจจะสามารถจ้างคนในอัตราแพงขึ้นได้

ในเคสนี้การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำโดยไม่แก้เรื่อง productivity อาจส่งผลลบมากกว่า เพราะทำให้ธุรกิจต้องแบกต้นทุนสูงขึ้นโดยผลผลิต-รายได้ไม่เพิ่ม (หรือเพิ่มน้อย) และอาจนำไปสู่การทำให้ธุรกิจต้องหดตัว ย้ายฐานการผลิต  หรือเลือกที่จะใช้เครื่องจักร หรือเทคโนโลยีแทนที่คน ซึ่งล้วนแต่จะลดปริมาณการจ้างงานลง

โดยในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าเร็วการเลิกจ้างงานอาจเกิดได้อย่างรุนแรงขึ้น ในหนังสือเล่มใหม่ Power and Progress ของ Acemoglu และ Johnson 2 ปรมาจารย์เศรษฐศาสตร์ได้ให้ข้อคิดเตือนใจน่าสนใจว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ใช้ทดแทนคนกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น หุ่นยนต์ (Industrial Robots) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจผลักดันให้ธุรกิจต่างๆเร่งหันใช้หุ่นยนต์แทนที่คนเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานกลุ่มทักษะ-ค่าจ้างไม่สูงที่งานถูกแทนที่ได้ง่าย

2. จังหวะ - สภาวะตลาด-เศรษฐกิจ

ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจมหภาคจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าสภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานเป็นอย่างไร หากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างร้อนแรง เติบโตได้ดี คนมีกำลังซื้อ ธุรกิจอาจส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปให้ผู้บริโภค ส่งผลทำให้ราคาสินค้า-บริการสูงขึ้น ดันเงินเฟ้อสูงขึ้น

แต่หากสภาวะเศรษฐกิจไม่ได้เข้มแข็งนัก ธุรกิจไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภคได้ก็ต้องหาทางปรับตัวเอง โดยการลดกำไร และ/หรือลดต้นทุนด้วยการลดการจ้างงานอย่างที่อธิบายไปแล้ว

หากย้อนไปดูการขึ้นค่าแรง 300 บาทในปี 2012-13 ดูจะส่งผลกระทบในแบบที่ 2 มากกว่าแบบแรก ซึ่งในช่วงนั้นถือว่าหักปากกานักวิเคราะห์จำนวนมากที่คาดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งสูง

ในการศึกษาเดียวกันที่อ้างอิงข้างบนพบว่าการขึ้นค่าแรงในครั้งนั้นแม้จะช่วยให้แรงงานบางกลุ่มรายได้ดีขึ้น แต่ก็มีผลข้างเคียงคือไปลดการจ้างงานลง โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานหนุ่มสาวทักษะไม่สูง และกลุ่มธุรกิจที่มีการเลิกจ้างงานมากที่สุดก็คือ กลุ่มธุรกิจ SME ที่อาจมีความสามารถในการปรับตัวน้อยกว่าบริษัทใหญ่

ที่สำคัญคือการปรับลดการจ้างงานนั้นเกิดขึ้น 3 ไตรมาสก่อนค่าแรงขั้นต่ำใหม่มีผลบังคับใช้แสดงให้เห็นว่าแค่การประกาศสื่อสารของนโยบายก็อาจมีผลกระทบในทันที

นอกจากนี้ยังมีการพบปัญหาเรื่องการบังคับใช้อีกด้วยโดยสักส่วนแรงงานที่ได้รับค่าจ้างน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่กำหนดเพิ่มขึ้นจาก 19.8% ก่อนขึ้นค่าแรงมาอยู่ที่ 33.4% ซึ่งอาจสะท้อนการหันไปใช้แรงงานนอกระบบที่การคุ้มครองแรงงานไม่ดีมากขึ้น

3.เวลา - ความเร็ว ความแรงและระยะเวลาปรับตัว

เวลาถกกันเรื่องค่าแรงขั้นต่ำว่าควรเป็นเท่าไร (กี่บาท) ซึ่งแน่นอนว่าเป็นประเด็นสำคัญ แต่คำถามที่สำคัญที่สุดในเชิงผลกระทบต่อเศรษฐกิจคือค่าแรงขั้นต่ำ “จะเพิ่มขึ้นกี่%ปีนี้” ยิ่งปรับขึ้นเร็วและระยะเวลาปรับตัวน้อย ผลกระทบก็ยิ่งรุนแรง

ความท้าทายของนโยบายนี้ก็คือ แม้สมมติว่าทุกคนเห็นตรงกันว่าค่าแรงเราต่ำไปมาหลายปีแล้ว นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถขึ้นค่าแรงรวดเดียวปิดช่องว่างที่ผ่านมาทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น อาจต้องปรับแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่ต่อเนื่องเพื่อลดผลข้างเคียงทางลบหลายอย่างที่อาจคาดไม่ถึง

หากเปรียบเทียบเศรษฐกิจเป็นเสมือนร่างกายของคน แม้เราจะรู้ตัวว่าขาดสารอาหารมานานแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าการที่เรานั่งกินข้าวทีเดียวหลายสิบจานจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะร่างกายมีความสามารถจำกัดในการดูดซับสารอาหารจำกัด ระยะเวลาในการปรับกระเพาะ ปรับร่างกายให้รับอาหารได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ

สุดท้ายเมื่อพิจารณาทั้ง “โจทย์ จังหวะและเวลา”แล้วก็จะสามารถช่วยดีไซน์แพ็คเกจของนโยบายที่ควรออกมาควบคู่กับการปรับค่าแรงขั้นต่ำได้ เพราะสุดท้ายค่าแรงขั้นต่ำก็เป็นเครื่องมือทางนโยบายที่จะส่งผลดังต้องการได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อออกมากับนโยบายอื่นๆที่มาทั้งสอดรับกัน

หากส่วนหนึ่งของปัญหาคือการที่ผลิตภาพแรงงานต่ำ นโยบายสำคัญที่ต้องมาคู่กันคือการเพิ่มproductivity ให้กับแรงงาน เช่น การปรับการศึกษาให้คุณภาพดีขึ้น สร้างคนตรงกับความต้องการตลาดมากขึ้น และการส่งเสริมการรีสกิล-อัพสกิลแรงงานโดยเฉพาะการสร้างด้านทักษะดิจิทัลระดับพื้นฐานให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้เต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม (ดูบทความผมเรื่องนี้ได้ในลิ้งค์ด้านล่าง) เป็นต้น

แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่านโยบายเหล่านี้มักจะใช้เวลากว่าจะเห็นผลในขณะที่การขึ้นค่าแรงจะมีผลทันทีจึงต้องบาลานซ์กันให้ดีในการพิจารณาว่าจะขึ้นค่าแรงเร็วแค่ไหน

เชื่อว่าทีมที่วางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลต่อไปคงทราบเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วแต่ก็หวังว่าอาจจะมีมมุมมองและข้อมูลบางอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์เสริมต่อการทำนโยบายต่อไปได้บ้างไม่มากก็น้อย เลยขอฝากไว้ไปคิดกันต่อครับ

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'ทีมผู้รับเหมา\'ปาดน้ำตา ร้องกมธ. เหตุยังไม่ได้รับค่าแรงสร้างตึกสตง. 'ทีมผู้รับเหมา'ปาดน้ำตา ร้องกมธ. เหตุยังไม่ได้รับค่าแรงสร้างตึกสตง.
  • ‘ไอติม’ขยี้รัฐบาลกลับไปกลับมาปม‘ค่าแรง 400 บาท’ เหน็บเร่งรัดแต่‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ’ ‘ไอติม’ขยี้รัฐบาลกลับไปกลับมาปม‘ค่าแรง 400 บาท’ เหน็บเร่งรัดแต่‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ’
  • \'ปลัดฯบุญสงค์\'เผยบอร์ดไตรภาคียังไม่เคาะค่าแรง 400 บาท ประชุมอีกครั้ง พ.ค.นี้ 'ปลัดฯบุญสงค์'เผยบอร์ดไตรภาคียังไม่เคาะค่าแรง 400 บาท ประชุมอีกครั้ง พ.ค.นี้
  • ‘นายกฯ’คุย‘รมว.แรงงาน’ ก่อนถกปรับ‘ค่าแรงขั้นต่ำ’ 400 บาท ‘นายกฯ’คุย‘รมว.แรงงาน’ ก่อนถกปรับ‘ค่าแรงขั้นต่ำ’ 400 บาท
  • ‘พิพัฒน์’หวังขึ้นค่าแรง 1 พ.ค.68 เป็นของขวัญวันแรงงาน ‘พิพัฒน์’หวังขึ้นค่าแรง 1 พ.ค.68 เป็นของขวัญวันแรงงาน
  • จับตา 12 มี.ค.‘บอร์ดไตรภาคี’เคาะชี้ขาดขึ้น‘ค่าแรง’ 400 บาททั่วประเทศ จับตา 12 มี.ค.‘บอร์ดไตรภาคี’เคาะชี้ขาดขึ้น‘ค่าแรง’ 400 บาททั่วประเทศ
  •  

Breaking News

รัฐบาลยันคุม‘โควิด’อยู่ ย้ำเคร่งครัด 5 มาตรการป้องกัน สกัดแพร่เชื้อ

‘อนุสรณ์’ชี้ปม‘แพทยสภา’ไม่กระทบรัฐบาล ดักคออย่าฉวยโอกาสปลุกม็อบ

เมียนมาทิ้งบอมบ์! ถล่มโรงงานแร่คาเรนนี ทัพกะเหรี่ยงรุกกลับตีค่ายทหารยับ

เปิดปูม‘วิทยา กันส์แทคติกส์’ ปรมาจารย์อาวุธปืน ผู้เซฟชีวิต‘ครู’ชายแดนใต้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved