วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
‘วิโรจน์’ชี้ปราบส่วยอย่างเดียวไร้ผล  ต้องแก้ก.ม.ด้วย  พร้อมการบังคับใช้อย่างเคร่งครัด

‘วิโรจน์’ชี้ปราบส่วยอย่างเดียวไร้ผล ต้องแก้ก.ม.ด้วย พร้อมการบังคับใช้อย่างเคร่งครัด

วันศุกร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : วิโรจน์ ก้าวไกล ส่วย
  •  

‘วิโรจน์’ชี้ปราบส่วยอย่างเดียวไร้ผล

ต้องแก้ก.ม.ด้วย

พร้อมการบังคับใช้อย่างเคร่งครัด

‘รังสิมันต์’ได้ทีตามขยี้ซ้ำ

ลั่นรัฐบาลใหม่ต้องเด็ดขาด

ปปป.สั่งยุบฉก.ทางหลวง

“รังสิมันต์”ได้ที ขยี้“ระบบตั๋ว”ลากโยงส่วย ขึงขังถึงเวลาลอก“สติ๊กเกอร์แห่งความโสมม” ด้าน“ผู้การ ปปป.”สั่งยุบหน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง ระบุเป็นหน่วยที่มีปัญหา ทั้งรวบอำนาจและทำงานซ้ำซ้อน ขณะที่ “วิโรจน์”ลั่น

การแก้ปัญหาเรื่องส่วย แค่ปราบอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่เข้าข่ายการกลั่นแกล้งรังควาญด้วย


นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 มีเนื้อหาดังนี้ รากฐานของ “สติกเกอร์ส่วยทางหลวง” คือระบบตั๋วในวงราชการ ที่รัฐบาล “พิธา” จะจัดการให้ได้

จากกรณีที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้เปิดประเด็นเกี่ยวกับสติกเกอร์พิสดารที่มีคนกลุ่มหนึ่งคอยขายให้กับรถบรรทุกขนส่งต่างๆ แลกเปลี่ยนกับการให้ผ่านด่านทางหลวงได้โดยไม่ต้องชั่งน้ำหนักว่าบรรทุกเกินหรือไม่ หรือตรวจว่าขนของผิดกฎหมายมาหรือไม่

พูดง่ายๆ ตรงๆ นี่คืออีกรูปแบบหนึ่งของการเก็บส่วย เป็นอีกหนึ่งธุรกิจสีเทาที่คนในวงการขนส่งรู้กันว่ามีอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด ในขณะที่คนขายสติกเกอร์เหล่านี้กอบโกย ประเทศกลับต้องเสียรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางตามกฎเกณฑ์ที่ควรได้รับอาจถึงหลักหมื่นล้านบาท ถนนที่รับน้ำหนักเกินต้องชำรุดทรุดโทรมอย่างรวดเร็วจนอาจต้องเป็นภาระต่อภาษีประชาชนเพิ่มขึ้นไปอีก หรือมากไปกว่านั้นคือบรรดาสิ่งไม่พึงประสงค์ที่อาจเล็ดรอดการตรวจสอบและกระจัดกระจายไปสร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นยาเสพติด อาจเป็นอาวุธเถื่อน หรือแม้แต่คนตัวเป็นๆ ที่ถูกนำไปใช้แรงงานทาสก็เป็นได้

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่สายตาของสังคมจับจ้องไปยังหน่วยงานราชการอย่างกรมทางหลวง หรือตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องป้องกันไม่ให้การเก็บส่วยแบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อในความเป็นจริงมันกลับเกิดขึ้นแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานดังกล่าวมีเอี่ยวด้วยหรือไม่

ในโพสต์นี้ผมขอขยายประเด็นต่อเนื่องไปจากที่คุณวิโรจน์เปิดไว้ ซึ่งก็จะกลับไปเน้นย้ำสิ่งที่ผมเคยพูดถึงอยู่หลายครั้ง ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เป็นรากฐาน เป็นต้นตอสำคัญของการมีส่วยไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม นั่นคือการมีอยู่ของระบบเส้นสาย ระบบตั๋ว และการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในหมู่ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่ผมพูดถึงบ่อยมาก หรือข้าราชการอื่นๆ ก็ตาม

ภายใต้ระบบเช่นนี้ ผู้ที่จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตได้ ไม่ได้วัดกันที่ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามขอบข่ายความรับผิดชอบของหน่วยงานนั้นๆ แต่กลับวัดกันที่ความสามารถในการหาเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ มาตอบแทนให้กับ “นาย” ที่คอยขายตั๋วให้ หามาให้ได้โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะถูกหรือผิดอย่างไร ไม่ต้องสนใจว่าวิธีการที่ทำมันจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครบ้าง ซึ่งสุดท้ายแล้วช่องทางหาเงินและผลประโยชน์ที่ข้าราชการเหล่านี้สามารถอ้างใช้อำนาจของตัวเองกอบโกยมาได้ง่ายที่สุดก็หนีไม่พ้นธุรกิจมืดนั่นเอง

ถ้าระบบแบบนี้ยังมีอยู่ การเก็บส่วยก็ไม่มีวันที่จะหมดไป ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งที่กำลังจัดตั้งขึ้นจะต้องจัดการให้ได้โดยเด็ดขาด รัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด ชื่อว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”

ด้วยหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร ที่จะต้องควบคุมการปฏิบัติงานของข้าราชการในทุกกระทรวง ทุกกรม รวมถึงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ นี่คือภารกิจสำคัญในการปฏิรูประบบราชการที่ทั้งคุณพิธาและพรรคก้าวไกลจะต้องบรรลุผลให้ได้ภายในอายุการทำงานของพวกเราครั้งนี้

ถึงเวลาลอกสติกเกอร์ที่ติดประจานความโสมมของประเทศนี้ แล้วชำระล้างเสียใหม่ให้กลายเป็นประเทศที่ทั้งข้าราชการและประชาชนสามารถได้ดิบได้ดีไปด้วยกันผ่านการปฏิบัติต่อกันอย่างสุจริตซื่อตรง มิใช่เป็นนาบนหลังคนให้ใครมาเก็บเกี่ยวกินโดยเบียดเบียนคนอื่นๆ ในสังคมอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยว่าได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ร่วมกับ บช.ก. ในฐานะผู้บังคับบัญชาตำรวจทางหลวง ให้รีบตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว และยอมรับว่ามีส่วยสติ๊กเกอร์จริง ในขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังเร่งตรวจสอบว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด ส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก มีมานานแล้ว แต่ช่วงนี้เนื่องจากเป็น เพราะกระแสข่าวทำให้ถูกพูดถึงในสังคมมากขึ้น อย่างไรก็ตามได้กำชับให้ทางจเรตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 15 วันนี้

ผบ.ตร. กล่าวว่า ในส่วนที่ บช.ก.ได้สั่งการย้าย ผบก.ท. เพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสที่สุด สืบสวนขยายผลไปถึงผู้ที่รับส่วยหรือผู้ที่ส่งส่วย หากมีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งความผิดทางอาญาและทางวินัยด้วย ผู้ที่จ่ายส่วยก็คือผู้ที่ทำการขนส่ง โดยใช้รถบรรทุก ส่วนผู้รับส่วยอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ มีตัวกลางต่างๆที่รับมาอีกทีหนึ่ง จะต้องสรุปรายละเอียดการดำเนินการอีกทีหนึ่งซึ่งทาง ผบช.ก.ได้สั่งให้ผบก.ปปป.มารักษาการผู้บังคับการตำรวจทางหลวงแทน และยืนยันว่าตำรวจทุกนาย ถ้ากระทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ปีนี้ก็ได้มีการดำเนินการปลดออก ไล่ออกไปกว่า 79 นายแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) รักษาราชการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวง(ผบก.ทล.) กล่าวว่า เราไม่อยากตอบว่ามันไม่มีเรื่องส่วยเกิดขึ้น เพราะมันอยู่ในพรมมานาน ขอ ยืนยันว่าจะนำพาหน่วยนี้ให้ไปในทางที่ถูกต้อง และหากข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดเข้ามาเกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน อีกทั้งในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ตนจะแก้ไขทั้งระบบไปด้วยกันไม่แก้เฉพาะจุด อะไรที่ถูกหมักหมมมานาน หรือมีความเหลื่อมล้ำก็จะแก้ไขปรับปรุงไปด้วย

จากนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และผู้กำกับการตำรวจทางหลวงทั่วประเทศเพื่อแก้ปัญหาส่วยสติ๊กเกอร์ว่า ที่ประชุมได้มีข้อสรุปให้ ผู้กำกับการตำรวจทางหลวงที่รับผิดชอบหน่วยปฏิบัติต่างๆ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาส่วนสติกเกอร์อย่างเร่งด่วน หลังจากนี้หากพบการกระทำผิดที่ใดก็จะจับกุมทั้งหมด และจะไม่มีการขอให้ปล่อยไปแน่นอนแต่ได้กำชับกับชุดปฏิบัติงานไปแล้วว่า อย่าให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อนเกินไป ส่วนข้อมูลเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ขณะนี้ได้ประสานขอข้อมูลกับนายวิโรจน์และสมาพันธ์รถบรรทุกแล้ว หรือหากต้องการให้ตำรวจเข้าไปพบเพื่อหารือเรื่องข้อมูลก็สามารถแจ้งมาได้เช่นกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในเรื่องของการสั่งยุบชุดเฉพาะกิจของกองบังคับการตำรวจทางหลวงนั้น เบื้องต้นได้สั่งการทางวาจาไปแล้ว และจะมีหนังสือสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งชุดเฉพาะกิจดังกล่าวมีข้อมูลว่าจัดตั้งขึ้นในสมัยของผู้บังคับการตำรวจทางหลวงคนที่ผ่านมามีหน้าที่ประสานงานระหว่างรถหนักทั่วประเทศ และควบคุมการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยเพื่อให้มีผลการจับกุม หากไม่มีผลงาน หรือชุดเฉพาะกิจนี้เป็นผู้จับกุม หน่วยปฏิบัติการก็จะเดือดร้อน ซึ่งมองว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่ซ้ำซ้อนโดยไม่มีความจำเป็น

“ยอมรับว่าชุดเฉพาะกิจต่างๆ เป็นปัญหากับทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นชุดที่ตำรวจหรือกระทรวงคมนาคมตั้งขึ้นมา เพราะเป็นการก้าวก่ายหน้าที่การงานของข้าราชการที่มีหน้าที่ประจำ และมีกฎหมายที่บังคับใช้อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องตั้งชุดที่เหรือกว่ามาปฏิบัติงานเพื่อร่วมอำนาจเอาไว้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองอีก” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

ทางด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้ทวีตข้อความระบุว่า การที่ท่านผู้การจรูญเกียรติ ยอมรับว่ามีปัญหา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี การแก้ปัญหาส่วย แค่ปราบอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้กฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายที่เข้าข่ายการกลั่นแกล้งรังควาญด้วย ให้คนดีได้เติบโต ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ก็จะแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'วิโรจน์\'กัดติดปม‘ตั๋วPNนายกฯ’  โวย‘สรรพากร’อืด  ยังตั้งกรรมการวินิจฉัยฯไม่ครบ 'วิโรจน์'กัดติดปม‘ตั๋วPNนายกฯ’ โวย‘สรรพากร’อืด ยังตั้งกรรมการวินิจฉัยฯไม่ครบ
  • \'วิโรจน์\' ท้า \'สรรพากร\'ออกประกาศ เป็น\'ระเบียบแพทองธารโมเดล\'ไปเลย ปมตั๋ว PN 'วิโรจน์' ท้า 'สรรพากร'ออกประกาศ เป็น'ระเบียบแพทองธารโมเดล'ไปเลย ปมตั๋ว PN
  • จี้‘อิ๊งค์’ลาออก ปชน.เดินหน้าแผนโรยเกลือ ผ่า‘ตั๋วP/N-ชั้น14-เขาใหญ่’ จี้‘อิ๊งค์’ลาออก ปชน.เดินหน้าแผนโรยเกลือ ผ่า‘ตั๋วP/N-ชั้น14-เขาใหญ่’
  • \'สุริยะ\'โต้ลั่น!ไม่มีส่วยรถบรรทุก สั่งกรมทางหลวงกวดขันตั้งด่านตรวจเข้ม 'สุริยะ'โต้ลั่น!ไม่มีส่วยรถบรรทุก สั่งกรมทางหลวงกวดขันตั้งด่านตรวจเข้ม
  • จี้สอบนายกฯซื้อขายหุ้นทิพย์  ‘วิโรจน์’ลุยสรรพากร  อ้างเจตนาทำนิติกรรมอำพราง จี้สอบนายกฯซื้อขายหุ้นทิพย์ ‘วิโรจน์’ลุยสรรพากร อ้างเจตนาทำนิติกรรมอำพราง
  • เชื่อแชทหลุดจริง! ‘วิโรจน์’ ขอเช็ครายละเอียดปม ‘สส.ลูกพรรค’ ปูด 20 ล้าน ซื้องูเห่า เชื่อแชทหลุดจริง! ‘วิโรจน์’ ขอเช็ครายละเอียดปม ‘สส.ลูกพรรค’ ปูด 20 ล้าน ซื้องูเห่า
  •  

Breaking News

ว่าที่คุณแม่ป้ายแดง 'ตู่ ปิยวดี-มาวิน'อวดภาพอบอุ่น เตรียมนับถอยหลังรอเบบี๋

(คลิป) 'บรู๊ค' โฆษกเพื่อไทย ปัด! ไม่เคยพูด! 'ทักษิณ' ป่วยขั้นวิกฤตแค่ได้รับการผ่าตัด

(คลิป) 'นายกอิ๊งค์' อ้าง! ใส่ชุดขาว ตอบนักข่าวเรื่อง 'ทักษิณ' ไม่ได้

ทำบุญอย่างไรให้ได้อานิสงส์มาก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved