'วิโรจน์'กัดติดปม‘ตั๋วPNนายกฯ’
โวย‘สรรพากร’อืด
ยังตั้งกรรมการวินิจฉัยฯไม่ครบ
เล็งส่งหนังสือจี้รมว.คลัง
เตะถ่วงระวังเจอยื่นปปช.
ฟ้องละเว้นฯปฏิบัติหน้าที่
“วิโรจน์” แฉ “กรมสรรพากร” ยังไม่ตั้งคณะกรรมการวินิจฉัย “ภาษีอากรปม “ตั๋ว PN นายกฯ”เหตุองค์คณะไม่ครบ ยังขาด‘ผู้ทรงคุณวุฒิ’ เล็งส่งหนังสือถึงรมว.คลังเร่งแต่งตั้ง ห่วงถ้าเตะถ่วงอาจเจอละเว้นปฎิบัติหน้าที่หรือไม่และกมธ.เตรียมร่อนหนังสือ 3ฉบับถึง‘รมว.คลัง-อธิบดีสรรพากร-ผู้ว่าฯ สตง.’บี้เร่งดำเนินการ ถ้าละเว้นอาจเจอยื่นฟ้อง ‘ปปช.’ได้ ย้ำต้องยึดกฎหมายทัดเทียม ยกเคส‘หลุย เบญจา’ ให้เห็นเป็นบทเรียน
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.)การเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้ยื่นเรื่องให้กมธ.ฯ ตรวจสอบข้อร้องเรียนการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมและการชำระภาษีซื้อหุ้นมูลค่า 4,434.5 ล้านบาทของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ.ฯ ถึงความคืบหน้าเรื่องนี้
โดยนายสิทธิพลกล่าวว่า เป็นการรับเรื่องที่สืบเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯเกี่ยวกับการชำระค่าหุ้นผ่านการทำสัญญา ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋ว PN ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้มีข้อสงสัยจากประชาชน ในข้อเท็จจริงธุรกรรมลักษณะนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือทำได้หรือไม่ จึงทำให้กรรมาธิการเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบข้อซักถามคือ กรมสรรพากร และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
ด้านนายวิโรจน์กล่าวว่า หลังไปยื่นหนังสือถึงกรมสรรพากรขอให้ดำเนินการตามมาตรา 13(7) ให้ส่งเรื่องต่อไปยังคณะคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพื่อวินิจฉัยพฤติกรรมของน.ส.แพรทองธาร ที่ใช้ตั๋วPN ซื้อหุ้นจากบุคคลใกล้ชิดหรือบุคคลในครอบครัวคือแม่ ลุง และป้าสะใภ้ รวมถึงพี่สาวและพี่ชาย เป็นการสร้างรูปแบบการซื้อขายโดยที่ไม่ได้มีเจตนาซื้อขายหุ้นจริง การตั้งประเด็นถามคือ ถามเรื่องภาษีรับให้ ไม่ใช่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยพุ่งเป้าไปเรื่องการทำนิติกรรมอำพรางภาษีการรับให้หรือไม่
“มีวัตถุประสงค์หลีกเลี่ยงหรือหลบเลี่ยงการชำระภาษีการรับให้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตอบ แต่เป็นการตอบที่ไม่ได้ถาม เพราะตอบว่าเดี๋ยวพี่สาวพี่ชายแม่ลุงป้าสะใภ้ ถ้าชำระค่าหุ้นก็ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งไม่ได้ถามกรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะว่านั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้ชี้แจงว่าหากซื้อขายราคาทุนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ต้องชำระ แต่กรณีนี้ตั้งคำถามว่าเข้าข่ายหรือถูกพิจารณาว่าเป็นนิติกรรมอำพราง เพื่อหลบเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้หรือไม่” นายวิโรจน์กล่าว และว่า จึงมาตามเรื่องต่อกรมสรรพากรดำเนินการตามมาตรา17(7) มาตรา 13(7) ตามประมวลรัษฎากรหรือยัง หรือดำเนินการแล้ว หรือล่าช้าด้วยเหตุผลอะไร จึงเรียกร้องให้กรมสรรพากรตรวจสอบ เพื่อเกิดความชัดเจน เพราะยังมีประชาชนที่กำลังจะโอนหุ้นบริษัทให้ทายาทที่มีมูลค่าเกิน 20 ล้านบาทในปีภาษี อาจไม่โอน เพื่อไม่ต้องชำระภาษีการรับให้
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า มีคำถามจากประชาชนทั่วไป ถ้าเอาโมเดลจากนายกฯมาทำ อธิบดีกรมสรรพากรต้องประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรว่าต่อไปนี้ให้ใช้ตั๋ว PNและทำแบบนายกฯหรือจะตั้งชื่อว่า แพทองธารโมเดลเลยก็ได้ ก็ให้ดำเนินการถือเป็นระเบียบแพทองธารโมเดล ทุกคนก็ทำตามแพทองธารโมเดล แต่สรรพากรต้องรับสภาพว่านับแต่นี้เป็นต้นไปอาจไม่สามารถจัดเก็บภาษีการรับให้ได้เลย
หลังการหารือนายวิโรจน์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ประเด็นสำคัญคือ การส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร วินิจฉัยกรณีน.ส.แพรทองธารที่ใช้ตั๋ว PN ไม่มีดอกเบี้ย และกำหนดการชำระเงิน สร้างรูปแบบการซื้อหุ้นจากบุคคลในครอบครัวเข้าข่ายการหลีกเลี่ยงหรือทำนิติกรรมอำพราง ภาษีการรับให้หรือไม่ ซึ่งตนย้ำไปทางผู้แทนกรมสรรพากร ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง ถามเรื่องภาษีการรับให้ ไม่ใช่เรื่องรายได้ของบุคคลธรรมดา แต่ก็ต้องตกใจ เพราะปรากฎว่าคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรยังมีองค์คณะไม่ครบ ยังขาดผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ 3 คน ซึ่งต้องแต่งตั้งโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง หมายความว่า ถ้าองค์คณะกรรมการชุดนี้ไม่ครบก็จะวินิจฉัยกรณีของนางสาวแพทองธารไม่ได้ ซึ่งนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ฯ จะเร่งทำหนังสือไปถึงนายพิชัยเร่งการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้ครบองค์คณะเป็นการด่วน และขอทราบระยะเวลาการแต่งตั้ง และเข้าใจว่าคณะนี้มีวาระ 3 ปี แต่ไม่มีกำหนดว่าต้องตั้งเมื่อไหร่
'ผมกังวลว่าถ้ามีการเตะถ่วง ไม่แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน นายพิชัยจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้'นายวิโรจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแต่งตั้งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนไหน นายวิโรจน์กล่าวว่า กมธ.ฯได้สอบถาม ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลางก็ตอบว่า อยู่ในช่วงรวบรวมข้อเท็จจริง แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้เวลานานที่สุดเท่าไหร่ และพยายามขอไม่ตอบ เรื่องกรอบระยะเวลา ซึ่งตนตั้งคำถามว่าระหว่างนี้ถ้ามีประชาชนทั่วไปต้องการจะโอนหุ้นให้ลูกที่มีมูลค่าเกินกว่า 20 ล้านบาทต่อปี ส่วนที่เกิน 20 ล้านต้องเสียภาษีการรับให้ และดำเนินการตามรูปแบบของนางสาวแพทองธารคือการใช้ตั๋ว PN มาแลก สรรพกร จะเข้าไปจัดเก็บภาษีการรับให้หรือไม่ ก็ไม่ได้คำตอบ ตอบแค่ว่าอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง ยังไม่ได้เข้ากระบวนการวินิจฉัย ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนจะเสียประโยชน์มาก คนที่ต้องการโอนหุ้นให้ลูกต้องเสียภาษี 5% ไปก่อนใช่หรือไม่
นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า เมื่อถึงเวลาหากมีการวินิจฉัยกรณีนางสาวแพทองธาร ทำได้สรรพากรจะไม่คืนส่วนนั้นให้ประชาชนใช่หรือไม่ ตนจึงเสนอว่าสามารถออกระเบียบหรือออกประกาศว่าระหว่างดำเนินการ จะไม่เข้าไปเรียกตรวจ ส่วนกรณีที่เข้าไปเรียกตรวจประชาชนก็อ้างได้ว่า ขอให้รอคำวินิจฉัยกรณีกรณีน.ส.แพทองธารก่อน ทางผู้แทนกรมสรรพากรก็ตอบกมธ.ว่า ไม่ชอบเรื่องสมมุติ เอาข้อเท็จจริง กมธ.จึงถามต่อว่า ไม่ต้องสมมุติเพราะข้อเท็จจริงมีคนโอนหุ้นให้ลูกตลอด แต่ไม่ได้คำตอบ
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า จากนี้กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจจะทำหนังสือ 3 ฉบับไปยังผู้เกี่ยวข้องคือ 1.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเกี่ยวกับการใช้อำนาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรให้ครบองค์คณะ ถ้าทำไม่ได้ก็จะนำไปสู่หลักฐานที่ชี้ว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ร้องต่อป.ป.ช.ได้ 2.นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ถามถึงกรอบเวลารวบรวมข้อเท็จจริง และจะส่งให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเมื่อใด เช่น กรอบเวลาอย่างช้าที่สุด ที่จะนำไปร้องป.ป.ช.ได้ และถามว่า ถ้าประชาชนใช้โมเดลของนายกฯ กรมสรรพากรจะไม่ไปกล่าวหาว่าประชาชนทำผิดใช่หรือไม่ เพื่อการบังคับใช้กฎหมายเสมอภาค และ 3.นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน ขอให้ใช้อำนาจทางกฎหมายทำหนังสือ เพราะปัจจุบันกรมสรรพากรยังไม่มีระเบียบทำงานเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี กรณีใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นใด หากปล่อยไปเช่นนี้จะเกิดความเสียหายต่อการจัดเก็บภาษีเสียหายต่อราชการเสียหายต่อประชาชน ถ้าพบมีการละเว้นหรือเตะถ่วงในหน่วยงานใด มีการยกกรณีคุณหญิงเบญจา หลุยเจริญ มาชี้เห็นถึงโทษอาญาและจำคุกที่จะตามมา
“เพราะการลักลั่นในการบังคับใช้กฎหมาย หรืออย่างน้อยสุญญากาศของกฎหมาย ประชาชนไม่รู้ว่าถ้าทำตามนายกฯแพทองธารจะได้รับการปฏิบัติในการดึงระยะเวลา เหมือนที่นายกฯได้รับจากกรมสรรพากรหรือไม่” นายวิโรจน์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี