ผวา‘20ว่าที่สส.’โดนใบแดง
ห่วงโหวตนายกฯ
ก.ก.ยังมั่นใจไม่หล่นเป็นที่2
ขอเสียง‘สว.’ช่วยหนุน
‘เพื่อไทย’เชื่อตั้งรบ.ได้
ปูด‘พิธา’ขายหุ้นสื่อทิ้ง
เจ้าตัวปิดปากไม่ตอบ
แกนนำ พรรคก้าวไกล นัดประชุมหารือภายใน “ชัยธวัช” เลขาฯ“ก้าวไกล”ห่วงเสียงโหวตเลือกนายกฯหลังกกต.เตรียมสอย“ว่าที่ สส.กว่า 20 คน” มั่นใจไม่ทำพรรค ตกเป็นอันดับ 2 ไม่กังวลสู้คดีหุ้นไอทีวี “พิธา” มั่นใจชี้แจงกกต.ได้ ชี้ไม่เข้าข่ายผิดรธน. ส่วน“ทักษิณ”จะกลับไทยในกรกฎาคมชี้เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกคนมีสิทธิที่เข้าสู่กระบวนการทาง ก.ม.ตามปกติ ชี้ไม่เข้าเกณฑ์“ก.ม.นิรโทษกรรม” ด้าน“พิธา”ชิ่ง! ปัดตอบปมขายหุ้นไอทีวีทิ้ง โยน“เลขาฯพรรค”
แจงแล้ว‘เรืองไกร’ปูด‘พิธา’ขายหุ้นไอทีวี42,000หุ้นทิ้งแล้วเดือนพ.ค. ถ้ามั่นใจไม่ผิด แล้วรีบขายหุ้นไอทีวีทำไม งัดหลักฐานคำพิพากษาศาลปกครองคดีขัดแย้งไอทีวีกับสปน.ยื่นต่อกกต.มัดเพิ่ม
ความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น เมื่อเวลา 09.50น.วันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ที่พรรคก้าวไกล(ก.ก.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ที่มีแกนนำพรรคทยอย เดินทางมาประชุมที่ทำการพรรค นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าด้วย
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่าวั นนี้เดินทางมาร่วมประชุมภายในพรรคซึ่งมีการประชุมทุกวันจันทร์โดยไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นวันที่แกนนำพรรคและคณะก้าวหน้า เข้ามาประชุมอยู่แล้ว
ไม่กังวลหุ้นไอทีวี’พิธา’มั่นใจแจงกกต.ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิก(ส.ว.)ระบุว่า กรณีหุ้นสื่อของนายพิธา อาจขัดรัฐธรรมนูญ 4 มาตรา ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องคดีไอทีวี ยังมั่นใจเหมือนเดิมว่า จะสามารถชี้แจงและต่อสู้ได้ เหลือแค่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าจะประสานงานมาทางนายพิธาและพรรค ก.ก.เมื่อไหร่ เมื่อถามว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรค ก.ก.มองว่ากรณีนี้เข้าข่ายตามที่นายสมชายระบุหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่าไม่เข้าข่าย เพราะเป็นรายละเอียดที่เตรียมต่อสู้ทางคดีอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ามีการเทขาย หรือโอนหุ้นไปก่อนแล้วจริงหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดแต่จริงๆแล้วการตีความกฎหมาย บรรทัดฐาน และมาตรฐานการวินิจฉัยมีหลายกรณีที่สามารถเทียบเคียงได้ ไม่น่าจะมีอะไร
ยังยัน‘พิธา’ไม่เข้าข่ายผิดรธน.
เมื่อถามถึงกรณีที่นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตระบุว่าหากศาลตัดสิทธินายพิธา จะทำให้การรับรอง ส.ส.ของนายพิธาขาดไปด้วย และอาจมีปัญหาเรื่องการส่งผู้สมัครครั้งที่แล้ว เพราะข้อบังคับของพรรคก้าวไกล เขียนไว้ว่าคนที่จะมีคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีเรื่องการถือหุ้นอยู่แล้ว กังวลเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า คงไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะต้องพิจารณาก่อนว่านายพิธามีความผิดหรือไม่ ซึ่งยังยืนยันว่านายพิธาไม่ได้มีความผิด และยืนยันว่าข้อบังคับพรรคเขียนไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึงหากมีปัญหาตรงจุดนั้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายพิธาก็จะมีปัญหาตามไปด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คิดว่าเป็นการตีความที่ไปไกลเกินไป
ขอเน้นคุยส.ว.หนุน‘พิธา’นั่งนายกฯ
เมื่อถามย้ำว่าวันนี้ทางพรรคต้องรอดูว่าคุณสมบัติของนายพิธา มีการถือหุ้นจริงใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่าตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุด คือ การทำความเข้าใจกับ ส.ว.เพราะอย่างไรก็ตาม เรื่องคดีถือหุ้นสื่อต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และจะพยายามประสานงานกับ ส.ว.ซี่งขณะนี้มีความคืบหน้าแล้ว ส่วนใหญ่ก็เหมือนเดิมอย่างที่เคยชี้แจงไปว่าเมื่อได้มีการพูดคุยกันแล้วกำแพงที่มีอยู่ก็จะลดลง
เมื่อถามว่าจะทำให้งานหนักขึ้นโดยเฉพาะการไปคุยกับ ส.ว.หรือไม่นายชัยธวัชกล่าวว่าถูกต้อง เพราะเลี่ยงไม่ได้ว่าการเลือกนายกฯต้องใช้เสียง ส.ว.มากขึ้น เป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามระบบ
ไม่ห่วงหลังกกต.จ่อสอย20ว่าที่ส.ส.
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการรับรองส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อาจต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อกว่า20 คน มีความกังวลว่า จะกระทบกับสัดส่วนตัวเลข ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลเช่นพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย หรือไม่ เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว่าว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้กังวล ในส่วนของพรรคอื่น ไม่ได้มีการสอบถาม อาจจะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ไม่ทราบว่ามีส.ส.ของพรรคก้าวไกลตกหายหรือไม่ เบื้องต้นคิดว่าไม่น่าจะมี
ชี้ไม่รับรอง20สส.กระทบโหวตนายกฯ
เมื่อถามว่าหากรายงานข่าวเป็นจริงกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เช่น ทำให้ต้องหาเสียงเหนื่อยขึ้น หรือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯ กระทบแน่นอน ซึ่งตนคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว หาก กกต.รับรอง ส.ส.ไม่ครบ ในวันโหวตนายกฯ ก็ต้องคิดฐานคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ให้น้อยลงกว่าเดิม แต่ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน น่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น
มั่นใจก.ก.ชนะเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม
เมื่อถามย้ำว่า จะกระทบกับอำนาจต่อรองของพรรค ก.ก.ด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงไม่มีผล พรรค ก.ก.มั่นใจว่าว่าที่ ส.ส.ของพรรค ชนะการเลือกตั้งด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงไม่ได้กังวลเรื่องนี้ แต่ในภาพรวมคงต้องเตรียมการไว้ หากจำนวน ส.ส.ซีกรัฐบาลมีจำนวนลดลงในวันโหวตเลือกนายกฯ
เมื่อถามว่าจะทำให้งานหนักขึ้นโดยเฉพาะการไปคุยกับ ส.ว.หรือไม่นายชัยธวัชกล่าวว่าถูกต้อง เพราะเลี่ยงไม่ได้ว่าการเลือกนายกฯต้องใช้เสียง ส.ว.มากขึ้น เป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามระบบ
ชี้สส.รัฐบาลเดิมโหวต‘พิธา’เป็นเรื่องดี
เมื่อถามต่อว่า ถ้าปัจจัยนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง จำเป็นที่จะต้องอาศัยเสียง ส.ส.จากพรรคที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่เราจะออกจากความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา หาก ส.ส.จากพรรคที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลยินดีที่จะโหวตให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดนนายกฯเพื่อทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตัน เพื่อรักษาระบบและเจตจำนงค์ของประชาชนไว้ แต่ทางพรรค ก.ก.เองคงไม่เหมาะสมที่จะไปแสดงความคิดเห็น เป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรค หรือของ ส.ส.แต่ละบุคคล เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีการเจรจากับทางส.ส.เพิ่มเลยใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ณ วันนี้ยังไม่มี แต่คิดว่า ก็มีความเป็นไปได้ อาจจะไม่ได้เป็นในนามพรรค แต่เป็นรายบุคคล
‘ทักษิณ’กลับไม่เข้าเกณฑ์กม.นิรโทษ
เมื่อถามถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯยืนยันจะกลับประเทศไทยในเดือนก.ค.นั้นนายชัยธวัชกล่าวว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนายทักษิณว่าจะตัดสินใจอย่างไรซึ่งเข้าใจว่าหากกลับมาก็มีกระบวนการทางกฎหมาย รองรับอยู่ เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามถึงกฎหมายนิรโทษกรรมที่พรรคก้าวไกลจะเสนอเข้าที่ประชุมสภา หากได้เป็นรัฐบาล ถ้านายทักษิณกลับมา จะเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า น่าจะเป็นคนละส่วนกัน ข้อเสนอนิรโทษกรรมจะเกี่ยวข้องกับคนที่มีคดีทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง ที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง แต่ไม่รวมถึงคดีอื่นๆเช่นการทุจริต ความผิดต่อการทำร้าย ที่มีผลต่อชีวิตและร่างกายของประชาชน แต่เป้าหมายคือเพื่อลดความขัดแย้ง เข้าสู่การสร้างความสมานฉันท์
‘พิธา’ชิ่ง!ปัดตอบขายหุ้นไอทีวีทิ้ง
เวลา14.00น.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีปฎิเสธที่จะกล่าวถึงกระแสข่าวการขายหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้นทิ้งแล้วเป็นความจริงหรือไม่ โดยระบุเพียงสั้นๆว่า”นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้อธิบายไปแล้ว”ก่อนจะขึ้นรถออกจากที่ทําการพรรคทันที
ปูด‘พิธา’ขายหุ้นไอทีวี42,000หุ้นทิ้งแล้ว
ความคืบหน้าจากกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น
นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนทราบว่า ล่าสุด นายพิธาได้ขายหุ้นไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น ออกไปเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงปลายเดือน พฤษภาคม 2566
ถ้าคิดไม่ผิด/ทำไมเพิ่งรีบขายหุ้นสื่อทิ้ง
“ถ้านายพิธา บอกถือหุ้นสื่อได้ ไม่ผิด แล้วรีบขายหุ้นออกไปทำไม รัฐธรรมนูญระบุคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.และผู้ได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรีไว้ชัดเจนว่าห้ามถือครองหุ้นสื่อ จะถือ 1-2หุ้น ก็มีความผิดแล้ว ไม่เกี่ยวกับจำนวนที่ถือครองหุ้น จะครอบงำการดำเนินกิจการได้หรือไม่”นายเรืองไกรระบุ
และว่าในส่วนข้อพิพาทระหว่าง สปน.กับไอทีวีนั้น หากในที่ศาลปกครองสูงสุด ยืนยันตามศาลปกครองชั้นต้น ให้ไอทีวีชนะคดี หมายความว่าไอทีวีสามารถกลับมาดำเนินกิจการสื่อได้ ดังนั้น ไอทีวีจึงยังไม่สิ้นสภาพความเป็นสื่อ การบอกว่า ไอทีวีเจ๊งไปแล้วจึงอาจยังไม่เจ๊ง
จ่อยื่นหลักฐานให้กกต.เพิ่มมัด‘พิธา’
ล่าสุดได้รับแจ้งว่าในวันพรุ่งนี้(6มิ.ย.)เวลาประมาณ 10.00น.นายเรืองไกร จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่กกต.เพื่อแสดงหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่อาจทำให้เห็นได้ว่าคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จากกรณีที่สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี(สปน.)บอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานกับITV โดยไม่มีสิทธิ หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลปกครองกลางเห็นว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายดังนั้นจึงจะขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าสัญญาเข้าร่วมงานของ ITV ยังควรถือว่ามีผลอยู่หรือไม่
นอกจากนี้ ตนจะขอให้ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมอีกว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แลแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ขายหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ออกไปแล้วหรือไม่
‘เพื่อไทย’มั่นใจซีกปชต.ตั้งรัฐบาลได้
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.)ให้ความเห็นความคืบหน้าในการตั้งรัฐบาลมีการร้องไปยังพรรคการเมืองต่างๆดูภาพรวมแล้วจะมีอะไรเป็นอุปสรรคหรือไม่ว่าเป็นเรื่องปกติ การร้องเรียนต่างๆ เกิดขึ้นตลอด แต่วันนี้อย่างน้อยที่สุดประชาชนสะท้อนเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงจึงไม่ต้องไปกังวล หรือสมมุติสถานการณ์อะไร
วันนี้พรรคฝ่ายประชาธิปไตย เตรียมหารือกันเพื่อทราบแนวความคิดในนโยบายของแต่ละพรรค แล้วนำมาดูกันว่า แต่ละด้านเหมือน หรือต่างกันอย่างไร แล้วนำความเห็นเหล่านั้น ไปปรับเพื่อให้เป็นจริงได้มากที่สุด เพราะเมื่อเป็นรัฐบาลผสม ไม่มีใครจะใช้นโยบายของตัวเองได้ฝ่ายเดียว ที่สุดแล้วยังต้องมาดูถึงการร่างนโยบายของรัฐบาลเพื่อเสนอต่อรัฐสภากันอีก เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ
“วันนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ได้ตกลงกันว่าจะใช้วาระของงานและความต้องการประชาชนเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งกระทรวง เมื่อแบ่งเรียบร้อยแล้วยังต้องมาพิจารณารายละเอียดการแบ่งกระทรวงต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามวาระที่ประชาชนต้องการ แล้วแต่ละพรรคที่ดูแลแต่ละกระทรวงก็ต้องไปวางนโยบายให้เป็นรูปธรรมสอดคล้องกับความต้องการประชาชนอีก”นายภูมิธรรม ย้ำ
เมื่อถามว่าจะสามารถตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นายภูมิธรรมตอบว่า เราต้องเชื่อมั่นในประชาชน เมื่อประชาชนแสดงเจตจำนงให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้ 312 เสียง เป็นเสียงส่วนใหญ่ ก็ต้องมั่นใจว่าการตั้งรัฐบาลต้องเป็นไปตามนั้น เพราะไม่มีอะไรสำคัญกว่าเสียงของประชาชน
20ส.ส.จะถูกสอย อย่าเดาให้เหนื่อย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวกกต.อาจสอยว่าที่ส.ส.ถึง 20 คน หากเป็นว่าที่ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล จะกระทบการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ว่า นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่อยากคาดเดา ไม่รู้ความเป็นจริง คืออะไร ถ้ามีอะไรชัดเจนค่อยหารือกันว่า จะกระทบหรือไม่ วันนี้ยังไม่รู้ข่าวจริงแค่ไหน ถ้าไปแสดงความคิดเห็นอะไร ไม่มีประโยชน์ รอให้ชัดเจนค่อยมาดูดีกว่า เพราะเราควรเริ่มที่สถานการณ์เป็นจริง คาดเดาไปเหนื่อยเปล่าๆ
กลุ่มพีมูฟตบเท้าหนุนก.ก.ตั้งรัฐบาล
บ่ายวันเดียวกัน กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ นำโดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารพีมูฟพร้อมตัวแทนได้เดินทางยื่นหนังสือให้พรรคก้าวไกล เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลเป็นรับหนังสือ ที่อาคารที่ทำการพรรคก้าวไกล โดยกลุ่มพีมูฟชูป้ายข้อความแสดงเจตจำนงค์ต่างๆเช่นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย,เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน,ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอารัฐเผด็จการ จะเอารัฐสวัสดิการ พอแล้วรัฐเผด็จการ รัฐสวัสดิการต้องมาแล้วไหม / ก่อนที่จะเคลื่อนมายังอาคารที่ทำการพรรค
ยื่น3ข้อจี้ทุกพรรคโหวต‘พิธา’นายกฯ
โดยนายจำนงค์ได้อ่านแถลงการณ์ 3 ข้อเรียกร้อง คือ1. เรียกร้องให้พรรคการเมืองทั้งหมด โหวตรับรองนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร 2.คุณสมบัติของนายพิธา ขอเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง และศาลรัฐธรรมนูญ ควรพิจารณาประเด็นปมถือหุ้น ด้วยการเคารพเจตนารมณ์ของบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และแนวทางการวินิจฉัยที่มุ่งสร้างหลักการประชาธิปไตยของประชาชน 3. การแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ 8 เครือข่ายทุก ภูมิภาค ต้องเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง อํานาจการบริหารรวมศูนย์ดังนั้นต้องมีการเร่งรัด ติดตามการแก้ไข ปัญหาและจําเป็นต้องมีรัฐมนตรีที่มีความเข้าใจในปัญหา ไม่มีอคติต่อภาคประชาชน ดำรงตำแหน่งในกระทรวง ต่างๆ ทํางานร่วมกันกับภาคประชาชนเพื่อสร้างบรรยากาศความร่วมมืออีกทั้งพีมูฟ พร้อมมีส่วนร่วมในการ ดําเนินนโยบายที่เกี่ยวข้อง
ลั่นเสียงประชาชนคือฉันทามติ
“ขอยืนยันว่า เสียงของประชาชน คือ ฉันทามติ ที่ทรงพลังกว่าอํานาจใดๆ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ว่าที่ ส.ส.ทุกคน จะร่วมกันสร้างการเมืองที่ถูกต้อง เป็นประชาธิปไตยโดยประชาชน ของประชาชน และเพื่อประชาชน สถาปนารัฐสภาอันทรงเกียรติ ซึ่งมีผู้แทนราษฎรที่ทําหน้าที่นิติบัญญัติ เพื่อพิทักษ์อํานาจอธิปไตยและประโยชน์ของประชาชน ได้อย่างแท้จริงต่อไป”
ก้าวไกลลั่นทำเต็มที่จะตั้งรบ.โดยเร็ว
ด้านนายชัยธวัชได้กล่าวขอบคุณกลุ่มพีมูฟ ที่มาติดตามการบ้านที่พรรคก้าวไกลให้ไว้มาก่อนเลือกตั้ง ความคิดเห็นของกลุ่มพีมูฟเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนความนึกคิดของประชาชนจำนวนมากต่อผลการเลือกตั้งและไม่อยากจะให้มีปัญหากระบวนการบิดเบือนมองว่าการเลือกตั้งเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยที่สามารถหาข้อยุติจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้อย่างสันติวิธีที่สุดที่สำคัญประชาชนจำนวนมากกำลังรอคอยรัฐบาลชุดใหม่เพื่อที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาหลายอย่างจากรัฐบาลชุดเดิม
“ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะพยายามทำอย่างเต็มที่ที่สุดเพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วเพื่อผลักดันนโยบายหลายอย่างที่สร้างความเป็นธรรมมากขึ้นในสังคม สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเจริญเติบโตทางสังคมทางเศรษฐกิจที่ทุกคนได้รับส่วนแบ่งของความเจริญไปอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม นี่เป็นจุดยืนของพรรคก้าวไกล”เลขาธิการพรรคก้าวไกลย้ำ
‘จตุพร’ชี้ตั้งรัฐบาลตีบตันไร้ทางออก
ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน”เร่งเกม?”เมื่อคืนวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้วิเคราะห์อ่านเกมการเมืองโดยประเมินสถานการณ์ตั้งรัฐบาลที่ตีบตัน ไร้ทางออก แต่มีหนทางเดียวคือ พรรคเพื่อไทย นำ 141 เสียงย้ายขั้วไปตั้งรัฐบาลกับฝ่าย188เสียง เพื่อแลกให้เจ้าของพรรคได้กลับบ้านแต่พรรคเพื่อไทยต้องสูญเสียครั้งใหญ่ กลายเป็นพรรคตระบัดสัตย์ ทรยศประชาชน ส่อแนวโน้มถูกต่อต้านอย่างรุนแรง
นายจตุพรยังประเมินอีกว่าการเมืองไทยขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ลำบากเดินไปหาอนาคตตั้งรัฐบาลไม่ราบรื่นเพราะรัฐบาลเก่าออกไม่ได้ต้องทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีครม.ใหม่ ส่วนคนใหม่ยังเข้าไม่ได้ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงจนมุมเหมือนกัน อีกทั้งเห็นว่าเมื่อหนทางการเมืองอับตันไปต่อยากลำบาก เพราะ312เสียงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เนื่องจากไม่มีส.ว.64 เสียงมาโหวตให้ แล้วอีกทั้งฝ่าย 188 เสียง ยังเป็นปฏิปักษ์กับพรรคก้าวไกลและลามถึงเพื่อไทยด้วย
‘พรรคเล็ก’ลุยฟ้อง3ศาลเลือกตั้ง‘โมฆะ’
ที่สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อชาติไทย ต.โนนโพธิ์ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทยกล่าวว่าตนจะไปยื่นศาลปกครอง กรณีเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 14 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ไม่ชอบมาพากล โดยได้รวบรวมหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อขอให้มีการไต่สวนและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อไม่ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประกาศรับรองรายชื่อส.ส.เป็นทางการ ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองจนกว่าคดีจะถึง โดยจะไปยื่นศาลปกครองภายในวันสองวันนี้ คือไม่วันที่ 6 มิ.ย.หรือวันที่ 7 มิ.ย.66 แน่นอน หากศาลปกครอง ประกาศคุ้มครองชั่วคราว จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองและรัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จะรักษาการไปเรื่อยๆ
พร้อม จะไปยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เอาผิด กกต.เรื่องการทุจริตซึ่งจะยื่นทั้ง 2 ศาลควบคู่กัน จากนั้นจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะด้วยนอกจากนี้ จะยื่นป.ป.ช.เอาผิด กกต.หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กกต.ทั้ง6-7คนจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
ศรีสุวรรณจ่อร้องป.ป.ช.ฟัน‘ครม.บิ๊กตู่’
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า“ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)เลื่อนการใช้พ.ร.บ.ป้องกันการทรมาน/อุ้มหาย ออกไปอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหลายมาตราโดยเฉพาะม.53 จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้แล้วนั้นการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงโดยไม่มีอำนาจที่จะทำได้ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชาติบ้านเมือง ระบบนิติรัฐ นิติธรรม ดังนั้นจึงจะนำความไปร้องต่อป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน เอาผิดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เพื่อชี้ให้เห็นถึงมาตรฐานทางจริยธรรมที่ผู้ใช้อำนาจฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนด โดยจะไปยื่นคำร้องในวันอังคารที่ 6 มิ.ย.2566 เวลา10.00น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี”