นายกฯยืนยันในที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ ไทยอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โชว์ตัวเลขหลังฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ คาดสิ้นปี 66 สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.2 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในที่ประชุม ครม.เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจไทย ว่า ยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว จากภาคบริการและการท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งให้ผลให้ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปก็ลดลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อด้านพลังงานมีการเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่วนตลาดแรงงานฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจ

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องแผนการขับเคลื่อน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี หลังจากมีการเปิดประเทศไทย-ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีการติดตามความคืบหน้าด้านต่างๆ หลังจากฟื้นฟูความสัมพันธ์มาระยะหนึ่งแล้ว โดยภาพรวมมูลค่าการลงทุนระหว่างไทย-ซาอุฯ อยู่ที่ 3.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.64 % ด้านนักท่องเที่ยว ในปี 65 มีนักท่องเที่ยวซาอุฯ เดินทางเข้าไทย ประมาณ 96,389 คน สร้างรายได้กว่า 8,000 ล้านบาท และสิ้นปี 66 คาดว่า นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.5 แสนคน สร้างรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มเที่ยวบินจาก 9 เที่ยวต่อสัปดาห์ เป็น 42 เที่ยวต่อสัปดาห์

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์​และกระทรวงพลังงาน ได้ติดตามโครงการต่างๆ ให้มีการพัฒนาและการดำเนินการคืบหน้าไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน และได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างต่อเนื่อง และช่วยลดระยะเวลาขนส่งที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา โดยมีโครงสร้างพื้นฐานหลักๆ คือ ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทย ที่ชุมพร และท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันที่ระนอง โดยมีเส้นทางเชื่อมโยงระหว่าง 2 ท่าเรือ ระยะทาง 90 กิโลเมตร เป็นทางหลวงพิเศษ ขนาด 6 ช่องจราจร และมีทางรถไฟ ขนาดรางมาตรฐาน อีก 2 ทาง

ทั้งนี้ จากการศึกษาความเป็นไปได้ คาดว่า โครงการมีมูลค่าการลงทุน รวมกว่า 5 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน โครงการยังอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มต่างๆ และนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นให้กระทรวงคมนาคม ศึกษา ความเหมาะสมออกแบบโครงการอย่างรอบคอบ และรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งผู้ประกอบการ นักลงทุน และชุมชมให้ครบถ้วนทุกฝ่าย

- 006