9 มิ.ย.66 หลังจาก กกต. มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง 3 คำร้อง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถือหุ้นไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น เหตุคำร้องยื่นเกินระยะเวลาตามกฎหมายกำหนด แต่มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาตามมาตรา 151 เหตุรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังฝืน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนต่อไป (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วนที่สุด!!! กกต.มติเอกฉันท์ไม่รับ 3 คำร้อง ปม'พิธา'ถือหุ้นไอทีวี แต่ไม่รอดมาตรา 151)
9 มิ.ย.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "แผนพิฆาต" โดยระบุว่า
ระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกให้เสียงคนส่วนมากลงคะแนน
ฝ่ายใดรวมกันได้เกินครึ่งเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ
หัวหน้าพรรคคะแนนมากสุดเป็น “นายกฯ”
แต่ประเทศไทย เลือกตั้งไปแล้ว คะแนนก็เห็นกันหมด จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ทิศทาง
วนเวียนอยู่กับ “หุ้นสื่อ” ตีความไปมา ร้องกันไม่หยุดหย่อน ยอกย้อนซ่อนเงื่อน
ประเทศตุรกีเลือกตั้งพร้อมกับไทย แค่ 3 วัน ได้รับมอบทำงานต่อ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนอย่างไทย
คาดว่าอีกนานกว่าจะรู้ “ใครเป็นนายกฯ?”
แค่หุ้นสื่อที่ปิดไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็จะเอาให้ได้
กกต. ดูเหมือน “ยกคำร้อง”
แต่กลับเป็นว่า “หนักกว่าเดิม”
นี่ยังไม่พูดถึงเรื่อง ส.ว. ที่ต้องมา “ช่วยเลือก” นายกฯ อีก
ทำไมระบอบประชาธิปไตยเรามันถึงยุ่งยากมากนักวะ!?