“จตุพร” วิเคราะห์แบบการเมืองถูกกำหนดให้ “ก้าวไกลขัดแย้งเพื่อไทย” เพื่อสะสมปัญหาได้นำพาไปสู่เป้าหมาย คลี่กลเกมระเบิดเวลาถูกจุดชนวนช่วงเลือก ปธ.สภา ลุกลามแตกหักวันเลือกนายกฯ ก่อรุนแรงประทุอารมณ์มวลชนสองฝ่ายเผชิญหา เปิดทาง “ประวิตร” เป็นนายกฯ นำ “ทักษิณ” กลับบ้าน
เมื่อ 20 มิ.ย.2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ระเบิดเวลา" โดยเชื่อว่า พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยจะเริ่มบาดหมางกันด้วยชนวนเลือกประธานสภา ที่ตกไปอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย จากนั้นสะสมความขัดแย้งขึ้น แล้วไปแตกหักในวันเลือกนายกฯ ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเห็นการทรยศหักหลังกันตำตา
นายจตุพร กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง 500 ส.ส.ไปก่อนจึงคอยตรวจสอบสอย 82 ส.ส.ที่มีปัญหาภายหลัง แต่การรับรองเกิดในช่วงเวลาเหมาะเจาะที่พรรคเพื่อไทยยอมรับหลักการในตำแหน่งประธานสภาฯ
สิ่งสำคัญ การรับรอง ส.ส.ของ กกต.ถูกมองว่า เป็นกลเกมเร่งให้เปิดประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภาฯ ขณะที่พรรคเพื่อไทยแปรเปลี่ยนความเห็นชั่วข้ามคืน จากท่าทีแข็งกร้าวไม่กินรวบ ต้องกินแบ่ง มาเป็นขานรับหลักการพรรคอันดับหนึ่งได้ตำแหน่งประธานสภา ส่วนอันดับสองได้ 2 รองประธานสภา ยิ่งก่อความสับสนและซ้ำเติมปัญหาในเป้าหมายการเลือกนายกฯ
นายจตุพร ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ได้ตำแหน่งประธานสภามาครอง อีกทั้งการกลับหลังหันของแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น สะท้อนถึงการออกแบบให้เกิดความสับสนในสังคมการเมือง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแตกแยกกันในพรรคเพื่อไทย เนื่องจากความเห็นขัดแย้งเป็นเพียงละครการเมืองที่แสดงให้ดูเหมือนเป็นปัญหากันเท่านั้น
นอกจากนี้ เห็นว่า การเลือกประธานสภา จะเป็นจุดบาดหมางระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย โดยเริ่มจากพรรคฝ่าย 188 เสียง เสนอนายสุชาติ ตันเจริญ ชิงกับตัวแทนของพรรคก้าวไกล อีกอย่างการโหวตเลือกตามประเพณีแล้วเป็นการลงคะแนนลับ แม้ยากที่จะรู้ว่าใครโหวตให้ใคร แต่จำนวนเสียงออก หากนายสุชาติ ชนะ อาการขัดแย้งย่อมแสดงออกได้ชัดเจนในพรรคก้าวไกล และอารมณ์ไม่พอใจจะทวีรุนแรงกับมวลชนของพรรคก้าวไกลด้วย
ถัดจากนั้น เมื่อมาถึงการเลือกนายกฯ ความขัดแย้งจะลุกโชนขึ้น ทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ถูกลดทอนลง เมื่อมีการเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าแข่งขัน ซึ่งเป็นการออกแบบการเมืองมุ่งหวังให้เสียงงูเห่าพรรคเพื่อไทยได้แสดงอิทธิฤทธิ์มาโหวตเลือก พล.อ.ประวิตร มาเป็นนายกฯ ก้าวข้ามความขัดแย้ง
"ที่อธิบายเช่นนี้ ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นเป็นจริง แต่การเมืองถ้ามองแค่ภายนอกก็จะหลงเชื่อกันได้ง่าย ส่วนภายในมันมีปัญหาในสองพรรค โดยเริ่มสำแดงในวันโหวตเลือกประธานสภา ซึ่งจะเป็นระเบิดเวลาทำให้เพิ่มความขัดแย้งกันมากยื่งขึ้น จัดเป็นการออกแบบปัญหาให้ พล.อ.ประวิตร โดดเด่นในการเลือกนายกฯ เพราะนายพิธา เห็นชัดเลยว่า ไปไม่ถึง 376 เสียงอยู่แล้ว"
นายจตุพร กล่าวว่า การออกแบบให้หักกันทางการเมืองนั้น ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยกระทำต่อพรรคก้าวไกล แม้ทั้งสองพรรคยืนยันหารือการตั้งรัฐบาล กำหนดตำแหน่งรัฐมนตรีกันก็ตาม แต่ล้วนเป็นตำแหน่งทิพย์ ไม่เป็นจริง เพราะตำแหน่งที่เป็นจริงคือ ประธานสภา ที่จะก่อความบาดหมางให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้ทวีความรุนแรงขึ้น
"หลังจากผลลัพธ์ประธานสภาออกมา ความขัดแย้งยิ่งเกิดเด่นชัดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นความขัดแย้งยังลุกลามไปสู่มวลชนพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล แล้วความขัดแย้งนี้จะส่งผลไปสู่นายกฯ แน่นอน ถึงที่สุดก็จะทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้แสดงบทบาทก้าวข้ามความขัดแย้ง และ พรรคก้าวไกล ก็แตกหักพรรคเพื่อไทยในวันเลือกนายกฯ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะการลงคะแนนเป็นแบบเปิดเผย ไม่มีเสียงอีแอบอีกเลย”
นายจตุพร กล่าวว่า อีกไม่กี่วันก็จะได้พิสูจน์การออกแบบการเมืองที่เริ่มด้วยเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภา แล้วเกิดปัญหานำไปสู่การขัดแย้ง และเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกฯ ซึ่งจะเป็นวันเปิดเผยการแตกหักระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย
"การออกแบบการเมืองของพรรคเพื่อไทยนั้น ล้วนไปสำแดงเดชในเป้าหมายให้ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านให้ได้ โดยใช้สมบัติชิ้นสุดท้ายคือ พรรคเพื่อไทยมาแลก ซึ่งเป็นการออกแบบกันใหม่ในสถานการณ์พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จึงเกิดปฎิบัติการจุดความขัดแย้ง สร้างปัญหา เพื่อให้ไปบรรลุเป้าหมายแตกหักวันเลือกนายกฯ แล้วได้ทักษิณ กลับบ้านเป็นคำตอบสุดท้าย"นายจตุพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี