"พิธา"ยกผลโหวตประธาน-รองประธานสภาฯสะท้อนความเป็นเอกภาพในพรรคร่วม ชี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีการันตีเก้าอี้นายกฯ พร้อมน้อมนำพระราชดำรัสเรื่องชาติ -ประชาชนใช้บริหารประเทศ ด้าน"ปดิพัทธ์"ชี้ผลคะแนนผ่านการเจรจาเดินตามเป้าฟอร์มรบ.-นิติบัญญัติ

เมื่อเวลา 14.10 น.วันที่ 4 ก.ค.66 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกพรรคก้าวไกล ว่าที่รองประธานสภาคนที่ 1 ร่วมแถลงภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกประธานสภาและรองประธานสภา ว่า เป็นการยืนยันถึงเอกภาพของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค ที่สามารถรวบรวมเสียงไม่ให้แตกแถว โดยกรณีรองประธานฯคนที่ 1 ที่มีการโหวตแข่งกัน ตัวเลขที่ออกมา 312 เสียงที่เลือกนายปดิพัทธ์นั้น ทางพรรคก้าวไกลมีส.ส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ 1คน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาชั่วคราวงดออกเสียง และมีสมาชิกของพรรคร่วม 1 คนไม่ได้มาประชุม

"ตัวเลขที่ออกมาแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจดียวกัน สามารถพูดได้ว่าเรามีเอกภาพเต็มร้อย และเป็นนิมิตรหมายที่ดี และจะมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆน่าจะเป็นทิศทางที่ดี ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ขณะเดียวกันตนมีการพูดคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาและรองประธานทั้งสองคนถึงกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับผู้ใช้แรงงาน กลุ่มชาติพันธุ์ สุราก้าวหน้าและสมรสเท่าเทียมว่าจะไม่เป็นอุปสรรค กับประธานสภาทั้ง 3 ท่าน แต่จะมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการผลักดันกฎหมายสำคัญ ทั้งเรื่องการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง และการปฏิรูปกองทัพ ตามที่ได้แถลงร่วมกันไประหว่างพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล"นายพิธา กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดีในการเลือกนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี

เมื่อถามว่าในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะนำพระราชดำรัสมาปรับใช้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า จะนำพระราชดำรัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติ และประชาชนที่ท่านทรงเน้นย้ำมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน

เมื่อถามว่าข้อตกลงของพรรคพท. และก.ก. ในข้อที่ 4 เรื่องนิรโทษกรรม และเรื่องปฏิรูปกองทัพครอบคลุมไปถึงเรื่องใดบ้าง นายพิธา กล่าวว่า  เรื่องของนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของพ.ร.บ. ในเรื่องของรายละเอียด พรรคก้าวไกลมีร่างพ.ร.บ.เตรียมไว้ แต่ในขณะเดียวกันเป็นเรื่องของนิติบัญญัติ ที่จะต้องมีอภิปรายกันในสภา มีการตั้งคณะกรรมาธิการ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรค ก.ก. เสนอ ก็มีร่างพ.ร.บ. ชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมากล่าวถึงรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ให้เป็นเช่นนั้นไปก่อน สักพักก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเอง นายพิธากล่าวว่า ต้องถามนายวิษณุเอง ตนไม่แน่ใจว่าหมายความว่าอย่างไร

เมื่อถามว่า กรณีที่มีการถูกร้องเรื่องที่ดินและหุ้น กังวลหรือไม่ที่จะเป็นสาเหตุให้ส.ว.ไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ นายพิธากล่าวว่า หากเป็นเรื่องที่ดินอ.ปราณบุรี ตนได้แจ้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. ไปแล้ว 2 ครั้ง หากเข้ารับตพแหน่งก็จะต้องแจ้งครั้งที่ 3 ตนยังไม่เห็นคำร้องว่าติดใจเรื่องอัไร และตนสามารถอธิบายได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว และใั่นใจว่าการชี้แจงครั้งที่ 1 และ 2 และครั้งที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็จะตอบคำถามของหลายฝ่ายได้ ในเรื่องราคาที่ดินก็สามารถอธิบายได้

เมื่อถามว่า การแถลงเมื่อวานที่มีเพียง 2 พรรคระหว่างพรรคก.ก. และพท. อีก 6 พรรคจะผิดใจหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เมื่อวานแถลงพร้อมกัน 2 พรรคก็แสดงว่า เป็นความเห็นชอบของ 2 พรรค ส่วนรายละเอียดต้องคุยกันในสภา ในเนื่องของ 6 พรรคได้ชี้แจงและนำแถลงการณ์ให้ทั้ง 6 พรรคได้เห็นแล้ว 

เมื่อถามว่า ระหว่างทางวันนี้ถึงวันโหวตนายกฯ มีเรื่องที่ไม่สบายใจหรือไม่  ความสัมพันธ์พรรคร่วมฯ จะมีขัดแย้งอะไรหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ลึกๆ ในใจ คือจะตั้งใจทำงาน จะพยายามตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาประชาชน เรื่องปัญหา 8 พรรคร่วมไม่อยู่ในใจตน

ด้านนายประดิพัทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณในความสนใจเท่าที่เราได้ติดตามดูการเลือกตั้งประธานสภาเป็นเรื่องที่หนักอกหนักใจ ของประชาชนที่ต้องการความชัดเจน วันนี้ก็ปรากฏว่าทุกอย่างดำเนินไปได้เรียบร้อยดี และคะแนนที่ตนได้รับแม้จะมีการเสนอชื่อแข่งขัน มีการแสดงวิสัยทัศน์และโหวตคะแนนที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ 

ทั้งนี้ คณะทำงานมีข้อตกลงว่าประธานสภาและทีมทำงานประธานสภาจะมีวาระอย่างไร ให้รัฐสภาไทยของเราก้าวหน้า โปร่งใสและเป็นของประชาชนมากขึ้น ซึ่งตนได้คุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ ก็เห็นตรงกันหลายมิติ จะผสมผสานระหว่างประสบการณ์และความรู้ใหม่ ความตั้งใจ เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เป็นส่วนผสมที่ดีมากให้สภาของเราก้าวหน้าได้

ขณะนี้อาคารสภายังมีพื้นที่ในการพัฒนาอีกมากมายเพื่อให้สื่อมวลชนทำได้ดี ประชาชนเข้ามาใช้งานได้อย่างปลอดภัย รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งถึงอำนาจที่เขามีซึ่งเป็นใหม่ที่ท้าทายและตนจะตั้งใจ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากสภาแล้วซึ่งก็ได้ลาออกจากกรรมการบริหารเรียบร้อยแล้วจะเริ่มต้นทำงานอย่างเป็นกลางตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า เราสนใจเรื่องของเป้าหมายในการตั้งรัฐบาล และการฟอร์มกฎหมายสภานิติบัญญัติที่ดีให้ได้ เราคิดว่าผลที่ออกมาไม่ได้แปลว่าใครยอมใคร ต้องผ่านการเจรจาอย่างที่ดีที่สุด ทุกการเจรจาอยู่ในการจับจ้อง และวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนเสมอ เป็นสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อเราไม่ได้คิดว่าใครจะดำรงตำแหน่งอะไร แต่ยึดเป้าหมายและนโยบายเป็นตัวตั้ง เช่นเดียวกันกับการฟอร์มรัฐบาล การฟอร์มนิติบัญญัติก็จะมีเอกภาพเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า ในฐานะรองประธานสภา จุดยืนในการโหวต พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียมนั้นเป็นอย่างไร นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ในฐานะส.ส. จากการหารือกับทางพรรคก่อนจะงดออกเสียงในรอบที่แล้ว คือการวางหลักการของศาสนิกชนไว้เพียงวาระที่ 1 เท่านั้น ตนในฐานะส.ส.ก็จะโหวตเห็นชอบบในวาระที่ 2 และ 3 แน่นอน ส่วนในฐานะรองประธานสภา เมื่อมีการบรรจุญัตติ วินิจฉัยของประธาน อคติของประธานจะต้องไม่เป็นอุปสรรคในการบรรจุญัตติทุกญัตติ เพราะฉะนั้นสิ่งท่เราจะเปิดกว้าง คือหากผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง เรื่องนี้ก็สามารถบรรจุได้ เพราะฉะนั้นวิจารณญาณของประธานจะต้องน้อยลงกว่านี้