“จตุพร”เชื่อเกมชิงนายกฯพลิกเปลี่ยน คาด “พิธา” แข่งเดี่ยวไม่มีคนประกบ ปล่อยรัฐสภาลงมติใช้เสียง 376 ชี้ขาด ไม่ถึงก็ไม่ผ่าน หวัง“วันนอร์ มะทา”เปิดทางสู้ใหม่ให้สิ้นสงสัย แล้วเรียงไล่ไปสู่สองแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย มั่นใจอย่างเก่งได้แค่ 312 เสียง ไม่ผ่านด่าน 376 จับตาเกมฝ่าย 188 เสียงได้โอกาสดึง 63 เสียงจาก 312 มาตั้งรัฐบาล ดัน “ประวิตร”ยืนหนึ่งนายกฯ
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ท่านประธาน!!" โดยระบุว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาที่ทุกฝ่ายยอมรับการทำหน้าที่ อีกทั้งเชื่อว่า จะเปิดโอกาสให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชิงตำแหน่งนายกฯ เพียงคนเดียวจนกว่าจะสิ้นสงสัยต่อการไม่ได้รับเสียงจาก ส.ว. 64 เสียงมาผ่านด่าน 376 เสียง จึงไม่ได้เป็นนายกฯ
นายจตุพร กล่าวว่า การเลือกตำแหน่งประธานสภาสิ้นสุดลงแล้วด้วยความเรียบร้อย (เมื่อ 4 ก.ค.) โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้รับเลือกด้วยเสียงเอกฉันท์ เพราะไม่มีผู้แข่งขัน เมื่อผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้จึงทำให้ไม่มีฝ่ายใดได้หรือเสียประโยชน์ ส่วนพรรคเพื่อไทยแม้โชว์ความเขี้ยวลากดินทางการเมือง ปรับเปลี่ยนท่าทีกลับไปกลับมา แต่ไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาตามความต้องการเช่นกัน
อีกทั้ง กล่าวว่า เกมตำแหน่งประธานสภา เริ่มเห็นร่องรอยการเปลี่ยนมาสู่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เนื่องจากนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ หลังจากไปคุยนายสุชาติ ตันเจริญ ผู้เป็นพ่อ แล้วโพสต์ว่าพ่อเชื่อฟังลูกเพื่อเห็นแก่ประชาธิปไตย จึงแสดงถึงการเปลี่ยนเกมแล้ว
“เมื่อนายสุชาติ ไม่รับเป็นประธานสภา หวยจึงมาออกที่นายวันนอร์ มะทา ซึ่งทุกฝ่ายล้วนยินดี และไม่มีฝ่ายไหนเสียสักคน แต่ได้กันทุกฝ่าย ดังนั้นเสียงของสภาจึงออกมาเป็นเอกฉันท์”
นายจตุพร กล่าวว่า การเลือกประธานสภา เป็นเพียงเกมยกที่หนึ่งเท่านั้น ส่วนหนทางข้างหน้าเป็นการเลือกนายกฯ จะพิสูจน์ความจริงใจและเอกภาพของ 8 พรรค 312 เสียง ซึ่งยากอย่างยิ่งที่จะหาเสียงมาเติมให้ครบ 376 เสียง เพื่อนายพิธา จะได้เป็นนายกฯ แต่ทั้งหมดต้องลุ้นในวันเลือกนายกฯ
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ พรรคเพื่อไทยเริ่มส่งสัญญาณไม่เป็นเอกภาพ 312 เสียงเสียแล้ว โดยนายสุทิน คลังแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย เกิดไม่ชอบใจเนื้อหาแถลงความร่วมมือเสนอนายวันนอร์ มะทา เป็นประธานสภาของฝ่าย 8 พรรค ดังนั้น จะมีผลกระทบต่อเอกภาพเสียง 312 หรือไม่ นอกจากนี้ด่านสำคัญคือ จะนำเสียง 64 ของ ส.ว.มาจากไหนเพื่อให้นายกฯ จากฝ่าย 8 พรรคได้เสียงถึง 376
“เชื่อว่า การโหวตเลือกนายกฯ นั้นคงมีความเป็นไปได้ว่านายพิธาจะถูกเสนอให้สองสภาลงมติคนเดียว ไม่ต้องมีอีกฝ่ายส่งแข่งด้วย แม้แข่งกับการลงมติว่าจะได้ 376 เสียงหรือไม่ ให้ไปพิสูจน์ในช่วงเรียกชื่อลงมติทีละคน แต่หากยังไม่ถึง 376 เสียงก็มีโอกาสให้ลงมติได้อีกสักครั้งเพื่อพิสูจน์ความข้องใจ ให้หายสิ้นสงสัยไปเลย ว่า ส.ว.ไม่โหวตเสียงให้”
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้านายพิธา หมดความข้องใจ และได้มติไม่ผ่าน 376 เสียงแล้ว ก็ถึงคิวอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน สองแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย แต่ที่สุดเชื่อได้ว่า คงได้เสียงเพียง 312 เสียงเท่ากัน ดังนั้นผลลัพธ์ก็ออกมาไม่แตกต่างจากนายพิธา เพราะ ส.ว.ไม่มีมติเติมเสียงให้ แล้วในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องอยู่รักษาการนายกฯ ต่อไป จนกว่าจะเลือกนายกฯ ใหม่มาทำหน้าที่ได้
“เมื่อฝ่าย 8 พรรคหาเสียงไม่ถึง 376 ย่อมสร้างความอึดอัดให้สังคมแน่นอน จึงเปิดโอกาสให้ฝ่าย 188 เสียง เข้ามาก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยการหาเสียงอีก 63 เสียงจากฝ่าย 8 พรรคมาหนุนเพิ่มให้เสียงถึง 251 เสียงก็จะได้เกินครึ่งสภา แล้วนำ ส.ว. 250 เสียงมาเติมก็ได้เป็นนายกฯ และตั้งรัฐบาลใหม่ได้”
ดังนั้น สถานการณ์ทางการเมืองจึงต้องใส่ใจกับการชิงตำแหน่งนายกฯ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังยืนหนึ่งอยู่เพื่อมาข้ามความขัดแย้ง พร้อมกับจะมีเสียงจากฝ่าย 312 เสียงกว่า 60 คนมาร่วมหนุนในการตั้งรัฐบาลให้ได้
"สิ่งนี้จึงต้องจับตา เพราะฝ่าย 312 เสียงยากจะหา ส.ว.อีก 64 เสียงมาเติมให้ผ่านด่าน 376 เสียงได้ แต่ฝ่าย 188 เสียงสามารถนำ ส.ว.มาโหวตได้ แต่ต้องการเสียง ส.ส.จากฝ่าย 312 เสียงมาเพิ่มเติมอีกประมาณ 63 เสียงเพื่อให้ได้เสียงรัฐบาลเกินครึ่งจึงสามารถบริหารประเทศได้ จึงมีโอกาสน่าจะเป็นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เกมใหม่นี้จึงน่าจับตา”นายจตุพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี