วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หลอกแดกแหกตาต้มตุ๋น ชุลมุน แต่ให้ระวังว่าอย่าให้เสียเมือง

1.ผู้กองธรรมนัส เลขาธิการ พปชร. แถลงว่าน่าจะเลือกนายกฯ ได้ไม่เกินวันที่ 15 สิงหาคม และแสดงท่าทีพร้อมที่จะร่วมรัฐบาล “เพื่อให้การเมืองและการบริหารประเทศเดินหน้าไปได้”

ย่อมหมายความว่าการเลือกนายกฯ อาจจบที่การเมืองฉาก 2 ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำก็ได้

2.ข่าวอดีตนายกฯ ทักษิณจะกลับไทยวันที่ 10 ส.ค. หรือไม่ และคำสั่งสำนักพระราชวังเกี่ยวกับการลงโทษข้าราชการในพระองค์จะจริงหรือไม่ยังคงสับสนวุ่นวาย จนกระทั่งถึงค่ำวันอาทิตย์ก็ยังไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
นี่แหละคือฤทธิ์ของพระราหู ที่ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ

เหมือนกับเต่า ที่ไม่อยู่ในที่สว่างหรือในที่มืด แต่เต๋าจะอยู่ในที่สลัวๆ

ต่อเมื่อถึงวันที่ 17 สิงหาคมแล้วนั่นแหละ แสงพระอาทิตย์จะเจิดจ้าสลายความสลัวนั้นให้เห็นความจริงแท้ว่าเป็นไฉน

บ้านเมืองจะได้สว่างไสวเสียที

3.ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็มาแทรก ช่วงนี้เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ทั้งที่ฝ่ายทหารไทย-เมียนมา และชนกลุ่มน้อย ได้ตกลงที่จะไม่ปะทะกัน โดยมีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามายังเขตไทย จนเกิดความเสียหาย

ใครทำยังไม่รู้ แต่สื่อฝรั่งโหมกระหน่ำว่ารัฐบาลเมียนมา เป็นฝ่ายยิงกระสุนปืนใหญ่ เข้ามายังเขตไทย ส่วนรัฐบาลเมียนมาก็ต่อว่าประเทศไทยอย่างเป็นทางการว่า สมยอมให้ต่างชาติส่งคนและอาวุธเข้าไปช่วยฝ่ายกบฎรบกับเมียนมา

ถ้าเกิดสองกองทัพปะทะกัน สหรัฐอเมริกาก็สามารถส่งกองทัพเข้ามาประเทศไทยเต็มอัตราศึกตามแถลงการณ์ร่วมอินโดแปซิฟิก ที่ลงนามร่วมกับสหรัฐไว้

ภายนอกประเทศก็จะเผชิญหน้ากับเมียนมา ที่มีรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือสนับสนุน

ภายในประเทศก็ถูกกดดัน โดยมติรัฐสภาสหรัฐ ที่ให้แทรกแซงประเทศไทยทั้งทางการเมืองและการทหารได้

ล่าสุดสหภาพยุโรปได้แสดงท่าทีชัดเจนว่า นายพิธาจะต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตย

ในขณะที่การชุมนุมในหลายพื้นที่เริ่มยกระดับเป็นการเดินขบวน

ศึกนอก-ใน ประดังกันเข้ามาเช่นนี้ ใครเล่าจะรับมือแก้ไขได้ จะสามารถรักษาบ้านเมืองให้รอดปลอดภัยได้?