"เศรษฐา"ส่งทนายฟ้อง"ชูวิทย์"หมิ่นมีวาระซ่อนเร้น-หวังผลการเมืองปมซื้อขายที่ดิน เรียกค่าเสียหาย 500 ล้าน แจงยิบแสนสิริซื้อขายถูกต้อง ศาลนัดไต่สวน 9 ต.ค.นี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เปิดเผยว่า นายเศรษฐามอบอำนาจให้ตนมายื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ที่นายชูวิทย์กล่าวหาว่า บริษัทแสนสิริ โดยนายเศรษฐา ซื้อที่ดินและมีการหลีกเลี่ยงภาษี
โดยคำฟ้องมีสาระสำคัญสรุปว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2566 จำเลยทราบอยู่แล้วว่า ในวันที่ 4 ส.ค.2566 จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา และคาดหมายว่าจะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ในฐานะเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต่อที่ประชุมรัฐสภา
ขณะที่นายชูวิทย์ ได้จัดแถลงข่าวที่โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 โดยใช้ชื่อว่า “แฉเพื่อชาติ EP 1” ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ในลักษณะใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม เพื่อให้ประชาชนบุคคลทั่วไป รวมทั้งสมาชิกรัฐสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ที่จะต้องลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุคคลทั่วไป ที่ได้รับฟังรับชมการแถลงข่าวของจำเลย หลงเชื่อและเข้าใจว่า โจทก์เป็นบุคคลไม่ดี เป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่สมควรที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าว บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่แถลงการณ์ต่อสาธารณะ หัวข้อ “แสนสิริ ชี้แจงซื้อที่ดินถูกต้องตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล” ยืนยันว่า บริษัทฯ ยืนยันได้ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งจำเลยสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ทั้งต้องใช้ความระมัดระวังในการเสนอข้อเท็จจริง แต่จำเลยกลับไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนมีการแถลงดังกล่าว แต่ยืนยันข้อเท็จจริงและมีเจตนาที่จะไม่ให้สมาชิกรัฐสภาทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ไม่เห็นชอบให้โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น และจำเลยมีเจตนาให้ประชาชนบุคคลทั่วไปที่ได้รับชมรับฟังการแถลงข่าวของจำเลยดังกล่าว หลงเชื่อ และเข้าใจทันทีว่า โจทก์เป็นบุคคลไม่ดี โกงภาษี ไม่มีธรรมาภิบาล เป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ความจริงผู้ขายได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการโอนแบ่งคืนให้ผู้ถือหุ้นคนละวันกัน จึงไม่ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพร้อมกัน ต่อมาเมื่อมีการขายให้บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทเดียวโดยต่างคนต่างขายคนละวัน หรือแม้ว่าจะขายในวันเดียวกัน ผู้ขายทั้งหมดก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 100/2543 ลงวันที่ 24 พ.ย.พ.ศ.2543 ข้อ 4 (2) เนื่องจากข้อเท็จจริงกรณีนี้ไม่ได้มีการเข้าถือกรรมสิทธิ์รวมพร้อมกัน จึงให้บุคคลแต่ละคนที่ถือกรรมสิทธิ์รวม เสียภาษีเงินได้ในฐานะบุคคลธรรมดา โดยแยกเงินได้ตามส่วนของแต่ละคนที่มีส่วนอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่ถือกรรมสิทธิ์รวม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อร่างกายและจิตใจ เป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายข้อความ ซึ่งฝ่าฝืนความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์ หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของโจทก์ ทำให้โจทก์ขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชน เนื่องจากโจทก์เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและเป็นบุคคลที่พรรคเพื่อไทย มีมติให้ส่งชื่อกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
"ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า นายชูวิทย์มีเจตนา พูดไม่ครบถ้วน ให้ข้อเท็จจริงในลักษณะให้เกิดความเข้าใจผิด และมีวาระซ่อนเร้นที่จะกลั่นแกล้งโจทก์หรือไม่ การใส่ความนายเศรษฐาให้ประชาชน และสมาชิกรัฐสภาเชื่อว่า นายเศรษฐากระทำผิดกฎหมาย และขัดธรรมาภิบาล เพื่อหวังผลทางการเมือง และไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนอย่างที่นายชูวิทย์กล่าว ซึ่งทางโจทก์ได้ยื่นฟ้องพร้อมเรียกค่าเสียหายจากนายชูวิทย์จากการกระทำละเมิดต่อโจทก์ดังกล่าวเป็นเงินจำนวน500 ล้านบาทถ้วน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าตำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์" ทนายความ กล่าว
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ตนทราบว่านายชูวิทย์กำลังป่วย ตนจึงให้กำลังใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ แต่ที่ต้องฟ้องไม่ใช่การรังแกคนป่วย เป็นคนละเรื่อง เพราะการกระทำของคุณชูวิทย์ เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดกฎหมาย จะใช้สิทธิละเมิดผู้อื่นมิได้ เราทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน หากโดนละเมิดสิทธิ คุณเศรษฐาก็ต้องปกป้องสิทธิของตัวเอง ไม่เช่นนั้น คนทั่วไปและสมาชิกรัฐสภาหรือวิญญูชนย่อมเข้าใจในทางไม่ดีต่อคุณเศรษฐา และยังมีการกล่าวหรือกระทำการให้ร้ายอยู่ต่อไป แม้คุณชูวิทย์จะบอกว่าตัวเองป่วย ใกล้ตาย มีเวลาไม่นาน แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่พูดจะต้องจริง ทางกฎหมายคือเจตนาใส่ความนั่นเอง เมื่อตนยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาแล้ว อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าคดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรนำไปขยายประเด็นหรือใส่ความอีก เพราะจำเป็นต้องมีการฟ้องดำเนินคดีตามสิทธิ์ กล่าวโดยสรุป คุณเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ย่อมอาจถูกตรวจสอบได้ แต่ประชาชนที่รับข้อมูลข่าวสารต้องพึงระวังว่าในข้อมูลนั้น และต้องรอบด้าน ไม่ใช่รีบตัดสินเพื่อเชื่อเลยทีเดียว เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องภาษีและเป็นการดำเนินการตามมาตรการการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรไม่ใช้เรื่องเลี่ยงภาษีหรือทำให้รัฐเสียหาย
นายชูวิทย์อาจจะระบุว่าการแถลงข่าวขณะนั้นเป็นการใช้สิทธิ์ประชาชนตรวจสอบเศรษฐาตามสิทธิ์รัฐธรรมนูญก็สามารถระบุได้ แต่ทั้งนี้ตนอยากจะบอกว่าการใช้สิทธิ เสรีภาพต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย การที่ชูวิทย์แถลงข่าวในวันนั้นนอกจากมีการใช้สื่อประกอบเป็นโครงสร้าง แผนผัง แสดงแล้วยังมีบุคคลที่ 3 จำนวนมากที่ถูกพาดพิง เป็นข้อเท็จจริงที่จงใจปกปิดหรือจงใจทำให้คนเข้าใจผิดหรือไม่ นี่คือข้อกล่าวหาที่ตนในฐานะตัวแทนมายื่นฟ้องเพราะเราเห็นว่านายชูวิทย์มีเจตนาใส่ความให้เกิดความเสียหายอย่างชัดเจน
ข้อเท็จจริงที่เป็นความจริงที่ตนรับรู้และรับทราบ ซึ่งทางบริษัทแสนสิริได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ ว่า การได้ที่ดินของผู้ถือหุ้นทั้ง 12 คน เป็นการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ไม่พร้อมกันเป็นไปตามคำสั่งของกรมสรรพากร ซึ่งนายชูวิทย์ไม่ได้ระบุถึงในส่วนนี้ให้ชัดเจนว่าบริษัทแสนสิริ มีการซื้อที่ดิน จากผู้ถือหุ้นที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาไม่พร้อมกัน เพียงแต่ระบุว่ามีการโอนขายให้บริษัทแสนสิริไม่พร้อมกัน
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ระบุถึงเส้นบางๆ ระหว่างจริยธรรมเรื่องการวางแผนภาษี กับการเลี่ยงภาษี ที่ไม่เหมือนกัน ในเรื่องนี้ตนเห็นด้วยแต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การเลี่ยงภาษีแต่เป็นการวางแผนด้านภาษี ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายไม่ใช่การสมรู้ร่วมคิดกระทำการผิดกฎหมายเพื่อทำให้รัฐเสียประโยชน์
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า การที่นายชูวิทย์ออกมากล่าวหาเศรษฐา ก่อนถึงวันประชุมร่วมรัฐสภามีเจตนาคืออะไร ถ้ามีเจตนาตรวจสอบก็ว่าไป แต่การกระทำให้แคนดิเดตอันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทยที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกรัฐสภาเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกมองว่าเป็นคนโกงภาษีไม่มีความเหมาะสมเป็นนายกฯ อันนี้คือเจตนาที่เราเห็นว่า นายชูวิทย์ไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 9 ต.ค.นี้ โดยตนเตรียมพยานวันบุคคล 7 - 8 ปาก และพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแสดงต่อศาล
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี