ฝากประเทศชาติด้วย! "บิ๊กป๊อก"อำลาตำแหน่ง"มท.1" ส่งท้าย 9 ปีเต็ม เปิดใจจากนี้ขอพักผ่อน ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ขอให้กำลังใจรัฐบาลใหม่อยู่ข้างนอก ชี้สื่อมีอิทธิพล สร้างการรับรู้ให้สังคม ขอฝากประเทศชาติด้วย
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เชิญสื่อมวลชนรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน โดยมี นายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการระดับสูงเข้าร่วมด้วย ในโอกาสอำลาตำแหน่ง
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเปิดใจต่อสื่อมวลชนว่า สื่อมวลชนมีส่วนสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ตนเข้าใจ ที่อาจจะมีคำถามแรงๆ หากมีการถามอวย คนก็ไม่ฟัง ต้องมีการถามแรงๆ บ้างอะไรบ้าง ซึ่งสื่อหลายคนที่อยู่ตรงนี้ ก็ติดตามทำข่าว มาตั้งแต่ตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้รับความเมตตาจากสื่อมวลชนถ้าพูดแบบไทยๆ แม้บางคนถามแรงแต่ก็ถือว่าทำงานด้วยกัน
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของบ้านเมืองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งสิ้น สื่อมีความสำคัญ และมีอิทธิพล ในการทำให้สังคมรับรู้แนวคิด ซึ่งภาครัฐก็ทำงานอย่างเต็มที่ มีการปรับตัว เผยแพร่ ผ่านระบบ ออนไลน์มากขึ้น ภาครัฐยังทำงานแบบราชการแต่ถ้าสื่อพูดสังคมจะฟังจึงขอฝาก สังคมจะไปในทิศทางใด ขึ้นอยู่กับสื่อในการนำเสนอข่าว เขียนไปในทางที่ดีหรือความแตกแยก ดังนั้นขอฝากสื่อด้วย รวมถึงประเทศชาติฝากไว้กับสื่อเพราะในเร็ววันนี้อย่างที่ทราบกันดี วันใดที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วตนและนายนริศก็ถือเป็นประชาชน เหมือนพวกท่าน เท่านั้น ซึ่งจะเป็นผู้รับผลประโยชน์จากทางการเมืองเหมือนกันไม่ว่าเขาจะตัดสินใจในเรื่องอะไร จะขึ้นภาษีหรือลดภาษี ตนก็ต้องได้รับผลจากผู้ที่อยู่ในอำนาจรัฐเหมือนกัน จึงขอฝากประเทศชาติไว้ด้วย
"หากจะถามว่ารัฐมนตรีที่มาใหม่ ดูแลกระทรวงมหาดไทยนั้น ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินเรามาด้วยระบอบประชาธิปไตย เป็นการเลือกตั้งเข้ามาและมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี สามีแนวคิดหรือนโยบายแนวทางอย่างไร ถือเป็นอำนาจหน้าที่ เราไม่ต้องไปห่วง ทฤษฎีของตน คือ เมื่อเราคิดและทำก็คิดว่าเราจะทำได้ ขณะที่คน เข้ามาใหม่ เขาคิดจะทำแบบใดก็ต้องเคารพกันไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใย สมมุติว่าใครที่คิดจะทำอะไรแล้วสื่อจะเป็นตัวบาลานซ์ สื่อจะมาวิจารณ์ว่าควรทำไม่ควรทำและจะมีผลกระทบอย่างไร ตรงนี้จะเป็นการลงตัวของสังคม ใครที่มาใหม่ตนก็ให้กำลังใจ ในการทำงาน ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินจะแนวทางไหนเราก็ต้องเคารพตามอำนาจหน้าที่ของเขาเมื่อเราเป็นประชาชนก็ เมื่อพวกเราเป็นประชาชนก็คอยนั่งเชียร์อยู่ข้างนอกคอย นั่งเชียร์ อยู่ข้างนอก เขาทำดีเราก็ได้รับผลประโยชน์ด้วย ผมใช้ชีวิตง่ายๆ หากจะถามว่าหลังจากนี้จะไปทำอะไร อายุขนาดนี้คงต้องรักษาสุขภาพในช่วงท้ายของชีวิตไม่ให้มีปัญหาสุขภาพมาก ต้องดูแลร่างกายพักผ่อน ออกกำลังกายทำในสิ่งที่ควรทำ หลายคนบอกให้ไปเลี้ยงหลาน ไอ้เราก็ยังไม่มีหลาน ลูกไม่ยอมมีเป็นเด็กรุ่นใหม่ มีครอบครัวแต่ไม่มีหลาน" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ต้องขอบคุณข้าราชการกระทรวงมหาดไทยที่ร่วมงานด้วยกันมา 9 ปีเต็ม กระทรวงมหาดไทยถ้าเทียบกับกองทัพบก มีหน่วย ทหาร วัฒนธรรม คล้ายๆกัน แตกต่างกันที่กระทรวงมหาดไทยไม่ต้องสวมเครื่องแบบทุกวัน แต่การทำงานของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ต้นเชื่อมั่นในความสามารถของข้าราชการ เพียงแต่อย่าไปวุ่นวายในสิ่งที่ไม่ควร แค่นั้น และยอมรับว่าที่ผ่านมาข้าราชการกระทรวงมหาดไทยก็ทำให้ตนมีวันนี้ได้อยู่มาถึง 9 ปีเต็มในวันนี้ (30 ส.ค.) หลังจากนี้ จะใช้เวลาพักผ่อน โดยตั้งใจจะไปพักผ่อนที่ญี่ปุ่น ที่สำคัญทะเลอันดามันในประเทศไทยก็จะไปให้ได้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแต่ไปทำงาน ไม่เคยเห็นทะเล แม้แต่ภูทับเบิกก็อยากจะเดินทางไปเพราะสวย จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ และข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันถ่ายภาพกับสื่อมวลชนอย่างชื่นมื่น โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ ดูเหมือนผ่อนคลายร่วมกับสื่อมวลชน ถ่ายรูปเซลฟี่ ร่วมกับผู้สื่อข่าวและช่างภาพอย่างเป็นกันเอง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี