"วิษณุ"บอกไม่จำเป็นต้องมีรมต.ดูกฎหมายเฉพาะ เผยตรวจสอบประวัติแล้วไม่มีปัญหา มีแค่บางคนต้องขอหลักฐานยืนยันความชัดเจน ชี้หากพบประวัติมีปัญหาตัวรมต.ต้องรับผิดชอบเอง ปัดเปิดชื่อมีใครบ้าง
วันที่ 1 กันยายน 2566 ทำเนียบฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรี ที่จะมาดูแลงานด้านกฎหมายให้กับรัฐบาลว่า ในอดีตไม่เคยบอกว่าจะต้องมีรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูฝ่ายกฎหมาย เพราะงานกระจัด กระจายกันไป เกี่ยวพันกับกระทรวงไหน กระทรวงนั้นก็ดูแลไป แต่ในส่วนของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะช่วยดูให้ ซึ่งสมัยที่ตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ก็ได้ใช้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็ได้ช่วยดูด้วย ข้าราชการประจำ ช่วยดูได้ ไม่แปลกอะไร หรือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็ดูได้ เพียงแต่ระยะหลังๆ มีงานมากขึ้น
"ระบบราชการไทย อย่างที่ใครต่อใครเรียกผมว่าเนติบริกร พูดก็พูด ก็เป็นเช่นนั้นแหละ ผมไม่ปฏิเสธ แต่งานที่ผมให้บริการคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี กลับน้อยกว่าที่ผมให้บริการกระทรวงต่างๆหรือกรมต่างๆ งานเหล่านี้อยู่ข้างล่าง อาจจะไม่เคยเห็นกัน แต่สำหรับผมคนนั้น คนนี้ที่ต้องมาประชุมกัน กรมนั้นกรมนี้ขัดกระทรวงกัน ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ขัดแย้งกัน ดังนั้นก็ต้องมีใครมาช่วยดูในภาพรวม จึงได้เกิด รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีขึ้นมาดูแล และต่อไปในรัฐบาลหน้า ถ้าโฉมหน้าเป็นไปอย่างที่หนังสือพิมพ์ลง ผมคิดว่า จริงๆแล้ว รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็สามารถดูกฎหมายได้"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลักษณ์หรือประวัติของรัฐมนตรี จะกระทบกับการทำงาน ของฝ่ายข้าราชการในเรื่องความน่าเชื่อถือหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตรงนี้ขอไม่วิจารณ์ งานกฎหมายของรัฐบาล อยู่ในกฤษฎีกาส่วนหนึ่ง ซึ่งในคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นหัวหน้า และอยู่ในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รับผิดชอบ และอยู่ในสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ และอยู่ในสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่ง อัยการสูงสุดรับผิดชอบ แต่ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการประสานขอความช่วยเหลือ ถ้าเป็นกรณีปัญหา กฎหมายระหว่างประเทศกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าของเรื่อง เป็นการแบ่งกันทำอย่างนี้
เมื่อถามว่าจะมีอะไรแนะนำงานด้านกฎหมายกับรัฐมนตรีใหม่ที่จะมารับผิดชอบหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อมีใครไม่ผ่านบ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ได้รับรายงานว่าไม่มี ขณะนี้มีปัญหาเพียงว่ากำลังขอหลักฐานยืนยันมาให้ชัดเจนเท่านั้น บางอย่างหลักฐานไม่ได้มีที่เรา แต่อยู่ที่เจ้าตัวหรืออยู่ที่หน่วยงาน เช่นกระทรวงพาณิชย์สำหรับการตรวจสอบในส่วนของ กลต. ซึ่งแบบนี้ต้องการหลักฐานยืนยัน โดยอันดับแรกรัฐมนตรีจะต้องกรอกประวัติแล้วเซ็นชื่อรับผิดชอบ มีอะไรขึ้นมาตัวเองจะต้องรับผิดชอบ จะเคยติดคุกหรือไม่อะไรนั้นเราไม่รู้หรอก แต่เบื้องต้นเขาต้องเซ็นมา พอได้มา เราจึงจะเช็คกลับไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างกรณีบกพร่องทางคุณธรรม จริยธรรมมันไม่มีหน่วยงานไหนให้เช็คได้ มันเป็นนามธรรม แต่เจ้าตัวเขาเซ็นรับรอง ว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้ประพฤติบกพร่อง ในทางศีลธรรม อะไรอย่างนี้ก็ต้องวางใจ หลังจากนั้นมีปัญหาอะไรก็ไปถอดถอนกัน เพราะเราไม่รู้จะไปถามที่ไหน ตรงนี้ถามวัดก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ แต่อย่างอื่นสามารถเช็คกับตำรวจได้ แม้กระทั่งบางอย่างเช็คจากกรมควบคุมความประพฤติได้ว่าอยู่ระหว่าง ควบคุมความประพฤติหรือไม่ รอลงอาญาหรือเปล่าอย่างนี้เป็นต้น อย่างไรก็ตามเท่าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ ได้รับรายงานว่าไม่มีปัญหา แต่กำลังอยากจะได้หลักฐานยืนยันที่ชัดเจนเท่านั้น
เมื่อถามว่า ถ้าตรวจสอบคุณสมบัติแล้วไปพบปัญหาในภายหลังใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไร นายวิษณุก กล่าวว่า เจ้าตัวจะต้องรับผิดชอบเอง และหากใครสงสัยก็ไปร้องตามช่องทางและขั้นตอนที่มี เมื่อถามว่ากระบวนการจะล่าช้าออกไปอีกหรือไม่ ถ้าต้องรอเอกสาร ตรงนี้ นายวิษณุกล่าวว่า คิดว่าไม่ช้า เมื่อถามว่าจะสามารถนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯได้ในวันที่ 1 กันยายนนี้ เลยหรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าเปิดเผยได้หรือไม่คนที่ต้องขอเอกสารเพิ่มเติม นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าไปเปิดเผยเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี