‘วิษณุ’เผย‘แม้ว’ยังมีสิทธิ์
ลุ้นการลดโทษ
ตามวโรกาสของวันสำคัญ
เหมือนกับผู้ต้องขังอื่นๆทั่วไป
เปิดกฎเกณฑ์กรมราชทัณฑ์
ทักษิณเข้าข่ายพักโทษผู้สูงวัย
‘หมอวรงค์’แสดงความยินดี
“วิษณุ” เผย “ทักษิณ” ได้สิทธิ์เหมือนนักโทษทั่วไปวโรกาสสำคัญอาจได้รับการลดโทษอีก ฉากทัศน์ต่อไปของ “น.ช.ทักษิณ” เตรียมรับ “การพักโทษ” เหตุสูงวัยโรครุมเร้า-เข้าเกณฑ์ “ราชทัณฑ์” ชงพิจารณาชั้นคณะกรรมการฯ จ่อขยับเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีโดยอัตโนมัติ
เมื่อ 2 ก.ย.2566 - นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงผ่านรายการ “ชั่วโมงข่าวเสาร์อาทิตย์” ทางไทยพีบีเอส ว่า ยืนยันว่า ไม่เคยให้ความเห็นว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่สามารถลดหย่อนโทษได้อีก จากที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ จาก 8 ปี เป็น 1 ปี เพียงแต่ให้ความเห็นว่า ถือเป็นพระราชอำนาจเด็ดขาดเท่านั้น ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ถือว่าเป็นนักโทษที่ถูกจำคุก 1 ปี ซึ่งนักโทษจำคุก 1 ปีคนอื่นได้รับสิทธิ์ประโยชน์อย่างไร นายทักษิณก็จะได้รับสิทธิ์เช่นนั้น รวมถึงการได้รับการลดหย่อนโทษเมื่อถึงเวลาลดหย่อนทั่วประเทศ ถ้ามีการลดกันก็จะได้สิทธิ์เหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ
“ยังลดโทษได้อีก แต่จะลดมั๊ยไม่รู้ บางคนคาดหมายว่าวันเฉลิมพระชนม์พรรษาฯ วันพ่อแห่งชาติ อาจลดได้อีก” นายวิษณุ กล่าว
“แพทองธาร”โพสต์แล้ว
ก่อนหน้านี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร จากโทษจำคุก8 ปี เหลือ 1 ปีว่า เมื่อมีพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ก็จะดำเนินการตามปกติเหมือนกับนักโทษทั่วไป คือเมื่อนายทักษิณ หายป่วยแล้ว ก็จะกลับเข้าเรือนจำ แต่ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้น ก็จะต้องรักษาตัวต่อไป
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้า ครอบครัวเพื่อไทยและบุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ภาพและข้อความหลังนายทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และนายทักษิณ ชินวัตร จะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทั้งชีวิต ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม ประชาชน และรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”
“หมอวรงค์”แสดงความยินดี
ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า...ทักษิณสำนึกผิด ยอมรับผิดในการกระทำ จึงได้รับพระมหากรุณา โชคดีที่เรามีในหลวงเป็นที่พึ่ง ยินดีด้วยครับ
แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยว่าฉากทัศน์ความเป็นไปหลังจากนี้ของนายทักษิณ ชินวัตร ระหว่างรับโทษจำคุก 1 ปี และยังอยู่ในช่วงการนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลตำรวจ ว่าเดิมนายทักษิณ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี คือ คดีที่ 1 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี (ให้นับโทษสูงสุดแทน) และ คดีที่ 3 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม กำหนดโทษจำคุก 5 ปี รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี แต่เมื่อมีพระราชทานอภัยลดโทษรวมมาจึงเหลือเพียงปีเดียว จึงเท่ากับนายทักษิณเหลือโทษจำคุกเพียง 1 ปี
“แม้ว”มีโอกาสปรับเลื่อนชั้น
ต่อจากนั้นจะต้องไปดูในเรื่องของระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังและการแยกคุมขัง การเลื่อนหรือลดชั้นนักโทษเด็ดขาด การลดวันต้องโทษจำคุกและการพักการลงโทษ พ.ศ. 2559 ซึ่งแน่นอนว่าในกรณีของนายทักษิณ เนื่องด้วยเดินทางกลับเข้าประเทศ ไทยในช่วงเกณฑ์ที่ 1 ปีมีการปรับ 3 ครั้ง (สำหรับโทษไม่เกิน 3 ปี) ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ทำให้นายทักษิณจากที่เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง จึงถูกปรับเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากผู้ต้องขังรายใดเข้าเรือนจำฯ ในเดือนกันยายนก็จะทำให้ต้องไปได้รับการปรับชั้นนักโทษในเดือนธันวาคม
เมื่อถามว่าในกรณีของนายทักษิณนั้น จะได้รับการลดโทษลงอีกในวันสำคัญต่างๆหลังจากนี้หรือไม่ หรือต้องรับโทษจำคุก 1 ปีไม่มีการลดหย่อนตามที่มีพระราชอำนาจเด็ดขาดนั้น แหล่งข่าว ระบุว่า เรื่องของการพระราชทานอภัยโทษตามวันสำคัญต่างๆ ทั้งวันพ่อหรือวันแม่ เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ซึ่งไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่าในวันสำคัญต่างๆนั้น จะมีการพระราช ทานอภัยโทษหรือพระราชทานอภัยลดโทษหรือไม่ เป็นสิ่งที่มิอาจก้าวล่วงได้ อย่างไรก็ตาม จะมีเรื่องเกณฑ์อายุของผู้ต้องขัง เช่น กรณีเป็นผู้ต้องขังสูงวัย พ่วงด้วยโรคอาการเจ็บป่วย จะมีในส่วนของการได้รับการพิจารณาพักโทษ ซึ่งทางเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยผู้บัญชา การเรือนจำจะดำเนินการตรวจดูเรื่องหลักเกณฑ์ว่าผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นดีรายใดเข้าเกณฑ์พักโทษ และรายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อเสนอคณะกรรมการ พิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ท้ายสุดจึงจะมีการแจ้งให้ผู้ต้องขังรับทราบ
พักโทษใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็มีบุคคลมีชื่อเสียงหลายรายที่ได้รับการพักโทษและออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้านนอก เพียงแต่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติ เช่น กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย กรณีของนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นต้น อีกทั้งบางรายอาจจะมีการติดกำไลอีเอ็มสักระยะ แต่หากคณะกรรมการเห็นว่ามารายงานตัวปกติ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีก็จะอนุญาตปลดกำไลอีเอ็ม
แหล่งข่าวฯ อธิบายอีกว่า ถือเป็นเกณฑ์ปกติสำหรับนักโทษเด็ดขาดที่ได้เข้าเกณฑ์การพักโทษ เช่น การเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ไม่เคยประพฤติผิดวินัย หรือขณะที่อยู่ในเรือนจำมีความประพฤติดี ซึ่งเรือนจำฯ ก็จะมีการเสนอแจ้งไปยังผู้ต้องขังว่าเข้าเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ระหว่างการพักโทษ ผู้ต้องขังจะอยู่พื้นที่ใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะมีเงื่อนไข คือ ห้ามก่อคดี ห้ามกระทำความผิดระหว่างการคุมประพฤติ เช่น ในกรณีของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ช่วงนั้นมีเงื่อนไขห้ามพูดเรื่องการเมือง เป็นต้น ทำให้ในกรณีของนายทักษิณ ทางคณะกรรมการอาจมีการกำหนดเงื่อนไขเช่นกัน ส่วนเรื่องจำกัดรัศมีกิโลเมตรนั้นแล้วแต่รายบุคคล เพราะบางรายอาจจะถูกเงื่อนไขจำกัดได้แค่พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ส่วนถ้าจะไปต่างจังหวัดก็ต้องดำเนินการแจ้งขออนุญาต อย่างไรก็ตาม การพักโทษจะเป็นความรับผิดชอบของหน้างานกรมคุมประพฤติ และเมื่อจบกระบวนการพักโทษ จึงค่อยดำเนินการรายงานต่อศาล แล้วเข้าสู่กระบวนการปล่อยตัวตามวันเวลา เพราะถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว
ประเมินอาการไปเรื่อย ๆ
เมื่อถามถึงเรื่องการนอนพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ รพ.ตำรวจ จะมีกรอบเวลาเป็นอย่างไรได้บ้าง แหล่งข่าว ระบุว่า ระหว่างนี้การนอนพักรักษาตัวของนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาวอยู่ที่อาการความเจ็บป่วยหนักหรือเจ็บป่วยเบา ซึ่งก็จะต้องได้รับการประเมินวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ทำการรักษา หากแพทย์ประเมินว่าจะต้องอยู่รับการรักษาต่อเนื่องก็ต้องอยู่ แต่ถ้าประเมินว่าอาการทุเลาดีขึ้นพิจารณาส่งกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็สามารถกลับเข้าไปรับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้
แหล่งข่าวฯ ยังยืนยันด้วยว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับเข้าประเทศไทย และเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯนั้น เจ้าตัวได้ดำเนินการยื่นเอกสารขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีทั้งเอกสารคำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับรายคดี เอกสารรายงานคุณงามความดี ข้อมูลประวัติการรักษาอาการเจ็บป่วย และหลักฐานอื่นๆส่วนตัว แต่ภายหลังการยื่นนั้น อยู่ในกระบวนการตรวจสอบเอกสารของทางเรือนจำฯ กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม และไปตามลำดับชั้น จึงเป็นห้วงเวลาตามที่สังคมได้เห็นกัน ก่อนปรากฏพระบรมราชวินิจฉัย อภัยลดโทษ ประกาศเป็นพระราชกิจจานุเบกษาดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี